สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 14, 2015, 09:05:26 am



หัวข้อ: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 14, 2015, 09:05:26 am
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4b/Watphomap.png/800px-Watphomap.png)
แผนผังวัดพระเชตุพนฯ อย่างคร่าวๆ ขอบคุณภาพจาก commons.wikimedia.org/wiki/File:Watphomap.png

English : Map of Wat Po, Bangkok, Thailand
ไทย : แผนผังวัดพระเชตุพนฯ

    1. Phra Ubosot - พระอุโบสถ
    2. Ubosot-Wall (Kampaeng Kaeo) - กำแพงแก้ว
    3. Eastern Viharn - พระวิหารทิศตะวันออก
    4. Southern Viharn - พระวิหารทิศใต้
    5. Western Viharn - พระวิหารทิศตะวันตก
    6. Northern Viharn - พระวิหารทิศเหนือ
    7. Phra Prang - พระปรางค์
    8. Five Chedi on Single Base - พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียว
    9. Phra Chedi Rai - พระเจดีย์ราย
  10. Phra Rabieng (Gallery) - พระระเบียง
  11. L-shaped Viharn - พระวิหารคด
  12. Model Hills - เขามอ
  13. Phra Maha Chedi Group - พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล
  14. Phra Mondop (Library) - พระมณฑป (หอไตรจตุรมุข)
  15. Library Pavillon (Museum) - พระวิหารทิศพระนาคปรก (ห้องจัดแสดงโบราณวัตถุ)
  16. Viharn of the Reclining Buddha - พระวิหารพระพุทธไสยาส
  17. Sala Kan Parien (Preaching Hall) - ศาลาการเปรียญ
  18. Misakawan Park (The Bodhi Tree) - สวนมิสกวัน
  19. Crocodile Pond - สระจระเข
  20. Belfry - หอระฆัง
  21. "Crowned" Gate with Chinese Stone Giants - ซุ้มประตูทรงมงกุฎ และ ตุ๊กตาจีน
  22. Thai Traditional Medical Science School - โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ และ การนวดแผนโบราณ
  23. Sala Rai (Multipurpose Pavillon) - ศาลาราย



วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (/พฺระ-เชด-ตุ-พน-วิ-มน-มัง-คฺลา-ราม/) หรือ วัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจำรัชกาลในรัชกาลที่ 1 ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 และวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลก ในทะเบียนนานาชาติ

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในแง่ของการท่องเที่ยวแล้ว วัดโพธิ์ได้รับความนิยมเที่ยวเป็นลำดับที่ 24 ของโลก ในปี พ.ศ. 2549 โดยมีนักท่องเที่ยวมาเยือนในปีนั้นถึง 8,155,000 คน


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/th/thumb/f/f4/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C.jpg/799px-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C.jpg)


ประวัติ

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามตามประวัติสร้างมาตั้งแต่ครั้งสมัยอยุธยา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกับการสร้าง เดิมเรียกว่า "วัดโพธาราม" หรือ "วัดโพธิ์" ได้ถูกยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในสมัยกรุงธนบุรี ครั้งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดนี้ใหม่ใน พ.ศ. 2331 โดยทรงสร้างพระอุโบสถ พระระเบียง พระวิหาร ตลอดจนบูรณะของเดิม เมื่อแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2344 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส" เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

นับจากนั้นวัดพระเชตุพนได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้โปรดเกล้าฯ ให้จารึกสรรพตำราต่าง ๆ ลงบนแผ่นหินอ่อนประดิษฐ์ไว้ตามศาลารายต่าง ๆ ครั้งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แก้สร้อยนามพระอารามว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร" และภายในพระอารามยังได้เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีราชาภิเษกของพระนโรดม โดยนิตินัย ก่อนที่จะมีพิธีราชาภิเษกอีกครั้งที่กรุงพนมเปญ โดยพฤตินัย

พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ทรงถือว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นพระอารามหลวงที่มีความสำคัญมาก และทรงถือเป็นพระราชประเพณี ที่จะทรงบูรณะซ่อมแซมวัดนี้ทุกรัชกาล นอกจากนี้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามยังเป็นเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพราะเป็นแหล่งรวบรวมวิชาความรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม และการแพทย์ นามวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามนี้ ปรากฏในประกาศสมัยรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2411 ว่า "วัดนี้แม้จะมีนามพระราชทานมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 แต่ชื่อพระราชทานมีผู้เรียกแต่อยู่ในพระราชวัง คนยังเรียกว่าวัดโพธิ์กันทั้งแผ่นดิน" และมีพระราชดำริว่า "ชื่อพระราชทานเป็นชื่อตั้งไม่ปิดไม่แน่นจะคิดแปลงใหม่เห็นจะไม่ชนะ"



(http://www.watpho.com/images/map.jpg)
ขอบคุณภาพจาก http://www.watpho.com/ (http://www.watpho.com/)


ข้อมูลทั่วไป

ชื่อ     :   วัดโพธิ์
ที่ตั้ง    :   2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
ประเภท  :  พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร
นิกาย    :   เถรวาท มหานิกาย
พระประธาน        : พระพุทธเทวปฏิมากร
พระพุทธรูปสำคัญ : พระพุทธไสยาส
วัดประจำรัชกาล   : ในรัชกาลที่ 1
จุดสนใจ    : วิหารพระพุทธไสยาส วิหารทิศฝั่งตะวันออก (วิหารพระโลกนาถ) และพระอุโบสถ
กิจกรรม    : นวดแผนไทย
การถ่ายภาพ    : ไม่ควรใช้แฟลช ในถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนัง ส่วนภายในอาคาร บางอาคารห้ามถ่ายภาพ ควรสังเกตป้าย
เว็บไซต์    : www.watpho.com (http://www.watpho.com)


ขอบคุณข้อมูลและภาพจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
th.wikipedia.org/wiki/วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 14, 2015, 10:03:29 am

หลังจากชมพระนอนในพระวิหารพระพุทธไสยาสกันมาแล้ว ต่อจากนี้จะพาไปชม วิหารทิศและอุโบสถ

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_43_33.jpeg)
ภาพนี้ถ่ายมาจากพระวิหารพระพุทธไสยาส (หลังกล้องเป็นพระวิหารพระพุทธไสยาส)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_45_48.jpeg)
เดินลอดประตูมาอีกด้านหนึ่ง

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_46_44.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_47_33.jpeg)
ประตูด้านนี้ มีตุ๊กตาจีนเหมือนกับด้านพระวิหารพระพุทธไสยาส

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_48_12.jpeg)
4 ภาพบน ด้านหลังประตูคือ พระวิหารพระพุทธไสยาส


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 14, 2015, 10:22:52 am
(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_48_53.jpeg)
ตุีกตาจีนแต่งตัวแบบฝรั่งที่เห็น คือ มาร์โคโปโล


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_9_49_29.jpeg)
สองภาพบน ด้านหลังประตูเป็นพระวิหารพระพุทธไสยาส


ตุ๊กตาจีน

อีกหนึ่งเสน่ห์ของวัดโพธิ์ รูปสลักหินจีนทั้งหลายที่ตั้งประดับตามซุ้มประตูและที่ต่างๆ มีทั้งสลักจากหินและปูนปั้น หากเราพินิจพิจารณารูปปั้นรูปสลักจีนแต่ละรูปแบบแล้ว ย่อมทำให้รู้จักและเข้าใจต่อการที่ช่างไทยขนเอาเครื่องอับเฉาที่ใช้เป็นอุปกรณ์ถ่วงเรือสำเภาตอนขากลับจากการพาณิชย์นาวีที่ประเทศจีน แล้วนำไปตั้งประดับอย่างมีศิลปะ ประยุกต์เอารูปปั้นเหล่านั้นตั้งประดับดูเข้ากันได้ไม่ขัดตา

ถะ (เจดีย์ศิลปะจีน) ตั้งอยู่ระหว่างพระระเบียงชั้นนอกและชั้นใน รวม ๒๐ องค์

ลั่นถัน คือ ตุ๊กตาหินยืนท้าวเอวถืออาวุธ แต่งกายแบบงิ้ว เป็นขุนนางฝ่ายบู๊ เป็นนักรบ มือถืออาวุธ หน้าตาดุเหมือนจ้องมอง มีเสื้อเกราะรัดตัวอย่างทะมัดทะแมง บางรูปก็เหมือนทหารยืนประจำการอยู่ เป็นนักรบระดับขุนพล

ตุ๊กตาจีนแต่งกายแบบฝรั่ง เป็นรูปมาร์โคโปโล คือ ฝรั่งคนแรกที่เดินทางเข้าไปในประเทศจีน และเผยแพร่อารยธรรมตะวันตกให้แก่ชาวจีน มีอยู่ ๔ คู่ เป็นภาพสะท้อนของช่างจีน มองเห็นฝรั่งสมัยล่าอาณานิคมเป็นคนดุร้าย ก่อสงครามชิงเอาบ้านเมืองอยู่เนืองๆ


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_10_09_11.jpeg)

ตุ๊กตาจีนขุนนางฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายบุ๋น หน้าตาอมยิ้มนิดๆสวมหมวกทรงสูงมือข้างหนึ่งถือหนังสือ ข้างหนึ่งลูบหนวดเคราเหมือนกำลังครุ่นคิด สวมเสื้อคลุมยาวและรองเท้า มองเป็นคนภูมิฐาน เป็นนักปกครอง นักวางแผน และขุนนางแห่งราชสำนัก

ตุ๊กตาจีนนักปราชญ์หรือซิ่วจ๋าย หน้าตาอมยิ้มสบายๆสวมหมวกทรงสูงมีรอยพับ ใบหน้าเรียบ ไม่มีหนวดเครา เหมือนคนหนุ่ม แต่งตัวภูมิฐาน สวมเสื้อคลุมยาวพร้อมรองเท้า มือข้างหนึ่งถือพัด หรือถือหนังสือ ท่าทางเป็นคนมีความรู้

ตุ๊กตาจีนสามัญชน คนทำงาน ส่วนมากเป็นรูปชายไว้เครา ใส่หมวกฟาง มือข้างหนึ่งถือเครื่องมือทำงาน ถือจอบ ถือแห

ตุ๊กตาสาวจีน รูปปั้นแบบต่างๆส่วนมากมีหน้าตาสดชื่นยิ้มแย้ม มีทั้งรูปเกล้ามวยผมผูกผ้า และมีผ้าคลุมผมพลิ้วบาง สวมเสื้อคลุมยาวกรอมรองเท้า


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_10_10_03.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_10_10_51.jpeg)
สองภาพนี้ ด้านหลังกล้องคือ พระวิหารทิศเหนือ


ตุ๊กตารูปสิงโตคาบแก้ว รูปสลักสิงโตนิยมตั้งประดับที่เชิงบันได หรือหน้าประตูทางเข้าออกตามแต่ขนาด อ้าปากแยกเขี้ยว ในปากมีหินก้อนกลมเล็กๆสามารถเอามือสอดเข้าไปกลิ้งเล่นได้

หากคุณเป็นคนช่างสังเกต รูปสลักสิงโตนี้ ช่างสลักได้จัดทำไว้ ๒ เพศ ตัวเมียมีลูกเล็กๆ อยู่ที่ซอกอกและเท้าเป็นสัญลักษณ์ ตัวผู้อยู่ในท่าวางเท้ามีกงเล็บจับลูกแก้วหรือลูกโลกหรือสิ่งมงคลตามความเชื่อในคติจีน


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_14_03_15_10_11_37.jpeg)

รูปสลักและรูปปั้นศิลาแบบจีน นอกจากมีรูปลักษณ์เหมือนคนแล้ว ยังมีรูปกลอง รูปสัตว์ ช้าง มา ควาย ไก่ ลิง หมู ตั้งประดับตามลานบริเวณเขตพุทธาวาส บางแห่งอยู่ข้างสวนหินขนาดใหญ่เล็ก ทุกตัวนั้นไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนแห่งศิลปกรรมจีนเท่านั้น ยังบอกถึงฝีมือช่างสลัก ช่างปั้นว่ามีชั้นเชิงแฝงด้วยภูมิธรรม ภูมิปัญญา และปรัชญาอันลุ่มลึกไว้ด้วย
______________________________________________
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มีนาคม 15, 2015, 06:03:39 pm

วันนี้  ครูอาจารย์  ไปภารกิจที่วัดราชสิทธาราม

       รวมทั้งคณะศิษย์สระบุรี ก็ไปกับพระอาจารย์งานนี้ด้วย

        ขากลับแวะ กราบพระใหญ่วัด เชตุพนวิมลมังคลาราม ด้วยครับ

         เดี๋ยวคงมีภาพมาให้ชมกันครับ



หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 17, 2015, 08:29:46 am
(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_20_12.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_21_03.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_21_41.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_22_29.jpeg)
ผมเห็นเด็กนักเรียนฝึกรำไทย แล้วชื่นใจ เย็นใจจริงๆ ตอนหนุ่มๆไม่รู้สึกชอบรำไทย แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ทำไมจึงชอบ
ผมเห็นคุณครูและลูกศิษย์คณะนี้อยู่หน้าวิหารคต ข้างศาลาแม่ซื่อ

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_23_10.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_24_18.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_23_44.jpeg)
ต้นโพธิ์ภายในวัดโพธิ์ น่าจะเป็นเพียงจุดเดียวที่เห็นพื้นดินและหญ้า ทีอาจเรียกได้ว่าเป็นบริเวณ
เพราะเกือบทั้งหมดของวัดโพธิ์ เป็นป่าคอนกรีต


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 17, 2015, 09:05:36 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_59_36.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_9_00_12.jpeg)


พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล

พระมหาเจดีย์ทั้งสี่องค์อยู่ในบริเวณกำแพงสีขาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์แบบจีน ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ เครื่องถ้วยหลากสี มีตุ๊กตาหินจีนประตูละคู่ พระมหาเจดีย์แต่ละองค์เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสองเพิ่มมุมสูง ๔๒ เมตร ประดับกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องเครื่องถ้วยลวดลายต่างๆ สังเกตได้ง่าย

องค์ประกอบด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว นามว่า พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เพื่อครอบพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่สูง ๑๖ เมตร ได้ชะลอมาจากพระราชวังที่กรุงศรีอยุธยา ภายในบรรจุพระบรมธาตุ นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ ๑

พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว นามว่า พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบรมราชชนก คือรัชกาลที่ ๒ นับเป็นพระมหารัชกาลที่ ๒


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_39_12.jpeg)

พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง นามว่า พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชถวายอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระองค์

พระมหาเจดีย์องค์ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินเข้ม เป็นพระมหาเจดีย์ที่รัชกาลที่ ๔ ทรงสร้างขึ้นตามแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย กรุงศรีอยุธยา นามว่า พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

สมัยรัชกาลที่ ๔ นั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัยไว้ ๑ องค์ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ครั้นใกล้จะเสด็จสวรรคตได้มีพระราชดำรัสเฉพาะกับรัชกาลที่ ๕ ว่า "พระเจดีย์วัดพระเชตุพนฯ นั้นกลายเป็นใส่คะแนนพระเจ้าแผ่นดินไป ถ้าจะใส่คะแนนอยู่เสมอจะไม่มีที่สร้าง ควรจะถือว่าพระเจ้าแผ่นดินทั้งสี่พระองค์นั้นท่านได้เคยเห็นกันทั้งสี่ พระองค์จึงควรมีพระเจดีย์อยู่ด้วยกัน ต่อไปอย่าให้ต้องสร้างทุกแผ่นดินเลย" (พระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เรื่อง จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี)

_____________________________________
ที่มา http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_56_06.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_55_30.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_8_56_38.jpeg)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 17, 2015, 10:44:51 am
(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_10_36_14.jpeg)
"พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย" พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4

พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล

พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ ตั้งอยู่ถัดจากพระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว สถาปัตยกรรมบริเวณซุ้มประตูมีลักษณะเป็นไทยประยุกต์แบบจีน โดยจะมีตุ๊กตาหินจีนประดับอยู่ประตูละ 1 คู่ องค์พระเจดีนั้นเป็นแบบเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ

เดิมทีรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญโกลนพระศรีสรรเพชดาญาณ จากวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา ด้วยทรงประสงค์จะหล่อพระศรีสรรเพชญองค์นี้ขึ้นมาใหม่ แต่หลังจากทรงปรึกษากับคณะสงฆ์แล้ว คณะสงฆ์ได้ทูลถวายว่า การนำโกลนพระศรีสรรเพชดาญาณมาหลอมใหม่นั้น ถือเป็นขีด เป็นกาลกิณี ไม่เป็นมงคลแก่บ้านเมือง จึงทรงตัดสินพระทัยสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่ แบบย่อมุมไม้ยี่สิบ ครอบโกลนพระศรีสรรเพชญนี้ไว้ และพระราชทานพระนามเจดีย์ว่า "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ" องค์พระเจดีย์ประด้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียว ตั้งอยู่ตรงกลางของหมู่พระมหาเจดีย์ ล้อมรอบด้วยพระมหาเจดีย์อีก 3 องค์ นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_10_37_19.jpeg)
"พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิธาน" พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_10_38_11.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_10_38_58.jpeg)
พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ (กลาง) , พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิธาน (ซ้าย) ,พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร (ขวา)



ต่อมาในรัชกาลที่ 3 พระองค์มีพระประสงค์ทะนุบำรุงวัดพระเชตุพนฯ ทรงสร้างพระมหาเจดีย์ขนาบข้างกับพระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ ดังนั้น จึงเป็นเจดีย์สามองค์เรียงกันจากเหนือจรดใต้ โดยมีลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้ยี่สิบ ขนาดและความสูงเหมือนกันทุกประการ ต่างเพียงสีกระเบื้องที่มาประดับเท่านั้น โดยพระมหาเจดีย์ทางทิศเหนือของพระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาว นามว่า "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิธาน" ซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่อพระราชอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบรมราชชนก ซึ่งนับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 ส่วนพระมหาเจดีย์ทางทิศใต้ของพระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณนั้น ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง นามว่า "พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร" ซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา โดยนับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 3 ด้วย

เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงขึ้นครองราชย์ พระองค์โปรดเกล้าให้ถ่ายแบบพระเจดีย์ศรีสุริโยทัย มาจากวัดสวนหลวงสบสวรรค์ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อสร้างขึ้นเป็นพุทธบูชา โดยองค์พระมหาเจดีย์มีลักษณะที่แตกต่างจากพระมหาเจดีย์ทั้ง 3 องค์ คือ มีซุ้มคูหาเข้าไปภายในองค์พระมหาเจดีย์ได้ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีขาบหรือสีน้ำเงินเข้ม มีนามว่า "พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย" นับเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4

หลังจากนั้น รัชกาลที่ 4 มีพระราชดำรัสว่า "ต่อไปในรัชกาลหลังอย่าให้เอาเป็นแบบอย่างที่จำเป็นจะต้องสร้างพระเจดีย์ประจำรัชกาลในวัดพระเชตุพนต่อไปเลย เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 4 รัชกาลแต่แรกนั้นได้เคยทรงเห็นกันทั้ง 4 พระองค์ ผิดกับสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินพระองค์อื่น" ดังนั้น การสร้างพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลจึงได้ยุติลงตั้งแต่นั้นมา


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_03_15_10_39_37.jpeg)
ภาพนี้ถ่ายมาจาก วิหารพระพุทธไสยาส


_______________________________________________________________________
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี th.wikipedia.org/wiki/วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (http://th.wikipedia.org/wiki/วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: noobmany ที่ มีนาคม 17, 2015, 11:43:03 am
 st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 06:37:00 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_09_06.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_09_44.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_10_18.jpeg)
พระพุทธชินศรี พระประธานพระวิหารทิศตะวันตก


พระพุทธชินศรี
พระประธานพระวิหารทิศตะวันตก มุขหน้า

พระพุทธชินสีห์มุนีนาถ    อุรคอาสนบัลลังก์
อุทธังทิศนาคปรก           ดิลกภพบพิตร

พระพุทธชินศรี หรือ พระนาคปรก พระประธานพระวิหารทิศตะวันตก เดิมเป็นพระพุทธรูปขนาดหน้าตักสามศอกคืบสิบนิ้ว อัญเชิญมาจากเมืองลพบุรี ครั้นบูรณปฏิสังขรณ์แล้ว จึงประดิษฐานไว้เป็นพระประธานพระวิหารทิศตะวันตก และได้สร้างพญานาคแผลงฤทธิ์และต้นจิกไว้ด้านหลังพระประธานด้วย จึงเรียกว่า "พระนาคปรก" ดังปรากฏความใน "จารึกเรื่องทรงสร้างวัดพระเชตุพนครั้งรัชกาลที่ ๑ ว่า

"...พระพุทธรูปน่าตักสามศอกคืบสิบนิ้ว เชิญมาแต่ลพบุรีปติสังขรณ์เสรจ์แล้ว ประดิษถานไว้ในพระวิหารทิศตะวันตกบันจุพระบรมธาตุ์ถวายพระนามว่าพระนาคปรก มีพญานาคแผลงฤทธิ์เลิกพั้งพานมีต้นจิกด้วยแลผนังนั้นเขียนเรื่องระเกษธาตุ์..."

พระพุทธรูปประธานในวิหารทิศตะวันตกมีเจตนาให้เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกมาแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ พระองค์จึงถวายพระนามพระพุทธรูปว่าพระนาคปรก และทำพญานาคพร้อมด้วยต้นจิกประกอบ แม้ว่าต่อมาจะอัญเชิญพระพุทธชินศรีจากสุโขทัยมาประดิษฐานแทนพระพุทธรูปองค์เดิม แต่แนวคิดเรื่องการเป็นพระพุทธรูปนาคปรกก็มิได้สูญหายไป รัชกาลที่ ๔ จึงถวายพระนามใหม่ว่า พระพุทธชินศรีมุนีนารถ อุรุคอาศนบัลลังก์ อุทธังทิศภาคนาคปรก ดิลกบพิตร ซึ่งย่อมมีเจตนาให้มีความหมายถึงพุทธประวัติตอนนาคปรกนั่นเอง

 พระพุทธชินศรีอยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิราบ ลักษณะคือ พระชงฆ์ขวาวางอยู่เหนือพระชงฆ์ซ้าย ทำให้แลเห็นฝ่าพระบาทขวาเพียงข้างเดียว ในขณะที่ฝ่าพระบาทซ้ายอยู่ใต้พระชานุขวา พระหัตถ์ทำปางมารวิชัย ลักษณะคือ พระหัตถ์ขวาวางอยู่หน้าพระชงฆ์ขวา พระหัตถ์ซ้ายวางอยู่เหนือพระเพลา พระองค์ประทับอยู่บนขนดนาคซ้อนกัน ๔ ชั้น เบื้องหลังเป็นพังพานและเศียรนาค ๗ เศียร และมีต้นจิกอยู่ถัดออกไปทางเบื้องหลัง

ตามปกติแล้วพระพุทธรูปปางนาคปรกนิยมทำพระหัตถ์ในท่าสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางเหนือพระเพลาโดยพระหัตถ์ขวาวางบนพระหัตถ์ซ้าย แต่พระพุทธชินศรีกลับอยู่ในท่ามารวิชัย เป็นสิ่งที่อยู่นอกแบบแผนประเพณี ที่เป็นเช่นนี้อธิบายได้ว่าเพราะขนดนาคกับพระพุทธรูปมิได้สร้างขึ้นครั้งเดียวกัน โดยขนดนาคทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ส่วนพระพุทธชินศรีสร้างขึ้นครั้งกรุงสุโขทัย ซึ่งเป็นยุคสมัยที่นิยมพระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นโดยมิได้ตั้งใจให้เป็นพระพุทธรูปนาคปรกมาแต่แรก แต่ด้วยพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๑ ที่โปรดอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐานไว้เหนือขนดนาค จึงทำให้เกิดเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับอยู่บนขนดนาค

สำหรับในส่วนของนาคยังมีข้อน่าสังเกตเพิ่มเติมอีก กล่าวคือ คัมภีร์พุทธศาสนาต่างพรรณนาเหตุการณ์นี้ว่าพญานาคมุจลินท์ขนดกายล้อมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๗ รอบ และแผ่พังพานปกป้องพระเศียร แต่ขนดนาคที่ปรากฏร่วมกันกับพระพุทธชินศรีกลับทำในลักษณะของบัลลังก์ให้พระพุทธองค์ประทับ มิได้ล้อมรอบ และพังพานนาคก็มิได้ปกเหนือพระเศียรอย่างมิดชิด แต่เหมือนแผ่อยู่เบื้องหลังมากกว่า แม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับคัมภีร์พุทธศาสนา แต่นาคในลักษณะเช่นนี้ก็นิยมทำกันมาเนิ่นนานแล้ว และสร้างพลังศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี ประหนึ่งว่าแสดงอิทธิปาฏิหาริย์เหนือพญานาค แต่หากทำขนดนาคล้อมรอบ ๗ รอย และแผ่พังพานคุ้มกันอย่างมิดชิด อาจให้ความรู้สึกอึดอัดต่อผู้พบเห็น เพราะเสมือนว่าพระพุทธองค์กำลังถูกนาคทำร้าย

พระพุทธชินศรีมีรูปแบบตามอย่างพระพุทธรูปสุโขทัยสอดคล้องกันกับประวัติที่ระบุว่าอัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย แต่ทั้งนี้ลักษณะบางประการโดยเฉพาะพระพักตร์ในสมัยรัชกาลที่ ๑ โปรดให้อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย แต่ทั้งนี้ลักษณะบางประการโดยเฉพาะพระพักตร์ก็ดูละม้ายกับพระพุทธสมัยรัตนโกสินทร์อยู่บ้าง ชวนให้นึกถึงข้อมูลเอกสารที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ ๑ โปรดให้อัญเชิญพระพุทธรูปที่ชำรุดหักพังจากหัวเมืองต่างๆ คือ พิษณุโลก สวรรคโลก สุโขทัย ลพบุรี อยุธยา จำนวน ๑,๒๔๘ องค์ มาปฏิสังขรณ์ อาทิ ต่อพระศอ พระเศียร พระบาท พระหัตถ์ที่ชำรุดเสียหาย แปลงพระพักตร์ แปลงพระองค์ให้งดงาม อาจเป็นไปได้ว่าพระพุทธชินศรีก็เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาในครั้งนี้ด้วย



(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_10_53.jpeg)
พระพุทธปาลิไลย พระประธานในพระวิหารทิศเหนือ


พระพุทธปาลิไลย
พระพุทธปาลิไลย ภิรัติไตรวิเวก เอกจาริกสมาจาร วิมุตติญาณบพิตร
สูง ๘ ศอกคืบ ๕ นิ้ว พระประธานในพระวิหารทิศเหนือมุขหน้า


พระป่าเลไลย หรือพระพุทธปาลิไลย เป็นประธานพระวิหารทิศเหนือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นใหม่ สูงแปดศอกคืบห้านิ้ว ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหารทิศเหนือ นอกจากนี้ยังสร้างรูปช้างถวายคนทีน้ำ และรูปลิงถวายรวงผึ้งอีกด้วย ดังปรากฏความในศิลาจารึกเรื่อง " จารึกเรื่องทรงสร้างวัดพระเชตุพนครั้งรัชกาลที่ ๑" ว่า

"…พระพุทธรูปหล่อใหม่สูงแปดศอกคืบห้านิ้ว ประดิษถานไว้ในพระวิหารทิศเหนือบันจุพระบรมธาตุ์ ถวายพระนามว่าพระป่าเลไลย มีช้างถวายคนทีน้ำมีวานรถวายรวงผึ้งแลผนังนั้นเขียนไตรย์ภูมมีเขาพระสุเมรุราชแลเขาสัตตะพันท์ทวีปทั้งสี่ แลเฃาพระหิมพานต์อะโนดาตสระแลปัญจะมหานัที..."

 ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้มีการกล่าวถึง " พระป่าเลไลย" หรือ " พระพุทธปาลิไลย พระประธานใน พระวิหารทิศเหนือ วัดพระเชตุพน ไว้ใน " โคลงบอกด้านการปฏิสังขรณ์" กล่าวถึงการปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน เมื่อรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

     ไพหารอุดรด้านพระ  ปาลี ไลยนาง
     เนาน่งงเนอนศิขร   บาทห้อย
     กุญชรเชอดกุณธธาเรศ  แลฤา
     รูปหนึ่งพานรน้อ  เทิดผึ้งรวงถวาย ฯ

ต่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ถวายพระนามใหม่ว่า "พระพุทธปาลิไลย ภิรัติไตรวิเวก เอกจาริกสมาจาร วิมุตติญาณบพิตร"



(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_11_36.jpeg)
พระพุทธมารวิชัย พระประธานในพระวิหารทิศตะวันออก

พระพุทธมารวิชัย
พระพุทธมารวิชัย อภัยปรปักษ อัครพฤกษโพธิภิรมย อภิสัมพุทธบพิตร
หน้าตัก ๓ ศอกคืบ พระประธานในพระวิหารทิศตะวันออกมุขหน้า

พระพุทธมารวิชัย หรือพระเจ้าตรัสในควงไม้พระมหาโพธิ์ เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดเขาอินทร์ เมืองสวรรคโลก แต่พระกรชำรุด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญลงมาปฏิสังขรณ์ด้วยนาก แล้วประดิษฐานไว้เป็นพระประธานพระวิหารทิศตะวันออก มุขหน้า วัดเขาอิน หรือวัดเขาอินทร์เมืองสวรรคโลก เป็นวัดโบราณ ตั้งอยู่บนยอดเขาอินทร์ นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย บนฝั่งแม่น้ำยมฟากตะวันออก

นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงตำแหน่ง "พระครูธรรมไตรโลกวัดเขาอินทร์แก้ว ในทำเนียบคณะสงฆ์ ของพระราชพงศาวดารเหนือว่า "…แลอันนี้คณะวัดมหาธาตุหนขวา ถ้าหาพระครูธรรมไตรโลกวัดเขาอินทร์แก้วได้ ให้พระครูยาโชด วัดอุทยานใหญ่ ขึ้นเป็นพระครูธรรมไตรโลกวัดเขาอินทร์แก้ว ถ้าหาพระครูธรรมเสนามิได้ ให้เอาพระครูธรรมไตรโลก เป็นพระครูธรรมเสนา ถ้าหาพระสังฆราชมิได้ ให้เอาพระครูธรรมเสนาเป็นพระสังฆราชวัดมหาธาตุ..."

การที่พระครูธรรมไตรโลกวัดเขาอินทร์ มีตำแหน่งรองจากพระสังฆราช และพระครูธรรมเสนา จึงแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งพระครูธรรมไตรโลกเป็นตำแหน่งสมณศักดิ์ชั้นสูง และแสดงว่าวัดเขาอินทร์เป็นวัดที่มีความสำคัญ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรโบราณสถานหัวเมืองสุโขทัย เมื่อ พ.ศ.๒๔๕o ในครั้งนั้นได้เสด็จไปทอดพระเนตรวัดเขาอินทร์ด้วย ปัจจุบันภายในวัดเขาอินทร์มีโบราณสถานสำคัญคือพระเจดีย์ประธาน และพระวิหารก่อด้วยศิลาแลงเชื่อมกับพระเจดีย์ประธาน ผนังวิหารมีช่องลูกกรงหน้าต่างหรือช่องแสง ผนังด้านหน้าวิหารมีลายปูนปั้นน่าจะเป็นศิลปะสมัยเดียวกับลายปูนปั้นที่ผนัง พระวิหารวัดนางพญาในเมืองศรีสัชนาลัย ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ฐานพระอุโบสถก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้  ข้อมูลจากการบอกเล่า สันนิษฐานว่า พระพุทธรูปมารวิชัยน่าจะอัญเชิญมาจากพระอุโบสถวัดเขาอินทร์

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ถวายพระนามพระพุทธรูปประธานในพระวิหารทิศตะวันออกมุขหน้า และจารึกพระนามไว้ที่ฐานว่า "พระพุทธมารวิไชย  อไภยบรปักษ์  อัครพฤกษโพธิภิรมย อภิสัมพุทธบพิตร"



(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_12_16.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_12_54.jpeg)
พระพุทธโลกนาถ พระประธานในพระวิหารทิศตะวันออก


พระพุทธโลกนาถ
พระพุทธโลกนาถ ราชมหาสมมตวงศองคอนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร
สูง ๒๐ ศอก พระประธานในพระวิหารทิศตะวันออกมุขหลัง


พระพุทธโลกนาถ หรือพระโลกนาถ มีพระนามเดิมว่า "พระโลกนาถสาศดาจารย์" เป็นพระพุทธรูปสำคัญ เดิมเคยประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระศรีสรรเพชญ วัดในพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดพระเชตุพน ตั้งแต่สมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช น่าจะพร้อมกับการอัญเชิญพระพุทธรูป พระศรีสรรเพชญในราวปี พ.ศ.๒๓๓๒ แต่เนื่องจากมีสภาพที่น่าจะไม่ชำรุดมากนัก จึงมีการปฏิสังขรณ์บรรจุพระบรมธาตุแล้วประดิษฐานเป็นพระประธาน พระวิหารทิศตะวันออกมุขหลัง

 พระพุทธโลกนาถเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญในวัดพระเชตุวิมลมังคลารามที่มีหลักฐานเกี่ยวกับที่มาดั้งเดิมว่าอัญเชิญมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ กรุงเก่า ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๐๔๓ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.๒๓๑๐

พระพุทธโลกนาถ นับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏหลักฐานว่า เจ้าจอมแว่น พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๑ กราบทูลความปรารถนาใคร่จะอธิษฐานขอบุตร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงโปรดให้สลักศิลาเป็นรูปกุมารกุมารีประดับไว้ที่ฝาผนังพระวิหาร และมีโคลงจารึกไว้กับรูปกุมารกุมารีว่า

    รจนาสุดารัตนแก้ว กุมารี หนึ่งฤา
    เสนอธิบายบุตรี ลาภได้
    บูชิตเชฐชินศรี เฉลาฉลัก หินเฮย
    บุญส่งจงลุได้ เสร็จด้วยดังถวิล
    กุมารหนึ่งพึงฉลักตั้ง ติดผนัง
    สถิตย์อยู่ทิศเบื้องหลัง พระไว้
    คุณเสือสวาดิหวัง แสวงบุตร ชายเอย
    เฉลยเหตุธิเบศร์ให้ สฤษดิแสร้งแต่งผล

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ถวายพระนามพระพุทธรูปประธานในพระวิหารทิศใหม่ และจารึกพระนามไว้ที่ผนังด้านหลังพระพุทธรูปว่า " พระพุทธโลกนารถ ราชมหาสมมุติวงษ์ องคอนันตญาณสัพพัญญู สยัมภูพุทธบพิตร" ดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้

_______________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/buddha.php (http://www.watpho.com/buddha.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 06:42:16 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_13_32.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_14_10.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_14_43.jpeg)


พระระเบียง

พระระเบียง เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่สร้างล้อมรอบพระอุโบสถ มีอยู่ ๒ ชั้น ทั้งสองชั้นเชื่อมต่อด้วยพระวิหารทิศอยู่รอบพระอุโบสถทั้งสี่ทิศ เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสำคัญ และสร้างพระวิหารไว้ประจำสี่ทิศ

พระระเบียงชั้นในประดิษฐานพระพุทธรูป  ๑๕๐ องค์ พระระเบียงชั้นนอกประดิษฐานพระพุทธรูป ๒๔๔ องค์ เป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากหัวเมืองฝ่ายเหนือ ปัจจุบันทางวัดได้บูรณปฏิสังขรณ์ลงรักปิดทอง พระพุทธรูปทุกองค์ล้วนแต่เป็นเนื้อสำริด มีพุทธลักษณะงดงามอร่ามตา เป็นพุทธศิลป์ในยุคสมัยต่างๆ เช่น สุโขทัย เชียงแสน ลพบุรี อู่ทอง และอยุธยา ตามเสาพระระเบียง รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯให้จารึกเพลงยาวกลอักษร เพลงยาวกลบท และตำราฉันท์ต่างๆอยู่ในกรอบศิลารวม ๑๐๐ แผ่น

สำหรับผู้ที่สนใจพุทธศิลป์เกี่ยวกับพระพุทธรูปที่พระระเบียงแล้ว เป็นส่วนที่เข้าไปเดินพินิจพุทธลักษณะ และศิลปะการสร้างสมัยต่างๆได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่สนใจ โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน อาจใช้เวลาไปเดินอ่านรอบพระระเบียงนี้ เมื่อได้ไปเดินอ่านและชมย่อมได้รับความรู้ทั้งด้านพุทธศิลป์และภาษาไทยชั้นยอดกว่าในตำราทีเดียว

________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 06:51:54 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_47_58.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_47_19.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_48_45.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_49_19.jpeg)
พระอุโบสถวัดโพธิ์ วันแรกที่ไป มีงานราชพิธี ไม่อนุญาตให้เข้าไป


พระอุโบสถ

พระอุโบสถ ตามคติความเชื่อของพุทธศาสนิกชน เขตวิสุงคามสีมา หรือพระอุโบสถ เป็นพุทธศาสนสถานที่สำคัญที่สุด โดยสร้างสมัยรัชกาลที่ ๑ ตามแบบศิลปะอยุธยาตอนปลาย และขยายใหญ่ขึ้นเท่าที่เห็นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ซุ้มจรณัมประจำประตูหน้าต่างฉลัก (สลัก) ด้วย ไม้แก่น ยอดเป็นทรงมงกุฎลงรักปิดทอง ประดับกระจก บานประตูพระอุโบสถ ด้านนอกลายประดับมุก เป็นลายภาพเรื่อง รามเกียรติ์ ด้านในเขียนลายรดน้ำรูปพัดยศพระราชาคณะ พระครูสัญญาบัตร ฐานานุกรมเปรียญทั้งฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสีในกรุงและหัวเมือง

พระประธาน เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ นามว่า พระพุทธเทวปฏิมากร ที่ฐานชุกชีก่อไว้ ๓ ชั้น ชั้นที่ ๑ บรรจุพระบรมอัฐิและพระราชสรีรังคารรัชกาลที่ ๑ ไว้ ชั้นที่ ๒ ประดิษฐานรูปพระอัครสาวกทั้งสององค์ฐานชุกชี ชั้นล่างสุดประดิษฐาน พระมหาสาวก ๘ องค์ (พระอรหันต์ ๘ ทิศ)

จิตรกรรมประดับผนังพระอุโบสถเหนือต่างขึ้นไปเขียนเรื่องมโหสถบัณฑิต (มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร) คอสองในประธานทั้งสองข้างเขียนเรื่องเมืองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ผนังประตูหน้าต่างเขียนเรื่องพระสาวกเอตทัคคะ ๔๑ องค์บานหน้าต่างด้านในเขียนลายรดน้ำเป็นรูปตราประจำตำแหน่งเจ้าคณะสงฆ์ใน กรุงและหัวเมือง สมัยรัชกาลที่ ๓ ด้านนอกแกะสลักเป็นลายแก้วชิงดวง

________________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 07:04:52 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_58_08.jpeg)


พระพุทธเทวปฏิมากร
๙ หน้าตัก ๕ ศอกคืบ ๔ นิ้ว พระประธานพระอุโบสถ วัดพระเชตุพน

พระพุทธเทวปฏิมากร เป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เดิมพระพุทธปฏิมาองค์นี้ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ที่วัดศาลาสี่หน้า หรือวัดคูหาสวรรค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) โปรดเกล้าฯให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วโปรดเกล้าฯให้สร้างพระอุโบสถใหม่ ครั้นแล้วจึงโปรดเกล้าฯให้อันเชิญพระพุทธเทวปฏิมากรมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่นี้ พร้อมทั้งยังได้ทรงถวายพระนามใหม่ว่า  "พระพุทธเทวปฏิมากร"

ครั้งถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามชำรุดทรุดโทรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนอีกครั้งหนึ่ง ในการนี้โปรดเกล้าฯให้ขยายขนาดพระอุโบสถให้ใหญ่ขึ้น รวมทั้งได้ก่อฐานพระประธานใหม่โดยได้ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากรเป็นพระประธานดังเดิม แต่ได้หล่อรูปพระอรหันต์เพิ่มจากเดิมที่มีเพียง ๒ องค์ อีก ๘ องค์ รวมเป็นพระอรหันต์ ๑๐ พระองค์


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_57_23.jpeg)

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เมื่อวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๕ ค่ำ ปีกุน พ.ศ.๒๓๙๔ ครั้งนั้นได้เสด็จประทับ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วทรงกระทำสักการบูชาพระพุทธเทวปฏิมากรเป็นครั้งแรก จึงกลายเป็นพระราชประเพณีตั้งแต่นั้นสืบมาว่า เมื่อเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยทางสถลมารค ต้องเสด็จประทับ ณ พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วทรงกระทำสักการบูชาพระพุทธเทวปฏิมากรสืบมาทุกรัชกาล

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_55_38.jpeg)

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริว่า พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ที่พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลนั้นรับพระราชทานไปสักการบูชา  ครั้นเจ้านายพระองค์นั้นๆสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ไม่มีใครพิทักษ์รักษาได้เชิญมาเป็นของหลวง ควรจะประดิษฐานไว้ให้มหาชนได้กระทำการบูชาโดยสะดวก จึงโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกบรรจุในกล่องศิลา แล้วเชิญไปบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์พระพุทธเทวปฏิมากร พระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม จึงเป็นที่มาของการกำหนดให้วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ดังความในเรื่อง "สถานที่ต่างๆซึ่งพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง" ความว่า

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_56_10.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_56_46.jpeg)

" ... ที่ในพระอุโบสถนั้น โปรดให้เชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกไปบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ ให้มหาชนได้กระทำสักการบูชา ... "

นอกจากนี้ยังมีคำเล่าสืบต่อกันมาว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว โปรดให้สร้างพระอุณาโลมถวายพระพุทธเทวปฏิมากรในครั้งนั้นด้วย


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_58_45.jpeg) (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_6_59_23.jpeg)

_______________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/buddha.php (http://www.watpho.com/buddha.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มีนาคม 18, 2015, 08:26:40 am
ขออนุโมทนาสาธุ

     


หัวข้อ: ยักษ์วัดโพธิ์ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 10:06:03 am
(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_9_59_42.jpeg)

พระมณฑป (หอไตรจตุรมุข)

พระมณฑป หรือ (หอไตรจตุรมุข) รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สถาปนา เป็นสถาปัตยกรรมจตุรมุขเครื่องยอดทรงมงกุฎ ประดับกระเบื้องเคลือบและถ้วยหลากสี ลวดลายงามวิจิตร ภายในมีตู้เก็บพระไตรปิฎก มีศาลาทิศรอบพระมณฑป ผนังภายในศาลาทิศมีภาพจิตรกรรม กำเนิดรามเกียรติ์ ประเพณีรามัญกวนข้าวทิพย์ เป็นต้น ผนังภายนอกมีศิลาจารึกโคลงสุภาษิต เรียกว่า โคลงโลกนิติ ที่ซุ้มประตูทางเข้ามณฑปทั้งสองข้างมียักษ์วัดโพธิ์ ที่มีตำนานเล่าว่าไปรบกับยักษ์วัดแจ้งจนเป็นต้นกำเนิดท่าเตียน
_______________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_00_34.jpeg)
ซุ้มประตูทางเข้ามณฑปทั้งสองข้างมียักษ์วัดโพธิ์


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_01_32.jpeg)
ยักษ์ทางด้านซ้ายคือ พญาสัทธาสูร

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_02_15.jpeg)
พญาสัทธาสูร

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_02_53.jpeg)


หัวข้อ: ยักษ์วัดโพธิ์ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 10:19:18 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_11_20.jpeg)
ซุ้มประตูทางเข้ามณฑปด้านขวาคือ ยักษ์พญาขร


ตำนานยักษ์วัดโพธิ์

สำหรับยักษ์ประจำวัดโพธิ์ หลายคนคงเคยได้ยินตำนานกำเนิดท่าเตียน ที่เล่าปากต่อปากกันมาว่า บริเวณท่าเตียนอันเป็นพื้นที่โล่งเตียนนั้น เป็นผลจากการต่อสู้ของ "ยักษ์วัดแจ้ง" กับ "ยักษ์วัดโพธิ์" โดยมี "ยักษ์วัดพระแก้ว" เป็นผู้ห้ามทัพ

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_10_46.jpeg)
พญาขร


โดยตำนานนั้นมีอยู่ว่า ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้ง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดแจ้งหรือวัดอรุณฯ ฝั่งตรงข้ามนั้น ทั้ง ๒ ตน เป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งทางฝ่ายยักษ์วัดโพธิ์ไม่มีเงิน จึงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดแจ้ง พร้อมทั้งนัดวันที่จะนำเงินไปส่งคืน เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืน ยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่าย เบี้ยวเอาเสียดื้อๆ ยักษ์วัดแจ้งเมื่อรอแล้วรอเล่าจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาทวงเงินคืน แต่ยักษ์วัดโพธิ์ไม่ยอมให้ ดังนั้น ในที่สุดยักษ์ทั้ง ๒ ตน จึงเกิดการทะเลาะถึงขั้นต่อสู้กัน แต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตมหึมาและมีกำลังมหาศาลของยักษ์ทั้ง ๒ ตน เมื่อต่อสู้กันจึงทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกยักษ์ทั้งสองเหยียบย่ำจนล้มตายลงหมด หลังจากที่เลิกต่อสู้กันแล้วบริเวณที่ทั้งสองประลองกำลังกันนั้น จึงราบเรียบกลายเป็นสถานที่ที่โล่งเตียนไปหมด ไม่มีอะไรเหลือเลย


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_12_59.jpeg)
พญาขร เปิดประตูถ่าย


ครั้นเมื่อพระอิศวร (พระศิวะ) ได้ทราบเรื่องราวการต่อสู้กัน ทำให้บรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งหลายในบริเวณนั้นเดือดร้อน จึงได้ลงโทษโดยการสาปให้ยักษ์ทั้ง ๒ กลายเป็นหิน แล้วให้ยักษ์วัดโพธิ์ทำหน้าที่ยืนเฝ้าหน้าพระอุโบสถ และให้ยักษ์วัดแจ้งทำหน้าที่ยืนเฝ้าพระวิหารวัดแจ้งเรื่อยมา ส่วนฤทธิ์จากการสู้รบของยักษ์ทั้งคู่ที่ทำชุมชนละแวกนี้ราบเรียบเป็นหน้ากลอง ทำให้ชาวบ้านพากันเรียกว่า "ท่าเตียน" เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนประวัติการสร้างเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้มีการโปรดเกล้าฯให้รื้ออสูรเฝ้าประจำประตูทั้ง ๔ ประตูออก แล้วนำลั่นถันหรือตุ๊กตาศิลาจีนมาแทน กาลนี้ ได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปยักษ์ขนาดเล็ก สูงประมาณ ๑๗๕ เซนติเมตร จำนวน ๘ ตน ตั้งไว้ที่ทางเข้าหอไตรจตุรมุข (พระมณฑป) ตรงซุ้มประตูทั้ง ๔ ด้าน ด้านละ ๑ คู่ เพื่อให้ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาหอพระไตรปิฎก เมื่อครั้งทำระเบียงพระมหาเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้รื้อซุ้มประตูออกไป ๒ ซุ้ม ปัจจุบันจึงปรากฏรูปยักษ์อยู่เพียง ๒ คู่ คือ มัยราพณ์กับแสงอาทิตย์ อยู่ที่ประตูทิศตะวันตกเฉียงใต้ และพญาขรกับสัทธาสูร อยู่ที่ประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนซุ้มประตูด้านที่รื้อไปนั้น เดิมเป็นทศกัณฐ์กับสหัสเดชะ อยู่ที่ประตูทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และ อินทรชิตกับสุริยภพ อยู่ที่ประตูทิศตะวันออกเฉียงใต้


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_12_05.jpeg)

_______________________________________
ข้อมูลจาก http://www.watpho.com/historical.php (http://www.watpho.com/historical.php)


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 10:32:22 am

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_25_57.jpeg)
ด้านหลังซุ้มประตูเข้าพระมณฑปที่ด้านหน้ามีพญาขรกับสัทธาสูร (อยู่ที่ประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) มีภาพไก่

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_27_18.jpeg)
ศิษย์หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน เก็บภาพมาให้ชม

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_28_06.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_28_41.jpeg)
ไดเร็กทอรีนี้อยู่ในบริเวณพระมณฑป


หัวข้อ: Re: วัดโพธิ์ วัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศ [ชมภาพ]
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 18, 2015, 10:41:48 am
(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_37_35.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_38_09.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_38_45.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_39_21.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_39_53.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_40_25.jpeg)

(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_18_03_15_10_40_57.jpeg)


 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

ส่งท้ายด้วย "ภาพบรรยากาศยามบ่าย" หน้าวิหารพระพุทธไสยาส 
ทริปวัดโพธิ์มีภาพให้ชมเท่านี้ครับ ขอบพระคุณที่ติดตาม


 :25: thk56 :welcome: