สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

"อธิบดีกรมศิลปากร" แจ้ง ตร.หาคนทำผิดสั่งทำลาย "โบราณสถาน" วัดดังย่านฝั่งธนฯ
 
วันที่ 17 มี.ค.58 เมื่อเวลา 11.30 น. นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร นำหลักฐานเอกสาร เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บุปผาราม เพื่อแจ้งความดำเนินการกับผู้สั่งการและคนงานซึ่งทำลายโบราณสถานสำคัญภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. โดยให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งทางอาญาและแพ่งอย่างถึงที่สุด

นายบวรเวท เปิดเผยว่า วันนี้กรมศิลปากรเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ให้ดำเนินคดีกับผู้ทำลายโบราณสถานภายในวัดกัลยาณ์ ซึ่งทางกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเอาไว้แล้ว ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีปัญหากันมาตลอดตั้งแต่ ปี พ.ศ.2546 โดยมีชาวบ้านและหน่วยงานราชการแจ้งข้อมูลให้กับกรมศิลปากรเป็นระยะๆ
 
 :96: :96: :96: :96:

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา นิติกรของกรมศิลปากรพร้อมคณะได้เดินทางมาตรวจสอบโบราณสถานภายในวัด พบการกระทำผิดซึ่งหน้ามีคนงาน 2 คน กำลังทำการรื้อหลังคาศาลาราย จำนวน 1 ใน 4 ที่หลังตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัด โดยไม่แจ้งให้กรมศิลปากรทราบก่อน ทางนิติกรจึงบอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินทางไปด้วยทำการเข้าจับกุมคนงานทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม และในที่สุดตนต้องเตรียมเอกสารเข้ามาแจ้งความอีกครั้งในวันนี้เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดในระดับสั่งการด้วยตนเอง
 
 :41: :41: :41: :41:

นายบวรเวท กล่าวต่อว่า โบราณสถานภายในวัดกัลยาณ์ ปลูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัชการที่ 3 มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ที่สำคัญกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์เอาไว้แล้ว ตามระเบียบทางผู้ใดต้องการปรับปรุงซ่อมแซมบูรณะเพิ่มเติม ก็สามารถแจ้งต่อกรมศิลปากรได้เพราะเราจะส่งสถาปนิกและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมดำเนินการ แต่สำหรับผู้ดูแลวัดกัลยาณ์นั้นไม่ทำตามระเบียบ ละเมิดกฎหมายเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2546 มีการแจ้งความเอาไว้แล้วรวมครั้งนี้ จำนวน 10 คดี จากกรณีรื้อถอนทำลายโบราณสถาน จำนวน 17 ชนิด

อาทิ กุฏิพระสงฆ์ หอระฆัง หอกลอง หอสวดมนต์ และศาลาปั้นหยา การเดินทางมาแจ้งความในวันนี้ก็เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจะดำเนินการทางอาญาก่อนในข้อหาทำลายโบราณสถาน มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วจะบังคับคดีความทางแพ่งให้ผู้กระทำความผิดซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลายให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมต่อไป
 
 :91: :91: :91: :91:

ด้าน พ.ต.อ.ณัฏฐ์พัชร์ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางตำรวจจะทำการสอบปากคำและตรวจสอบหลักฐานที่ นายบวรเวท นำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน อย่างละเอียดเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีส่วนหลักฐานจะถึงใครบ้างนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่ภายวัดนั้นหากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็จะต้องนิมนต์มาสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150317/203118.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150317/203118.html)

พูดถึงระบบจัดการ เรื่องการจราจร การจอดรถของพระสงฆ์ ที่ไปหลาย ๆ ครั้ง ไม่ได้รับการหย่อนอนุเคราะห์ซึ่งกันและ กัน มีเพียงวัดนี้วัดเดียว ทีทางสงฆ์ด้วยกันเอารถพาโยมเข้าไป จอด ต้องเสียเงิน ทุกคัน ที่จริงควรจะเว้นคันที่เป็นของพระสงฆ์ด้วยกัน น่าจะถูกต้อง ไม่ควรเก็บค่าจอดรถของพระสงฆ์ เพราะความจริงพระสงฆ์ที่เดินทางไปก็ไม่ได้มีจำนวนมาก และเวลาไปก็พาคณะญาตโยมไปไหว้หลวงพ่อใหญ่
 ;)

 :25: :25: