หัวข้อ: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 02:18:36 pm นำมาฝากจาเว็บนี้จ้า
อ่านแล้วสะกิดใจ เห็นว่ามีประโยชน์ http://larndham.org/index.php?/topic/40 (http://larndham.org/index.php?/topic/40) ... ntry732560 นำ เรื่องกรรมปรามาสภิกษุมาเล่าสู่กันฟังครับ เป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังกัน ในฐานะเป็นพุทธศาสนิกชนเราต้องช่วยกันจรรโลงรักษาพุทธศาสนาก็จริง แต่ความจริงแท้เป็นอย่างไรยังไม่ปรากฏ จึงต้องสำรวมและระมัดระวังกันให้มากครับ กรรมของอัมปาลี เกิดเป็นโสเภณี บุ รกรรมของอัมพปาลีเกิดขึ้นในอดีตชาติเมื่อครั้ง ๓๑ กัปก่อน ครั้งนั้นเป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระสิขีทศพล นางอัมพปาลีเกิดเป็นธิดาตระกูลพราหมณ์ในนครอมรปุระ วันหนึ่งนางได้ด่าภิกษุณีรูปหนึ่งว่าเป็นหญิงแพศยา ด้วยเหตุที่ภิกษุณีรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ กรรมนี้จึงเป็นกรรมหนักมาก เมื่อทำกาละแล้วนางอัมพปาลีจึงต้องไปรับกรรมหมกไหม้อยู่ในนรกนานแสนนาน เมื่อ พ้นกรรมหนักจากนรกกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เศษของกรรมได้ส่งผลให้นางอัมพปาลีต้องเกิดเป็นหญิงแพศยามานับหมื่นๆ ชาติ จนถึงพุทธกาลปัจจุบันนางเกิดขึ้นโดยการอุบัติ (โอปปาติกกำเนิด) เป็นสาวสวยที่โคนต้นมะม่วงในพระราชอุทยานกรุงเวสาลี จึงได้ชื่อว่า อัมพปาลี แต่ด้วยเศษของอกุศลกรรมที่เคยด่าพระเถรีในครั้งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ ความงามของนางจึงเป็นโทษ เพราะทำให้บรรดาเจ้าชายลิจฉวีทะเลาะแย่งชิงกันเพื่อจะได้นางไปเป็นสนม คณะผู้พิพากษาแห่งวัชชีต้องยุติข้อขัดแย้งโดยตัดสินให้อัมพปาลีเป็นหญิง แพศยา เป็นนางคณิกานคร เป็นสมบัติของทุกคน การแย่งชิงนางจึงสงบลงได้ (ภายหลังบวชเป็นภิกษุณีและสำเร็จเป็นพระอรหันต์) กรรมของโสไรยบุตร จากชายกลายเป็นหญิง โสไรยบุตร เป็นบุตรเศรษฐีในโสไรยนครซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ใกล้กรุงสาวัตถี เขามีภริยา และมีบุตรชายแล้ว ๒ คน วัน หนึ่ง โสไรยบุตรนั่งยานออกไปอาบน้ำนอกนครกับบริวาร ระหว่างทางเห็นพระมหากัจจายนเถระกำลังบิณฑบาตอยู่ พระเถระรูปนี้มีรูปสวย มีผิวพรรณวรรณะงดงามดังทองคำ โสไรยบุตรเห็นพระเถระแล้วเผลอใจคิดไปว่า “สวยจริงหนอ พระเถระรูปนี้น่าจะได้เป็นภริยาของเรา” ด้วยจิตอันเป็นอกุศล ต่อพระเถระขีณาสพผู้ล่วงอาสวะแล้ว เพศชายของโสไรยบุตรจึงหายไป กลับกลายเป็นเพศหญิงมาแทนที่ โสไรยบุตรกลับกลายเป็นโสไรยธิดา เป็นกุลธิดารูปงาม ด้วยความตกใจและความอายเธอจึงลงจากยานแอบหนีไป คนรู้จักแม้มองเห็นก็จำไม่ได้ว่ากุลธิดานี้คือโสไรยบุตร โสไรยธิดาลงจาก ยานแล้วไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เธอจึงเดินตามขบวนเกวียนสินค้าขบวนหนึ่งไป เมื่อเดินจนเมื่อย เธอจึงถอดแหวนให้ และขอนั่งไปบนเกวียน ขบวนเกวียนนั้น เดินทางถึงตักกศิลา แคว้นคันธาระ นายเกวียนคิดว่าบุตรเศรษฐีในกรุงตักกศิลายังไม่มีภริยา กุลธิดาผู้นี้มีรูปงามสมกัน เขาจึงพาโสไรยธิดาไปพบบุตรเศรษฐีหวังได้รางวัล บุตรเศรษฐีเห็นนางแล้วหลงรัก รับนางเป็นภริยา โสไรยธิดาจึงได้เป็นภริยา ของบุตรเศรษฐีกรุงตักกศิลา ต่อมาเธอก็ตั้งครรภ์ และมีบุตรกับสามี ๒ คน ตอนนี้เธอจึงมีบุตรแล้ว ๔ คน บุตร ๒ คนแรกมีเธอเป็นบิดาอยู่ที่โสไรยนคร ส่วนบุตรอีก ๒ คนมีเธอเป็นมารดาอยู่ร่วมกันที่ตักกศิลา (ต่อมาโสไรยธิดาธิดาได้ขอขมาพระเถระจึงได้กลับเพศเป็นชาย ออกบวช และสำเร็จเป็นพระอรหันต์) กรรมของอุคคเสน จากบุตรเศรษฐีเป็นนักแสดงกายกรรม ใน อดีตกาลครั้งพุทธกาลของพระกัสสปทศพล ชนจำนวนมากช่วยกันสร้างเจดีย์บูชาพระบรมศาสดา ในครั้งนั้นมีสองสามีภรรยามีจิตศรัทธาขนของกินของใช้บรรทุกยานเดินทางไปร่วม งานก่อสร้างพระเจดีย์ ระหว่างทางพบพระเถระองค์หนึ่งกำลังบิณฑบาตอยู่ ภรรยาเห็นพระเถระจึงบอกสามีว่าของกินในยานเรามีจำนวนมาก นายจงนำบาตรของพระคุณเจ้ามาเพื่อถวายภิกษาเถิด เมื่อสามีรับบาตรมาแล้ว ภรรยาก็ใส่บาตรนั้นจนเต็ม ให้สามีนำกลับไปถวายพระเถระ เสร็จแล้วภรรยาได้กล่าวคำปรารถนาว่า ท่านเจ้าข้า ด้วยผลบุญที่ดิฉันและสามีได้ถวายภิกษาแก่ท่านนี้ ขอให้ดิฉันทั้งสองได้เห็นธรรมอันท่านได้เห็นแล้วด้วยเถิด พระเถระตรวจดูความปรารถนานั้นเห็นว่าจะสำเร็จสมความปรารถนาในพุทธกาลถัดไป ท่านจึงทำอาการยิ้ม ภรรยาเห็นพระเถระยิ้มจึงพูดกับสามีว่า ดูสินาย พระคุณเจ้าของเราท่านยิ้มเหมือนเด็กนักฟ้อนเลย สามีเห็นดีเห็นงามตามภรรยาตอบว่า จริงสิ แม้ คำพูดนี้จะไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ แต่ก็เป็นกรรมที่ทำกับพระเถระขีณาสพ ในพุทธกาลปัจจุบันภรรยาผู้นั้นจึงเกิดมาเป็นหญิงนักฟ้อน ส่วนสามีได้เกิดมาเป็นบุตรเศรษฐีในนครราชคฤห์ชื่อว่า อุคคเสน แต่เพราะเห็นดีเห็นงามไปกับภรรยาด้วยเขาจึงมีกรรมต้องออกจากเรือนเศรษฐีไป เร่ร่อนอยู่ในคณะมหรสพกับหญิงผู้เป็นภรรยา (ภายหลังทั้งสองสำเร็จเป็นพระอรหันต์) กรรมของพระจูฬปันถก ภิกษุปัญญาทึบ จูฬ ปันถกเป็นหลานชายราชคฤห์เศรษฐี พี่ชายชื่อมหาปันถกซึ่งออกบวชและสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วมาชวนให้ออกบวช ด้วย จูฬปันถกจึงออกบวชในสำนักของพระพี่ชาย แต่ด้วยกรรมเก่าเมื่อครั้งบวชเป็นภิกษุในพุทธกาลก่อน เคยพูดเยาะเย้ยภิกษุรูปหนึ่งว่าปัญญาทึบ แม้จะมีวาสนาบารมีจากการบวชมาแล้ว แต่กรรมเก่านั้นได้ส่งผลให้พระจูฬปันถกมีปัญญาทึบมาก พระพี่ชายให้ท่องคาถาแค่ ๔ บาท ใช้เวลาท่อง ๔ เดือนยังท่องไม่ได้ จนถูกพระพี่ชายไล่ให้สึกไปยืนร้องไห้อยู่ที่ซุ้มประตูวิหาร (สุดท้ายได้อุบายธรรมโดยตรงจากพระบรมศาสดา สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก และมีปัญญามาก) กรรมของวัสสการพราหมณ์ เกิดเป็นลิง วัส สการพราหมณ์เป็นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ เป็นคนมีปัญญามากกว่าอำมาตย์อื่นจึงเป็นที่ไว้วางพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู ได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้าทูลถามราชกิจจากพระบรมศาสดาบ่อยๆ แต่วัสสการพราหมณ์เป็นคนนอกศาสนา แม้จะไปเฝ้าพระศาสดาบ่อยครั้ง แต่ก็ไปเพราะพระบัญชาของพระเจ้าอชาตศัตรู ไม่ได้ไปเพราะนับถือพระรัตนตรัย วัน หนึ่งวัสสการพราหมณ์เห็นพระมหากัจจายนะเถระลงมาจากเขาคิชฌกูฏิ ด้วยความคะนองปากจึงเอ่ยวาจาเปรียบพระกัจจายนะเถระว่าคล้ายลิง พระพุทธองค์ตรัสเตือนว่า การพูดปรามาสพระอรหันต์ขีณาสพผู้พ้นอาสวะแล้วเป็นกรรมหนัก กรรมนี้จะทำให้วัสสการพราหมณ์ต้องไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในวัดเวฬุวัน ต้องขอขมาโทษจากพระเถระจึงจะพ้นจากกรรมนี้ได้ วัสสการพราหมณ์ฟังแล้วไม่ ได้ทำตาม แต่ก็ครั่นคร้ามว่าคำของพระศาสดาไม่เคยคลาดเคลื่อน เขาจึงเร่งปลูกไม้ผลสารพัดชนิดภายในวัดเวฬุวัน และว่าจ้างคนมาดูแลสวนเป็นอย่างดี หวังเพียงว่าเมื่อต้องไปเกิดเป็นลิงเขาจะได้มีผลไม้กิน เมื่อทำกาละแล้ว วัสสการพราหมณ์ก็ได้ไปเกิดเป็นลิงอยู่ในสวนภายในเวฬุวันวิหารสมดังพุทธดำรัส เวลาใครเอ่ยชื่อเรียกวัสสการพราหมณ์ ลิงตัวนี้ก็จะเข้ามายืนใกล้ๆ ด้วยความเข้าใจ กรรมของปัญจปาปี ผู้หญิง ๕ บาป อดีตกาลครั้ง สิ้นพุทธกาลจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนไปแล้ว มีหญิงยากไร้คนหนึ่งอาศัยในนครพาราณสี วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งขยำดินเหนียวเพื่อใช้ทาฝาเรือนอยู่ ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเที่ยวบิณฑบาตหาดินเหนียวเนื้อดีเพื่อจะนำไป ทาเงื้อมฝาที่อยู่อาศัยของท่านที่ชำรุด มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า หญิงยากไร้ นั้นรู้สึกโกรธ เธอทำหน้าบึ้ง มองค้อน และทำปากหมุบหมิบพูดประชดประชันพระปัจเจกพุทธเจ้าว่า เช้าก็บิณฑบาตอาหาร พอสายยังมาบิณฑบาตดินเหนียวอีก พระปัจเจกพุทธเจ้าประสงค์จะโปรดหญิงยากไร้นั้น ท่านจึงยืนสงบนิ่งอยู่ ครั้นหญิงยากไร้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าสงบนิ่งอยู่ในอาการสำรวมเช่นนั้น ความรู้สึกโกรธก็หายไป กลับมีจิตเลื่อมใส เธอจึงยกดินเหนียวก้อนใหญ่ใส่ลงในบาตร เมื่อถึงกาลกิริยาแล้ว หญิงยากไร้นั้นได้ไปเกิดเป็นธิดาของหญิงทุคตะ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ประตูนอกเมืองพาราณสีนั้นเอง และด้วยวิบากกรรมที่เธอทำกิริยาไม่งามต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า ร่างกายของเธอจึงผิดปกติ ๕ อย่าง คือ มือ เท้า ปาก ตา และจมูก เป็นหญิงอัปลักษณ์ ใครเห็นใครเมิน ใครมองก็รังเกียจ บางคนแค่เห็นหน้าก็จะอาเจียน ชาวบ้านเรียกเธอว่า ปัญจปาปี หรือหญิง ๕ บาป แต่เพราะกุศลกรรมที่ใส่บาตรด้วยดินเหนียว ผิวกายของนางจึงอ่อนนุ่มมาก ใครได้สัมผัสนางเป็นต้องหลงรักทุกคน ต่อมานางจึงได้เป็นราชินีถึงสองนคร มีสามีทีเดียวถึงสองคน การปรามาส การทำร้าย บุคคลผู้มีศีล มีธรรม หรือผู้มีพระคุณ จะให้ผลของกรรมสูงเสมอ อย่างเช่น พ่อ แม่ ครู อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ใครทำร้ายท่านย่อมได้รับผลกรรมหนักมาก นอกจากอย่าปรามาส อย่าทำร้ายแล้ว บุคคลผู้มีคุณธรรมสูง เป็นผู้มีศีล แม้เป็นฆราวาสก็เป็นเนื้อนาบุญที่ดีได้ มีในพระไตรปิฎกอีกเรื่องหนึ่ง เรือ สินค้าลำหนึ่งล่องไปกลางทะเล ไปถึงเกาะแห่งหนึ่ง บนเกาะนั้นมีวิมาน ในวิมานมีเทพธิดารูปงามมากมองเห็นอยู่ที่ช่องหน้าต่าง พวกชาวเรือบอกให้เทพธิดาออกมาจากวิมานจะขอชมโฉมที่สวยงาม เทพธิดาบอกว่าเธอออกมาไม่ได้ เพราะเธอโป๊ ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอเป็นเวมา นิกเปรต คือเป็นกึ่งเทพกึ่งเปรต พวกชาวเรือถามว่าทำอย่างไรเธอจึงจะได้เสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิดร่างกาย เวมานิกเปรตตอบว่าต้องทำบุญด้วยผ้า บนเรือลำนั้นไม่มีนักบวชไปด้วยเลยจะ ทำบุญกับใครได้ นายเรือนึกขึ้นได้ว่ามีผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นคนรักษาศีล จึงจัดที่นั่งให้นั่ง แล้วนำผ้าให้เป็นทานแก่คนรักษาศีลคนนั้น แล้วตั้งใจอุทิศส่วนบุญให้เวมานิกเปรต เพียงเท่า หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: wiriya ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 02:56:00 pm อนุโมทนา กับครูอาริสา ด้วยครับ
ผมตามใน Hi5 แล้ว ตั้งใจช่วยงานเผยแผ่ จริง ๆ นะครับ :25: หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ พฤศจิกายน 11, 2010, 11:32:09 pm อนุโมทนา กับเรื่องนี้ด้วยครับ
:25: หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: fasai ที่ พฤศจิกายน 12, 2010, 05:40:32 am อนุโมทนา กับเรื่องที่ยกมาให้อ่าน คะ
:25: หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 02, 2014, 10:27:18 am st11 st12 thk56
หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: DANAPOL ที่ มกราคม 02, 2014, 11:55:23 am st11 thk56
หัวข้อ: Re: ปรามาสภิกษุ กรรมที่ต้องระมัดระวัง เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มกราคม 02, 2014, 06:00:20 pm st12 st12 st12
|