หัวข้อ: วิจัย 'มจร' แนะทำแอพฯภาษา เสริมเปิดเออีซี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 08, 2015, 09:33:59 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/04/06/bb9edee89a8kgai7fceib.jpg) วิจัย'มจร'แนะทำแอพฯภาษาเสริมเปิดเออีซี นิสิตสันติศึกษาทำโมเดลสื่อสารชาวต่างชาติ สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาโทสันติศึกษา มจร รายงาน เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2558ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมงานสัมมนา "เผยแพร่ผลงาน (Proceeding) วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท" ประจำปีการศึกษา 2557 โดยมีพระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) เป็นประธานเปิด มีผู้นำเสนอบทความ 315 รูป/คน ที่ห้องประชุมเธียเตอร์บี มจร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะนิสิตปริญญาโทสันติศึกษารุ่นที่ 2 และกำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 อยู่ขณะนี้ พระมหาสมบูรณ์กล่าวว่า การศึกษาระดับปริญญาตรีนั้นวัดกันที่เกรด แต่ระดับปริญญาโทและเอกจะวัดกันที่ผลงานทางวิชาการที่ผลิตขึ้นมาจากวิทยานิพนธ์ว่ามีคุณภาพสร้างสรรค์เป็นนวัตกรรมเป็นองค์ควมรู้ใหม่มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ผลงานต้องได้รับการตีพิมพ์ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ทางวิชาการหรือเสนอต่อที่ประชุมทางวิชาการที่มีรายงานการประชุม (proceedig) ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บไว้แต่ต้องเอามาอวดกันมาแบ่งปันกันตามกฎกระทรวงศึกษาธิการในปี 2548 เปรียบเทียบก็เหมือนนักมวยที่เก่งต้องออกไปต่อยนอกบ้านอย่าต่อยแค่ในบ้านตนเอง ต้องหาโอกาสนำเสนอผลงานของเราในเวทีข้างนอก :25: :25: :25: :25: ช่วงบ่ายเป็นการนำเสนอผลงานบทความวิชาการบทความ 315 รูป/คนดังกล่าวโดยแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยซึ่งก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีเรื่อง "เครื่องมือสื่อสารเพื่อจัดการความขัดแย้งในระบบสาธารณสุขของไทย : ศึกษากรณีเจ้าหน้าที่กับผู้รับการบริการชาวต่างชาติโรงพยาบาลสามพราน จังหวัดนครปฐม" ของนางสาวสุนันทา เอ๊าเจริญ นิสิตปริญญาโทสาขาสันติศึกษารุ่นที่ 1 จากบทความดังกล่าวโดยนางสาวสุนันทาได้สรุปจากผลการทำการวิจัยจากการใช้เครื่องมือการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับบริการชาวพม่าในงานห้องคลอด โรงพยาบาลสามพราน จังหวัดนครปฐม จำนวน 30 ราย เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาในการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับบริการชาวพม่าในงานห้องคลอด คือ ผู้รับบริการไม่สามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่เป็นภาษาไทยได้ จึงมีผลต่อการสื่อสารในขั้นตอนต่างๆ เช่น การเตรียมเอกสาร การซักประวัติ หรือข้อมูลการตั้งครรภ์ เป็นต้น (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2015/04/06/acaiihg7jaa5bkake95bf.) เนื่องจากโรงพยาบาลสามพราน เป็นสถานบริการด้านสุขภาพในระดับทุติยภูมิ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสามพรานและมีโรงงานอุตสาหกรรมรายล้อมอยู่ทำให้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น พม่า กัมพูชา เป็นต้น ทำโรงพยาบาลเป็นสถานบริการด้านสุขภาพที่มีผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวพม่า และปัจจุบันมีชาวพม่ามารับบริการการคลอดเป็นจำนวนมากจากข้อมูลของผู้รับบริการย้อนหลังเป็นเวลา 3 ปี พบว่าสัดส่วนของผู้ที่มารับบริการที่เป็นชาวพม่ามาคลอดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 40 จากผู้รับบริการทั้งหมด ปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คือ ภาษา เพราะไม่สามารถสื่อภาษาให้ผู้เข้ารับบริการได้อย่างชัดเจนทั้งในเรื่องแจ้งการเตรียมเอกสาร และของใช้ที่จำเป็นในการมาคลอดบุตร การซักประวัติเพื่อหาข้อมูลการตั้งครรภ์ การปฏิบัติตนในขั้นตอนการตรวจรับใหม่ ประกอบกับโรงพยาบาลไม่มีงบประมาณในการจ้างล่ามมาประจำหน่วยงาน :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: จากปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงได้พัฒนาชุดเครื่องมือสื่อสาร "ชุดเครื่องมือสื่อสารสามพรานโมเดล" เพื่อใช้ในการทดสอบการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับบริการชาวพม่าในงานห้องคลอด อย่างเช่นการสื่อสารขั้นตอนการซักประวัติขั้นตอนการตรวจร่างกายและขั้นตอนการรับผู้ป่วยในเป็นต้น ที่มีลักษณะเป็นแผ่นป้ายที่มีเนื้อหาทั้งภาพประกอบและภาษาเช่นภาษาพม่าเป็นต้น จากผลการทดลองพบว่า คะแนนความเข้าใจในการสื่อสารอยู่ในระดับดี มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเชิงบวกเพิ่มขึ้น สามารถปฏิบัติตัวได้ตรงตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ โดยที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในการสื่อสารในแต่ละขั้นตอนลดลง สรุปได้ว่า ชุดเครื่องมือสื่อสารที่สร้างขึ้นสามารถช่วยลดปัญหาการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับบริการชาวพม่า ในงานห้องคลอดโรงพยาบาลสามพรานจังหวัดนครปฐมได้จริง (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2015/04/07/debjk8bbb86j7bi8dfcaa.) ทั้งนี้นางสาวสุนันทาได้มีข้อเสนอแนะในท้ายของบทความว่า จากการศึกษา “เครื่องมือสื่อสารเพื่อจัดการความขัดแย้งในระบบสาธารณสุขของไทย : กรณีเจ้าหน้าที่กับผู้รับการบริการชาวพม่าในโรงพยาบาลสามพราน จ.นครปฐม”ถือเป็นเรืองสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการปฏิบัติงาน ของเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ กับผู้รับบริการที่เป็นชาวพม่า และชาวต่างชาติ เพื่อสะดวกกับการสื่อสาร และเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานให้เกิดความเรียบร้อยต่อระบบสาธารณสุขต่อไปผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย คือ 1) กระทรวงสาธารณสุขควรนำไปพัฒนาเพื่อใช้ในรูปแบบ Application ใน Smart Phone หรือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสะดวกแก่การปฏิบัติงาน 2) เจ้าหน้าที่ต้องพัฒนาองค์ความรู้ของตนเอง ในการนำเสนอชุดเครื่องมือสื่อสารสามพรานโมเดล ในการสื่อสารกับผู้รับบริการชาวต่างชาติ ชาติอื่นๆนอกเหนือจากภาษาพม่า 3) ควรมีการนำชุดเครื่องมือสื่อสารไปพัฒนาปรับปรุงให้ใช้ได้หลากหลายภาษา :96: :96: :96: :96: :96: และข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไปคือ การสื่อสารเพื่อจัดการความขัดแย้งในระบบสาธารณสุขของไทย ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้รับการบริการชาวพม่า และชาวต่างชาติ ถือได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้ซึ่งต้องให้บริการกับชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง ในกรณีที่ทั้งชาวต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจะสื่อสารกันได้เพื่อให้การดำเนินงานไปได้อย่างมีระเบียบและดียิ่งขึ้น ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไปดังนี้ 1) พยาบาลวิชาชีพกับการพัฒนาองค์ความรู้ในการสื่อสารกับผู้รับบริการชาวต่างชาติ 2) การพัฒนารูปแบบการสื่อสารกับชาวต่างชาติ เชิงพุทธบูรณาการ และ 3) ความพึงพอใจของผู้รับบริการชาวพม่าต่อชุดสื่อสารสามพรานโมเดลโดยศึกษาในเชิงปริมาณ นับได้ว่าผลการวิจัยของนางสาวสุนันทาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการเปิดประชาคมอาเซียนในปลายปีนี้แล้ว เครื่องมีการสื่อสารจึงถือว่ามีส่วนสำคัญหากการสื่อสารไม่มีย่อมจะสร้างปัญหาและความขัดแย้งขึ้นมาเป็นปัญหาใหญ่โตลุกลามไปอีก ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20150407/204311.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150407/204311.html) |