หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : อานิสงส์ของสมาธิ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2015, 06:54:45 pm (https://lh4.googleusercontent.com/-ZDbZ64_Bpxs/VKuq0YQPFtI/AAAAAAAARXI/Ja6EBIIiptU/w457-h609-no/20141230_064720.jpg) สมาธิชาวบ้าน : อานิสงส์ของสมาธิ ชีวิตของเราตั้งแต่เกิดจนตายล้วนแล้วแต่เป็นความฝัน การทำสมาธิ การนั่งสมาธิ คือการอบรมจิตอย่างหนึ่งที่ส่งผลบุญ ความฝันของชีวิตก็ได้อานิสงส์ของการนั่งสมาธิไปช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของชีวิตให้เราอยู่บนโลกได้ การทำสมาธินั้นเป็นการทำจิตให้เท่าทันจิตของเรา การเท่าทันจิตของเรานั้นจำเป็นที่จะต้องเห็นภาวะจิตในทุกๆ ขณะที่เราใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าเราเห็นภาวะจิตอยู่บ่อยๆ บ่อยจนเห็นภาวะจิตเกือบทุกขณะ ความเท่าทันต่อจิตก็จะเกิดขึ้น จิตเท่าทันทั้งในสิ่งที่เป็นกุศลกรรมและเท่าทันทั้งสิ่งที่เป็นอกุศลกรรม เมื่อปฏิบัติแล้วก็ลองมองใจตัวเองเยอะๆ อย่างน้อยที่สุดก็เอาชนะกิเลสภายในใจของตนให้ได้ก็เกิดความสุขแล้ว ส่วนความทุกข์ต่างๆ ในช่วงชีวิตที่เกิดมาก็เพราะทุกคนมีกรรมของตัวเอง ทำดีก็สบายมีความรู้สึกว่ามีความสุข พอกรรมชั่วส่งผลขึ้นมาก็มีความรู้สึกว่ามีความทุกข์ สลับกันอยู่อย่างนี้ :96: :96: :96: :96: :96: ถ้าเราคิดว่าสิ่งนี้คือความสุข มันก็กลายเป็นความสุข เราไปคิดว่าสิ่งนี้คือความทุกข์ มันก็เป็นความทุกข์ จิตที่เท่าทันแล้วก็จะเกิดการคลายความกำหนัดความยินดีต่างๆ ลงไป เราเท่าทันเสร็จแล้วก็จะปล่อยวางในใจ ปล่อยวางความสุขเพื่อความหลุดพ้น แต่เรามักจะไปคิดว่าความสุขที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสุขที่แท้จริง แต่จริงๆ แล้วความสุขนั้นเกิดจากการไปยึดมั่นถือมั่นว่าของของเรา ของแพงๆ ดีๆ เยอะๆ มากๆ ยึดมั่นไว้ว่าเป็นความสุข ทำให้เรามีอวิชชาความยึดมั่นถือมั่นจนจิตเกิดอวิชชาความหลงนั่นเอง พอเราคิดดี คิดทางบุญกุศล มันก็ดึงกุศลมาหาเรา หากคิดไม่ดี คิดไปในทางอกุศล มันก็ดึงอกุศลเข้ามา จิตเราเองก็เป็นผู้สร้างปรุงแต่งขึ้นมาทั้งนั้น จิตเราเองเป็นผู้สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา แต่การที่เราไม่เท่าทันความรู้สึกของจิตที่สร้างหนังขึ้นมานั้น เราก็หลงปรุงหลงแต่งในอำนาจอวิชชา ความคิดยังยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนี้ ในหนังเขากำหนดว่าอย่างนี้คือความทุกข์ เราก็ไปกำหนดหมายว่าคือความทุกข์ จิตก็ไปปรุงแต่งว่าสิ่งนั้นคือความทุกข์ ทั้งๆ ที่หนังเรื่องนั้น จิตเราเป็นคนสร้างขึ้นมาแท้ๆ st12 st12 st12 st12 st12 ถ้าเราคิดว่าสิ่งนั้นคือความสุข มันก็ช่วยให้ความฝันที่ยังเหลือๆ อยู่ในชีวิตจะดีขึ้นมาได้ แต่พอเรามีความสุขความสบายก็อย่าไปหลงมัน อย่าไปคิดว่ามันจริงจัง ความฝันอันนี้มันเปลี่ยนแปลงได้ ทีนี้คนเราเป็นผู้ฝึกอบรมจิต ฝันดีๆ ก็จะบังเกิดกับเราได้ง่าย ส่วนฝันร้ายๆ เมื่อจิตเท่าทันก็จะหายไป คนที่ยังไม่เข้าใจตรงนี้ก็ยังไปยึดมั่นถือมั่นไว้ นึกว่าสิ่งนี้เป็นความสุข ความทุกข์ ดวงจิตก็จะกลับมาเกิดใหม่ เกิดมาใช้ความสุขอันเป็นบุญ ความทุกข์อันเป็นบาปไม่อยากใช้ แต่กรรมตัวนี้มันเท่าทันอยู่ภายในใจ ชีวิตเกิดมาก็มีกรรมดีและกรรมชั่วเป็นตัวกำหนดสลับกันส่งผล เพียงแต่ว่าช่วงไหนกรรมอันใดส่งผลอยู่ ถ้าเราเห็นตรงนี้แล้ว ผู้ปฏิบัติก็เกิดภูมิปัญญา ไม่หลงไปยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงไปปรุงแต่ง ฟังธรรมไปด้วย ปฏิบัติไปด้วย ปัญญามันก็เกิดเพราะว่าจิตมันได้สมาธิ ท่าทีของมันก็จะสงบนิ่ง ก็ต้องฟังธรรมจนปัญญาเกิดขึ้น แล้วดึงไปพัฒนาความรู้ ความรู้ความเห็นต่างๆ ที่อยู่ในภูมิวิปัสสนามันก็อาศัยการได้ยินนี้ด้วย ต่อเมื่อดวงจิตมีกำลังสูงมากขึ้นๆ จนในที่สุดเอาชนะอะไรต่ออะไรได้หมดทุกอย่าง จิตก็จะกลับมาดูว่า ในที่สุดแล้วมันก็ต้องเอามาถ่ายถอนความเป็นเจ้าของจิตของมันเอง พอมันถ่ายถอนจิตอันเป็นเจ้าของออกไปได้แล้ว เจ้าจิตดวงนี้ก็จะไม่มีเจ้าของ กลายเป็นธาตุรู้เฉยๆ. ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/010215/102385 (http://www.thaipost.net/tabloid/010215/102385) หัวข้อ: Re: สมาธิชาวบ้าน : อานิสงส์ของสมาธิ เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2015, 09:54:20 am ศิล สมาธิ และ ปัญญา เนื่องกันและกัน.....หาก บ่ มี องค์ใด คง บ่ มีสิ่งใด |