สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

วัดในสิงคโปร์ยื่นช่วยสมาคม แรงงานไทย ให้ตั้งตู้บริจาคหาเงินเช่าที่ตั้ง ก่อนได้เช่าที่เดิม-ราคาเดิมเป็นเวลา 2 ปี โดยวัดยังช่วยรับรองทางกฎหมายให้ด้วย พร้อมแยกมารวมกลุ่มตั้งชื่อใหม่เป็น "ชมรมสามัคคีไทยไกลบ้าน (สิงคโปร์)" ระบุเปิดกว้างให้คนไทยในสิงคโปร์มาทำกิจกรรมได้ทุกวัน เผยรัฐบาลไม่เหลียวแลช่วยเหลือช่วงรอหาสถานที่ใหม่

จากกรณีสมาคมเพื่อนแรงงานไทยในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์(สนร.) สังกัดกระทรวงแรงงาน ต้องย้ายสมาคมออกจากห้องเช่า อาคารโกลเด้นมายล์ คอมเพล็กซ์ เลขที่ 5001 ห้อง 03-28 ชั้น 3 ถนนบีช สิงคโปร์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำกิจกรรม การเรียนการสอนภาษาต่างประเทศและคอมพิวเตอร์ให้คนงานไทยในสิงคโปร์ โดยสนร.อ้างว่าเจ้าของห้องขอขึ้นค่าเช่าจากเดือนละ 1,500 เหรียญสิงคโปร์ เป็น 1,800 เหรียญสิงคโปร์ ซึ่งสนร.ไม่มีงบประมาณพอที่จะเช่าได้ต่อไป อีกทั้งอ้างว่าห้องเช่าเดิมยังทรุดโทรม ทำให้สมาคมที่ดำเนินกิจกรรมมากว่า 10 ปี ไม่มีสถานที่และกลายเป็นกลุ่มแรงงานไทยที่เคว้งคว้าง ต้องขนข้าวของเครื่องใช้ออกจากห้องเดิม โดยสนร.ไม่มีความพยายามประนีประนอมหรือเจรจาร่วมกันหาทางออกใดๆ ทำให้สมาชิกสมาคมตัดสินใจไม่อยู่ร่วมกับสนร. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ข่าวสดเสนอไปก่อนหน้านี้

 :96: :96: :96: :96:

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ก.พ. นาง ศุภลักษณ์ กันทา อดีตประธานสมาคมเพื่อนแรงงานไทยในประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มคนงานไทยในสิงคโปร์ที่เคยทำกิจกรรมร่วมกันในนามสมาคมกว่า 300 คน ไม่ต้องอยู่ภายใต้สนร.อีกต่อไป โดยคนงานได้แยกออกมารวมกลุ่มและตั้งชื่อใหม่ว่า "ชมรมสามัคคีไทยไกลบ้าน (สิงคโปร์)" ภายใต้การดูแลของวัดอานันทเมตยาราม ซึ่งเป็นวัดไทยในสิงคโปร์ โดยมีตนเป็นที่ปรึกษาชมรม และมีนายปรีชา กรทอง เป็นประธานชมรม ซึ่งเจ้าของห้องที่โกลเด้นมายล์ คอมเพล็กซ์ ได้ลดราคาค่าเช่าให้ชมรมเช่าห้องเดิมที่เคยใช้ในราคา 1,600 เหรียญสิงคโปร์ สัญญาเช่า 2 ปี โดยวัดอานันทเมตยารามอนุญาตให้ชมรมนำตู้บริจาคไปตั้งในวัด เพื่อรับบริจาคเงินมาเป็นค่าเช่าห้องให้ชมรม อีกทั้งวัดยังช่วยรับรองด้านกฎหมายให้ด้วย ซึ่งในนามตัวแทนคนงานไทย ขอขอบพระคุณในความกรุณาของพระเทพสิทธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดอนันตทเมตยาราม และประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสิงคโปร์ และพระปัญญาธรรมวิเทศ เลขานุการวัด ที่ให้ความช่วยเหลือ

นางศุภลักษณ์กล่าวต่อว่า กิจกรรมที่ชมรมจะดำเนินการยังเหมือนเดิมทุกอย่าง เช่น สอนภาษาจีน ภาษาอังกฤษ สอนคอมพิวเตอร์ สอนร้อยดอกไม้ แต่จากนี้ไปชมรมจะเปิดกว้างมากขึ้น ไม่เฉพาะกลุ่มแรงงานไทยอย่างเดียว แต่จะเปิดให้คนไทยทุกคนที่พักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์เข้ามามีส่วนร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน อีกทั้งยังจัดการเรียนการสอนทักษะวิชาชีพทั่วไปให้แม่บ้านคนไทยที่แต่งงานกับคนสิงคโปร์ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเคยเปิดการเรียนการสอนเฉพาะวันอาทิตย์ แต่จะพยายามเปิดให้ได้ทุกวัน ส่วนงานกิจกรรมของสถานทูตไทยในสิงคโปร์ ทางชมรมยินดีช่วยเหลือเหมือนเดิม เนื่องจากคนงานไทยที่เคยทำกิจกรรมกันมาต่างมีจิตอาสาเสมอ โดยต้องขอขอบคุณสนร. และกระทรวงแรงงานที่เคยให้ความช่วยเหลือในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

"คนงานไทยไม่สามารถดำเนินกิจกรรมตามเวลาราชการที่สนร. เคยพยายามกำหนดเป็นระเบียบแบบแผนได้ เพราะคนงานไทยทำกิจกรรมร่วมกันตามช่วงเวลาที่ว่างจากการทำงานหนัก แต่ละคนมีความเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งหากห้องที่ใช้ทำกิจกรรมเกิดชำรุดทรุดโทรม ก็ยังได้คนงานไทยที่มีทักษะด้านช่างก่อสร้างมาช่วยซ่อมแซมให้ บางครั้งนอกจากการเรียนการสอนทั่วไป ยังนำอาหารมากินร่วมกัน เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน สำหรับการเปิดชมรมอย่างเป็นทางการนั้นจะมีขึ้นในเดือนมี.ค.นี้" นางศุภลักษณ์กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ระหว่างที่กลุ่มคนงานไทยในสิงคโปร์รอหาสถานที่ใหม่ในการตั้งชมรม เพื่อจัดกิจกรรมอย่างที่เคยทำมา ทางรัฐบาลไทยไม่ได้ติดต่อหรือเข้ามาให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด จนกระทั่งกลุ่มคนงานไทยเข้าไปขอความช่วยเหลือจากวัด และได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU16Y3dOekE0T0E9PQ==&sectionid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReU16Y3dOekE0T0E9PQ==&sectionid=)

ตนแล เป็นที่พึ่ง แห่งตน
 มีหน่วยงาน องค์กร การกุศล ต้องปิดตัวลงไป ด้วย ความช่วยเหลือ ของภาครัฐ มีจำนวนมากครับ เพราะบางงานก็ได้รับการสนับสนุน เฉพาะ สส. ท่านนั้น ท่านนี้ อยู่ พอท่านหมดอำนาจลง การสนับสนุน ก็ต้องแปรเปลี่ยนไป อย่างนี้ก็มีมาก หากไม่มีกฏหมายเข้าไปรองรับ หรือ ระบบ ที่ถาวร ก็ต้องปิดตัวลง อย่างหลาย ๆ องค์กร เช่นกันครับ

  :25: :25: :25: