สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงมาตรการและแนวทางการรองรับผู้ต้องโทษหลังได้รับการปล่อยตัวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทวงการพัฒนาสังคม ความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน เพื่อจัดระบบรองรับการปล่อยผู้ต้องโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชอภัยโทษ จำนวน 38,000 คน ให้กลับคืนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงและไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก

ทั้งนี้ มาตรการที่จะมารองรับระบบการปล่อยตัวจะมี 2 ระยะ เป็นระยะยะสั้นและระยาว แต่ตอนนี้ต้องทำในระยะสั้น ระหว่างรอการปรับแก้กฎหมายราชทัณฑ์ฉบับใหม่ ที่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ตอนนี้มีกลุ่มบุคคลจำนวน 38,000 คน ได้รับปล่อยตัวตาม พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ ทางกระทรวงยุติธรรมเห็นควรที่จะส่งรายชื่อทั้งหมด ให้กับกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์ รับไปดำเนินการ เพื่อติดตาม ชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนเหล่านี้ แต่ไม่ได้หมายถึงการติดตามตัวเหมือนผู้ที่ถูกคุมประพฤติ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ต้องขัง แต่เป็นคนทั่วไปปกติ โดยภาครัฐต้องมีระบบเข้าไปช่วยในคนกลุ่มนี้มีสภาพชีวิต ที่ปกติมีงานทำ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งระบบชุมชน กำนันผู้ใหญ่ในแต่ละหมู่บ้านจะต้องเข้าไปดูแล เหมือนลูกหลานในครอบครัว

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ขณะที่ มาตรการระยะยาว ต้องหารือร่วมกันเพื่อตกลงว่าจะยกร่างเป็นกฎกระทรวง หรือ รูปแบบ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน หรือ ต้องเขียนเพิ่มไปในกฎหมายราชทัณฑ์ เลยหรือไม่ ที่จะให้หน่วยงาน ทั้ง 3 หน่วย เข้ารองรับในระบบลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องขังเช่นนี้ อย่างน้อยเป็นการยืนยันได้ว่า ในอนาคตภาครัฐต้องเข้าไปช่วยเหลอกลุ่มคนเหล่านี้อย่างจริง ถาวร เป็นรูปธรรมยั่งยืน

นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดจะนำระบบที่ภาครัฐอุดหนุนบริษัท ที่รับกลุ่มคนเหล่านี้เข้าทำงาน รัฐอาจสนับสนุน 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ของกลุ่มคนเหล่านี้ คล้ายๆ กับที่ประเทศญี่ปุ่นทำ

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://news.sanook.com/1781122/ (http://news.sanook.com/1781122/)

บางคนก็ไม่ได้เลวร้าย อะไร ถูกปรักปรำ จึงติดคุกตะราง
แต่ช่วงที่ไปอยู่ ไปเรียนอะไรกลับมา เพราะว่า บางคนมีความชำนาญ ความสามารถ หลาย ๆ อย่าง เช่น ช่างไม้ ช่างปูน ช่างแกะสลัก ประมาณนี้

   :25: