หัวข้อ: เทพเจ้าเดินดินอินเดีย 'ดร.อัมเบดการ์ - คานธี - แม่ชีเทเรซา' เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 14, 2015, 10:14:54 pm (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/04/13/86e6a68eibfj6c9a9fgef.jpg) เทพเจ้าเดินดินแห่งอินเดีย 'ดร.อัมเบดการ์-มหาตมะ คานธี-แม่ชีเทเรซา' เรื่องและภาพ สำราญ สมพงษ์ ในโอกาสที่ได้เดินทางไปแสวงบุญสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย ในฐานะนิสิตปริญญาโทสันติศึกษารุ่นที่ ๒ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ภายใต้การนำของพระมหาหรรษา ธัมมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดี มจร.ฝ่ายวิชาการ ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา พร้อมเพื่อนนิสิตรวม ๓๑ รูป/คน ภายใต้โครงการจาริกแสวงบุญแดนพุทธภูมิตามรอยสันติภาพ ทั้งนี้เพื่อถอดบทเรียนค้นหารหัสไขพุทธสันติวิธีนำไปปรับใช้บริหารจัดการความขัดแย้งของสังคม โดยได้มีโอกาสเข้าศึกษาวิถีชีวิตของนักสันติภาพที่ประเทศอินเดียอีก ๓ คน คีอ ๑.ดร.อัมเบดการ์ ๒.มหาตมะ คานธี และ ๓.แม่ชีเทเรซา ที่กรุงนิวเดลี นิสิตปริญญาโทสันติศึกษาได้เข้าทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์ ดร.บี.อาร์. อัมเบดการ์ หรือ ดร.อัมเบดการ์ ได้ทราบว่าเป็นคนเกิดในวรรณะจัณฑาล ซึ่งเป็นวรรณะต่ำของคนอินเดียแต่ได้เปลี่ยนมานับถือพระพุทธศาสนา :96: :96: :96: :96: ดร.อัมเบดการ์ มีชื่อเดิมว่า "บาบาสาเหบ ภิมเรา รามจิ อัมเบดการ์" (ภิม) นับถือศาสนาฮินดู แต่เห็นความไม่เท่าเทียมของคนอินเดียจึงพยายามพัฒนาตัวเองด้วยการศึกษาจบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากประเทศอังกฤษจนสามารถได้เป็นประธานรัฐสภาอินเดียเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญให้ชาวอินเดียใช้มานานพอๆ กับประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้โดยไม่ถูกฉีกเลย ทั้งนี้ ดร.อัมเบดการ์ ได้ร่างตามแนวของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ ยุติธรรม เสรีภาพ เสมอภาพ และภารดรภาพ และเคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเมื่อสมัยเป็นเด็ก ดร.อัมเบดการ์ เคยตั้งคำถามว่า "ทำไมมนุษย์ต้องมีความแตกต่างกัน ทำไมพระเจ้าเป็นผู้สร้าง ทำไมสร้างมาให้ไม่เท่าเทียมกัน" :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: ดร.อัมเบดการ์ เห็นความไม่เท่าเทียมของคนอินเดียที่ถูกครอบด้วยระบบวรรณะ บวกกับได้อ่านหนังสือพุทธจริต ศึกษาพระไตรปิฎกมากขึ้น จึงตัดสินใจนำชาวอินเดียวรรณะจัณฑาล ประกาศตนเป็นพุทธมามกะพร้อมปณิธาน ๒๒ ข้อ ค้านหลักการของฮินดูปฏิบัติตามมรรค ๘ ยึดมั่นในศีล ๕ ที่เมืองนาคปูร์ ความว่า "ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน" มีคำกล่าวที่ถือเป็นประโยคเด็ดเช่น "หมดยุควรรณะไปแล้ว เราจะเป็นยุคช่วยเหลือกัน เป็นยุคกฎหมาย" หรือ "เราต้องฝากอะไรไว้กับโลก..ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็ไม่ต่างอะไรจากต้นไม้หรือก้อนหิน" :49: :49: :49: :49: หลังจาก ดร.อัมเบดการ์ ทำพิธีปฏิญญาณตนเป็นชาวพุทธได้ ๓ เดือน ก็ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคร้ายในวันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๙๙ ส่งผลให้ปัจจุบันนี้มีชาวอินเดียนับถือพระพุทธศาสนามากกว่า ๒๐ ล้านคน จากการที่ได้ดูภาพการเสียชีวิตของ ดร.อัมเบดการ์ มีการใช้คำว่า "ดร.อัมเบดการ์ ปรินิพพาน" พร้อมกันนี้ชาวพุทธที่เมืองนาคปูร์นอก กล่าวถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งแล้ว ยังกล่าวว่า "ขอถึงภิมเป็นที่พึ่ง" ด้วย นั่นเท่ากับว่าชาวพุทธอินเดียให้การเคารพ ดร.อัมเบดการ์ อย่างสูงสุด (http://www.komchadluek.net/media/img/size_content/2015/04/13/5ggeck6h5egggihjcg8a9.jpg) ๒๒ คำปฏิญาณของ ดร.อัมเบดการ์ ๑.ข้าพเจ้าจะไม่บูชาพระพรหม พระศิวะ พนะวิษณุต่อไป ๒.ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อพระราม พระกฤษณะ เป็นพระเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่เคารพต่อไป ๓.ข้าพเจ้าจะไม่บูชาเทวดาทั้งหลายของศาสนาฮินดูต่อไป ๔.ข้าพเจ้าไม่เชื่อลัทธิอวตารต่อไป ๕.ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อว่าพระพุทธเจ้าคืออวตารของพระวิษณุเพราะการเชื่อเช่นนั้นคือคนบ้า ๖.ข้าพเจ้าจะไม่ทำพิธีสารทและบิณฑบาตแบบฮินดูต่อไป ๗.ข้าพเจ้าจะไม่ทำสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้า ๘.ข้าพเจ้าจะไม่เชิญพราหมณ์มาทำพิธีทุกอย่างไป ๙.ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้มีศักดิ์ศรีและฐานะเสมอกัน ๑๐.ข้าพเจ้าจะต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน ๑๑.ข้าพเจ้าจะปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ โดยครบถ้วน ๑๒.ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ โดยครบถ้วน ๑๓.ข้าพเจ้าจะแผ่เมตตาแก่มนุษย์และสัตว์ทุกจำพวก ๑๔.ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมยคนอื่น ๑๕.ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม ๑๖.ข้าพเจ้าจะไม่พูดปด ๑๗.ข้าพเจ้าจะไม่ดื่มสุรา ๑๘.ข้าพเจ้าจะบำเพ็ญตนในทาน ศีล ภาวนา ๑๙.ข้าพเจ้าจะเลิกนับถือศาสนาฮินดูที่ทำให้สังคมเลวทรามโดยการแบ่งชั้นวรรณะ ๒๐.ข้าพเจ้าเชื่อว่าพุทธศาสนาเท่านั้นที่เป็นศาสนาที่แท้จริง ๒๑.ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่ข้าพเจ้าหันมานับถือพระพุทธศาสนานั้นเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง ๒๒.ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าจะปฏิบัติตนตามคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2015/04/13/65cgd7aj89ibaajahehdg.) ชีวิตหลายมิติที่พิพิธภัณฑ์ 'คานธี' "มหาตมะ คานธี" เป็นบุคคลสำคัญที่นำพาชาวอินเดียประกาศเอกราชจากประเทศอังกฤษที่ครอบครองมากว่า ๑๐๐ ปี ตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม โดยจุดที่นิสิตปริญญาโทสันติศึกษาได้เข้าทัศนศึกษาคือที่เผาศพของ "มหาตมะ คานธี" และบ้านพักเดิมที่ถูกยิงเสียชีวิตในตัวเมืองนิวเดลี ที่จัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์หลายมติเล่าวิถีชีวิตแนวคิดและการต่อสู้ด้วยอหิงสาและสัตยาเคราะห์จนประเทศอินเดียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ แม้นว่ามหาตมะ คานธี จะเป็นฮินดูแต่วิถีชีวิตและแนวความคิดต่างๆ ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอหิงสา ในพิพิธภัณฑ์จะมีภาพวาดและข้อความที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าอยู่หลายตอนทั้งที่ด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์และด้านหลังที่เป็นภาพวาดบนฝาผนัง :25: :25: :25: :25: ทั้งนี้ พระมหาหรรษา กล่าวสรุปว่า ประด็นสำคัญของการท่องแดนพุทธภูมิตามรอยสันติสุขตั้งแต่พุทธคยาค้นพบสันติภายในประกาศพระศาสนาที่เมืองพาราณสี และได้ตามรอยบุคคลสำคัญในอินเดีย เช่น มหาตมะ คาธี ดร.อัมเบดการ์ และแม่ชีเทเรซา แม่พระแห่งผู้ยากไร้ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เพื่อให้ได้ทราบว่าคนอินเดียมีหลายศาสนาแต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไร "สำหรับคานธีนั้นได้สร้างธรรมเจดีย์เอาไว้คิดถึงคานธีมาที่นี่ เหมือนเราคิดถึงพระพุทธเจ้าเราก็มาแดนพุทธภูมิ อหิงสาของคานธีคือไม่ไปด่าใคร แต่มีไว้จัดการกับกิเลสตนเอง ฉะนั้นคนที่ทำงานสันติภาพจงเป็นอยู่เพื่อวันนี้แต่ต้องเป็นไปเพื่อวันพรุ่งนี้ คานธีมีแนวความคิดสอดคล้องกับพระพุทธเจ้า คานธียกย่องพระพุทธเจ้า เรามาเห็นคานธีทำให้เรารักพระพุทธเจ้ามากขึ้น" พระมหาหรรษา กล่าว ask1 ans1 ask1 ans1 ask1 ans1 ศูนย์พักพิงคนยากของแม่ชีเทเรซา การเข้าทัศนศึกษาศูนย์แม่ชีเทเรซา พระมหาหรรษา ได้กล่าวสรุปว่า สำหรับศูนย์แม่ชีเทเรซาเป็นศูนย์ที่รับใช้เพื่อนมนุษย์โดยตั้งอยู่บนความคิดที่ว่า พระเยชูเป็นคนยากจนทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า เด็กเหล่านี้ที่ถูกทิ้ง เด็กพวกนี้ล่ะจะทำอย่างไร แม่ชีจึงมีแนวความคิดที่จะไปช่วยคนยากจน โดยไม่รับเงินรัฐบาลอินเดียเลย แต่เปิดรับบริจาคจากทั่วสารทิศ ศูนย์แห่งนี้มีทั้งเด็กถูกข่มขืน เด็กพิการกว่า ๑๐๐ ชีวิต เป็นที่ฟูมฟักกำลังกายกำลังใจ เพราะเด็กพิการเหล่านี้เป็นลูกของพระเจ้า ทั่วโลกเชิญแม่ชีไปรับรางวัลมากมาย แม้แม่ชีจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ ๕ ปีก่อน แต่ยังมีคนสานต่ออุดมการณ์ของแม่ชีเทเรซา และมีศูนย์ลักษณะเดียวกันนี้ทั่วอินเดียกว่า ๓๐๐ ศูนย์ "ท่านอย่ามีแต่เมตตา แต่ท่านจงมีกรุณาด้วย พระพุทธเจ้ามีกรุณาธิคุณเดินทางไปหาคนที่มีความทุกข์ยากลำบาก นางอัมพิกาเป็นโสเภณีนิมนต์พระพุทธเจ้าไปฉัน กษัตริย์วัชชีต้องการจะนิมนต์พระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน แต่พระองค์ให้ไปขออนุญาตจากนางอัมพิกา พระองค์ได้ตรัสว่า เรารักราหุลฉันใด เราก็รักเทวทัตฉันนั้น นางปฏาจารามีความทุกข์ยากก็มาพึ่งพระพุทธเจ้า พระองค์ไม่เคยปฏิเสธใครเลยจะทุกข์ยากมาจากไหนก็ตาม" พระมหาหรรษา กล่าวเปรียบเทียบความรักของพระพุทธเจ้ากับแม่ชีเทเรซา ทั้งนี้หลักสูตรกปริญญาโทสันติศึกษา มจร กำลังเปิดรับสมัครรุ่นที่ 3 หากสนใจสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ www.ps.mcu.ac.th (http://www.ps.mcu.ac.th) หรือหมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๔๕๗ ๖๒๒๖ ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20150414/204676.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150414/204676.html) |