หัวข้อ: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มีนาคม 03, 2015, 10:17:04 am (http://www.madchima.net/images2558/makhabucha58.png)
หัวข้อ: สาระธรรม สำคัญ สำหรับ วัน มาฆะบูชา มีดังนี้ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มีนาคม 03, 2015, 10:36:19 am 1.หลักการปฏิบัติ ของผู้ภาวนา ที่จะเรียกว่า บรรพชิต หรือ สมณะ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
๏ ขันติ คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่า นิพพานเป็นบรมธรรม ผู้ทำร้ายคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้เบียดเบียนคนอื่น ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะ เนื่องด้วย คนทั้งปวง บางครั้ง ก็เรียก สมณะ บางครั้ง ก็เรียก บรรพชิต ดังนั้นการจะเป็นสมณะ หรือ บรรพชิต ที่ได้รับการอุปสมบถโดยตรง ด้วยวาจาจากพระพุทธเจ้า ว่า ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว อย่างนี้ ดังนั้นบรรดาพระอรหันต์ 1250 รูป ล้วนแล้วบวชด้วยวาจา อย่างนี้ ดังนั้น การรู้ระเบียบ วินัย นั้นตอนนั้น ยังไม่มีเพราะพระพุทธเจ้า ทรงบัญญัติ ไปตามความผิด ดังนั้น พระวินัย จึงเพิ่มพูนไปตามวาระ ไม่เหมือน พระธรรม ซึ่งถูกประกาศไว้แน่นอน 2. พระพุทธเจ้า ทรงประกาศธรรม ที่เรียกว่า ระเบียบการสอนของภาพรวม เพื่อให้พระอรหันต์ มีหลักการในการเผยแผ่ มี 3 ข้อ ย่อ คือ 1. การละอกุศล 2. การสร้างกุศล 3. การทำจิตให้ขาวรอบ เนื่องด้วยการเกิด พระพุทธศาสนา สำหรับเราที่นับถือก็นับว่าเป็นศาสนา สำหรับคนที่ไม่นับถือ ก็จัดว่าเป็นลัทธิ ที่มีความเชื่อ ไม่ต่างจากลัทธิต่าง ๆ ในสมัยนั้น คนเคารพก็มี คนไม่เคารพก็มี คนทำตามก็มี คนที่ขัดขวางก็มี ดังนั้น เพื่อให้การเผยแผ่ พระธรรมมีระเบียบแบบแผน จึงทรงตรัสสอนวิธีการสอน 3 ประการ คือ สอนละความชั่วก่อน และสอนให้คนสร้างความดี จากนั้น สอนให้จิตใจบริสุทธิ์หมดจด จากความดีที่ทำลงไป คือ สอนให้ทำความดี ไม่ติดดี ไม่ใช่ทำความดีเพื่อ ลาภ ยศ สุข หรือ สรรเสริญ แต่การสอนให้ทำความดี เบื้องต้นก็คือ สอนให้ได้รับความสุข นะแต่สุดท้าย เมื่อปฏิบัติไปถึงระดับสูง ชั่ว ไม่ทำ ดี ก็ไม่ติด ดี หรือ ชั่ว ก็หมดไป กลายเป็น เหนือดี เหนือ ชั่ว นั่นคือ เหนือโลก 3. การสอนที่ไม่ผิดเพี้ยน จากพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ การไม่กล่าวร้าย 1 การไม่ทำร้าย 1 ความสำรวมในปาติโมกข์ 1 ความเป็นผู้รู้จักประมาณในอาหาร 1 ที่นั่งนอนอันสงัด 1 ความเพียรในอธิจิต 1 หลักปฏิบัติ ที่สอนกันมาสำหรับ บริษัททั้ง 2 คือ ภิกษุ ภิกษุณี ก็อาศัยการกระจาย ตามหัวข้อธรรมที่เหลือ นี้ แบ่งออกเป็น สิ่งที่ต้องเว้น คือ การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย สิ่งที่ต้องรักษา คือ การสำรวมในพระปาฎิโมกข์ คือ ข้อบัญญัติ ที่ได้บัญญิัตไว้ ส่ิงที่ต้องควบคุม คือ การนอน การบริโภค ให้เป็นไปเพื่อความสงัด เพื่อความจางคลาย จากกิเลส ส่ิงที่ต้องพากเพียร คือ การทำอธิจิต ให้เกิดขึ้น นั่นก็คือ การดำเนินจิตไปในกรรมฐาน จะเห็นได้ว่า วันมาฆะบูชา นั้น ถ้าพวกเราทบทวน ให้ดีก็จะเห็นแบบอย่าง แนวทางในการเผยแผ่ธรรมที่พระพุทธเจ้า ทรสตรัสแนะนำกับพระอรหันต์ ( ย้ำพระอรหันต์ นะ ) ให้เป็นแบบอย่างในการนำ ผู้ติดตาม ที่เรียกว่า สัทธิวิหาริก คือ ผู้ใต้ปกครอง ให้เจริญตามแนวทาง เพราะว่า พระอรหันต์ ถึงแม้จะดับกิเลส ก็ วาสนาไม่เท่ากัน แตกต่างกันด้วย ปฏิสัมภิทาสี่ บ้าง เตวิชโช ฉฬภิญโญบ้าง ดังนั้น การบัญญัตแนวทาง ให้แก่พระอรหันต์ ยุคต้นนั้น จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นแบบแผน ต่อมา ถึงปัจจุบัน หัวข้อ: คำตอบ จาตุรงคสันนิบาต คือ อะไร ? เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มีนาคม 03, 2015, 10:40:46 am ans1
คำตอบ จาตุรงคสันนิบาต คือ อะไร ? 1. เป็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (วันเพ็ญเดือน 3 ) 2. พระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมโดยมิได้นัดหมาย 3.ภิกษุเหล่านั้นเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา 6 ทั้งหมด ไม่มีภิกษุผู้เป็นปุถุชนหรือพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีแม้สักรูปเดียวมาประชุมในครั้งนี้ 4.พระภิกษุทั้งหมดเป็นผู้ที่ได้รับการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ซึ่งพระบรมศาสดาทรงประทานการบวชให้ หัวข้อ: พระอรหันต์ ที่มาวันนั้น เป็น ใครบ้าง ( คำตอบนี้ตอบได้ยากนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มีนาคม 03, 2015, 10:51:03 am พระอรหันต์จำนวน 1,250 รูป ที่เข้าร่วมสันนิบาตในครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ กลุ่มที่ 1 คณะพระภิกษุอดีตชฏิล 3 พี่น้อง มีท่านอุรุเวลกัสสปะเป็นหัวหน้า และบริวารทั้งหมด 1,003 รูป แน่นอน กลุ่มที่ 2 คณะที่เป็นบริวารของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ มีจำนวน 203 รูป แน่นอน คือปัญหาที่ถามว่า มีใครบ้าง ก็คงจะตอบชื่อได้ ไม่กี่ท่าน นะ 1.อุรุเวลกัสสปะ 2.นทีกัสสปะ 3.คยกัสสปะ 4.พระสารีบุตร 5.พระโมคคัลลานะ ปํญหา ก็คือ อีก 44 รูป จะเป็นกลุ่มไหน ? กลุ่มที่ 1 ปัญจวัคคีย์ หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็มานั่งคิดว่า ธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นั้นเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง ไปสอนคนอื่นแล้วจะมีใครเข้าใจรึเปล่า แต่พระองค์คิดได้ว่า "คนเราเปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า" ในคนจำนวนนั้นต้องมีใครเข้าใจบ้างแหละ ในที่สุดพระองค์จึงตัดสินใจออกเผยแผ่คำสอน ตอนแรกพระองค์คิดจะไปโปรด 2 ดาบสที่เคยเป็นอาจารย์แต่ทั้ง 2 ได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงตัดสินใจไปโปรด "ปัญจวัคคีย์" ที่ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน (เป็นชื่อป่าที่ยาวมากกก) ในวันเพ็ญเดือน 8 พระพุทธเจ้าทรงแสดง "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" ส่งผลให้ ท่านโกณฑัญญะบรรลุโสดาบัน หลังจากนั้นไม่นานปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด (ปัญจวัคคีย์ มี 5 คน ได้แก่ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ อัสสชิ) กลุ่มที่ 2 ยสกุลบุตร หลังจากนั้นไม่นานเท่าไรนัก ใกล้กับป่าอิสิปตนมฤคทายวัน มีบ้านของเศรษฐีผู้หนึ่ง ลูกชายบ้านนี้ชื่อว่า "ยสะ" เป็นผู้ที่ร่ำรวยมาก มีบ้าน 3 ฤดู (มีเหมือนกับเจ้าชายสิทธัตถะเลย) วันนึงเกิดเบื่อหน่าย จึงออกเดินเรื่อยเปื่อย พร้อมกับรำพึงกับตัวเองว่า "ที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ" เดินไปเรื่อยๆจนถึงที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงทรงเรียกมาและทรงแสดงธรรม จนยสกุลบุตรนี้บรรลุเป็นพระอรหันต์ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนของเขาอีก 4 คน (ชื่อ วิมล สุพาหุ ปุณณชิ ควัมปติ) รวมกับบรรดาสหายอีก 50 คน ภายหลังบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น กลุ่มที่ 3 ภัททวัคคีย์ หลังจากมีพระสงฆ์ถึง 60 องค์แล้ว พระพุทธเจ้าก็ให้แยกย้ายกันไปเผยแผ่ศาสนา ระหว่างที่พระพุทธเจ้ากำลังเดินทางไปตำบลอุรุเวลา ก็พบชายกลุ่มหนึ่งเรียกว่า "ภัททวัคคีย์" มีจำนวน 30 คน ตามหาหญิงแพศยา ได้เข้ามาถามพระพุทธเจ้าว่าทรงเห็นหญิงผู้นี้รึเปล่า พระพุทธเจ้าถามกลับไปว่า "แสวงหาหญิง หรือแสวงหาตนเองดีกว่ากัน" ชายกลุ่มนี้จึงคิดได้ว่าแสวงหาตนเองย่อมดีกว่า จึงยอมฟังธรรมของพระองค์จนบรรลุอรหัตผลในที่สุด กลุ่มที่ 4 ชฎิล 3 พี่น้อง ณ ตำบลอุรุเวลา มีชฎิล (นักบวชบูชาไฟ) 3 พี่น้องอาศัยอยู่ริมแม่น้ำ คนโตชื่อ "อุรุเวลกัสสปะ" มีบริวาร 500 คน คนกลางชื่อว่า "นทีกัสสปะ" มีบริวาร 300 คน ส่วนคนเล็กชื่อว่า "คยากัสสปะ" มีบริวาร 200 คน พระพุทธเจ้าได้เข้าไปแสดงธรรมกับคนกลุ่มนี้ สอนเกี่ยวกับเรื่องความร้อนว่า "รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นของร้อน" "กิเลสเป็นของร้อน" ฯลฯ จนในที่สุดทั้ง 1003 คน ก็ได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนาและบรรลุเป็นพระอรหันต์เช่นกัน กลุ่มที่ 5 อุปติสสะ โกลิตะ ชื่อนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไร แต่ทั้งสองเป็นชื่อเดิมของ "พระสารีบุตร" และ "พระโมคคัลลานะ" อุปติสสะและโกลิตะเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองต่างออกแสวงหาโมกขธรรม ให้สัญญากันว่าถ้าใครพบแล้วให้มาบอกอีกคนด้วย วันนึงอุปติสสะ (พระสารีบุตร) เห็นพระอัสสชิ (จำได้มั้ย ท่านเป็นหนึ่งในปัญจวัคคีย์) เดินบิณฑบาตด้วยอาการสำรวมก็เกิดเลื่อมใส เข้าไปถามว่าใครเป็นศาสดาของท่านและมีคำสอนอะไรบ้าง พระอัสสชิกลับตอบว่า "เราเพิ่งบวชได้ไม่นาน ไม่อาจแสดงธรรมได้มากนัก" จึงแสดงธรรมโดยย่อว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับไปเป็นธรรมดา" เพียงเท่านี้อุปติสสะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงไปชวนโกลิตะ (พระโมคคัลลานะ) พร้อมบริวาร 200 คน ออกบวชในพระพุทธศาสนา ภายหลังบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น อุปติสสะ (พระสารีบุตร) ภายหลังได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ได้รับการยกย่องว่ามีปัญญามาก โกลิตะ (พระโมคคัลลานะ) ภายหลังได้เป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย ได้รับการยกย่องว่ามีฤทธิ์มาก มานับกันว่าตอนนี้มีพระอรหันต์กี่องค์แล้ว ปัญจวัคคีย์ 5 + ยสกุลบุตร 55 +ภัททวัคคีย์ 30 + ชฎิลพี่น้อง 1003 + อุปติสสะโกลิตะ 202 รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 1295 องค์ 7 เดือนต่อมา หลังจากได้พุทธสาวกกลุ่มแรก (ปัญจวัคคีย์) ก็ถึงวันเพ็ญเดือน 3 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา มีพระอรหันต์มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายทั้งสิ้น 1250 องค์ เพราะฉะนั้น พระอรห้นต์ที่ไม่มาประชุมเท่ากับ 1295 - 1250 = 45 องค์ ดังนั้น มีพระอรหันต์ ถึงขณะวันที่ประชุม จาตุรงคสันนิบาตนั้น มีพระอรหันต์ แล้ว 1295 รูป มาประชุม แน่นอน 1205 รูป 2 คณะ ที่เหลือ ต้องอนุมาน เอาเองว่าน่าจะเป็นกลุ่มไหน อีก 45 รูป ส่วนพระรูปอื่น ๆ นั้น ในจำนวน ไม่สามารถระบุชื่อได้ หรือ ใครมี ก็ช่วยบอกหน่อย นะ หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ มีนาคม 03, 2015, 11:25:46 am st12 st12 st12 st11 st11 st11 เป็นคุณประโยชน์ดีงามแล้วครับ หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มีนาคม 03, 2015, 07:51:46 pm (http://www.madchima.net/images2558/makhabucha58.png)
(http://www.prommapanyo.com/smf/Smileys/classic/anumo2.gif) (http://www.prommapanyo.com/smf/Smileys/classic/anumo2.gif) หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ มีนาคม 04, 2015, 06:16:53 am เป็นหัวข้อ ที่ เราชาว สมาชิก ในที่นี้ ควรให้ความสำคัญ นะครับ
เพราะว่าครูอาจารย์ ที่นี่ ดูเหมือน จะทรงตามธรรม ไม่ยุ่งไปกับ พระชาวบ้าน เลยนะครับ ผมว่า สายภาวนา น่าจะได้บุญมากกว่า .. นะครับ st11 st12 st12 หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: nirvanar55 ที่ มีนาคม 05, 2015, 05:22:09 am st11 st12 st12
แน่นด้วยเนื้อหา มีเรื่องที่ยากรู้ แต่ไม่รู้จะถามอย่างไร หลายเรื่อง ในที่สุดก็เข้าใจเสีย ที สมกับภูมิธรรม ระดับครูอาจารย์ :25: หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: modtanoy ที่ มีนาคม 05, 2015, 11:28:08 am st11 st12 st12 รู้แล้ว ละ กิเลสได้หรือ ยัง เฮ้อ น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง นะ น้อง :88: หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: Roj khonkaen ที่ มีนาคม 05, 2015, 12:34:11 pm st11 st12 st12 thk56
:25: :25: :25: หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: Hero ที่ มีนาคม 05, 2015, 05:29:16 pm st11 st12 st12 แสดงว่าไม่ได้ อ่าน ลักษณะการมีมนุษย์สัมพันธ์ ในโอวาทปาฏิโมกข์เลยนะครับ เว้นจากการพูดร้าย ( พูดแล้ว ทำให้ตัวเองลงนรก และ พาคนอื่นไปนรกด้วย ) โธ่ ๆๆๆๆๆๆๆๆ น่าสงสาร เสียจริง :P หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มีนาคม 06, 2015, 01:36:15 am ขออนุโมทนาสาธุ
หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ มีนาคม 07, 2015, 09:13:33 am st11 st12 st12 หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ มีนาคม 07, 2015, 09:13:47 am st11 st12 st12
หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: DANAPOL ที่ มีนาคม 07, 2015, 04:44:52 pm st11 st12 st12
หัวข้อ: Re: รำลึก พุทธโอวาท ของ พระพุทธเจ้า กันเถิด ( 2558 แล้วนะ ) เริ่มหัวข้อโดย: saieaw ที่ มีนาคม 08, 2015, 07:38:38 pm st12 st12 st12
|