สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 20, 2015, 08:27:03 am



หัวข้อ: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 20, 2015, 08:27:03 am
(http://www.khaosod.co.th/online/2015/04/14294393161429439344l.jpg)

หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
คอลัมน์ "มงคลข่าวสด"

หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกันตศีลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระสงฆ์ศิษย์ที่เคยปฏิบัติธรรม บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต นอกจากนี้ ยังเป็นพระอาจารย์ของ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

มีนามเดิมว่า กลม จันสีเมือง เกิดเมื่อ วันพุธที่ 8 เม.ย.2439 ตรงกับสมัยร.ศ.115 ที่บ้านหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นคร พนม ครอบครัวประกอบอาชีพชาวนา

ในวัย 10 ขวบ บรรพชาที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก จ.นครพนม ศึกษาหนังสือธรรม หนังสือผูก ภาษาขอม ภาษาไทยน้อย (อักษรธรรม) และภาษาไทยปัจจุบัน

ครั้นพออายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเกาะแก้วอัมพวัน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แต่ด้วยการร้องขอจากบิดา-มารดา จึงลาสิกขาตามความประสงค์ของบุพการี และประกอบอาชีพเป็นนายฮ้อยค้าวัว-ควาย


(http://www.dhammajak.net/board/files/_10_139.jpg)
พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่กินรี จนฺทิโย ณ วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

เนื่องจากอาชีพดังกล่าวต้อง พรากพ่อแม่ลูกโค-กระบือ ผลกรรมจึงตามย้อนสนองให้ต้องสูญเสียภรรยาหลังคลอดบุตร สร้างความโศกเศร้าเป็นยิ่งนัก ท่านจึงละวางทางโลก มุ่งหาทางธรรม เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้ง ที่วัดศรีบุญเรือง ต.กุดตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2465 ขณะมีอายุ 25 ปี โดยมีพระอาจารย์วงศ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พิมพ์และพระอาจารย์พรหมา เป็นพระคู่สวด ได้ชื่อใหม่จากพระอุปัชฌาย์จากชื่อเดิม "กลม" เป็น "กินรี" มีฉายาว่า "จันทิโย"

หลังอุปสมบทอยู่จำพรรษที่วัดหนองฮี ต.หนองฮี อ.ปลาปาก เพื่อสอนความรู้ภาษาไทยทั้งการอ่านและเขียนให้แก่เด็กๆ ในหมู่บ้าน และยังขุดลอกสระน้ำขนาดใหญ่ด้วยตัวเอง เพื่อให้วัดและชาวบ้านได้มีน้ำอุปโภคบริโภค ต่อมาไปศึกษาเล่าเรียน กัมมัฏฐานจากพระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล ที่สำนักบ้านสามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้ระยะหนึ่งจึงเดินทางกลับสู่วัดบ้านเกิด และได้จัดตั้งสำนักสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ชื่อว่าสำนักสงฆ์เมธาวิเวก


(http://www.dhammajak.net/board/files/1_127.jpg)
“วัดป่าเมธาวิเวก” ในปัจจุบัน

(http://www.dhammajak.net/board/files/4_164.jpg)
เสนาสนะภายใน “วัดป่าเมธาวิเวก” ในปัจจุบัน

ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ทองรัตน์พาไปกราบนมัสการหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร เพื่อรับโอวาทและหลักธรรม พร้อมกับการเจริญสมาธิ ภาวนาจิตให้สงบ ซึ่งท่านได้ใช้ชีวิตอยู่กับหลวงปู่มั่นเพียง 2 ปี

ออกธุดงค์มุ่งไปตามป่าเขา เลาะเลียบฝั่งโขงไปฝั่งลาว กราบนมัสการพระพุทธบาทโพนสัน กระทั่งไปจำพรรษาอยู่กับเผ่าแม้วที่ จ.อุตรดิตถ์ ฉันแต่ข้าวโพด ลำดับนั้นธุดงค์ข้ามไปย่างกุ้ง ประเทศพม่า และได้รับนิมนต์ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกุลาจ่อง และจำพรรษานาน 12 ปี จนพูดภาษาพม่าได้ ก่อนมุ่งหน้าไปสู่แดนพุทธภูมิ เพื่อนมัสการสังเวชนียสถานทั้ง 4

จากนั้นจึงกลับมาพักอยู่สำนักสงฆ์เมธาวิเวกระยะหนึ่ง ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม ระหว่างนี้ท่านยังแวะเวียนไปหาหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น และพระอาจารย์ทองรัตน์อยู่เป็นนิจ


(http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph_paragraph_paragraph_11_335.jpg)
(บนขวา) หลวงปู่กินรี จนฺทิโย วัดกันตศิลาวาส (ซ้ายล่าง) พระโพธิญาณเถร(หลวงพ่อชา สุภัทโท) (หลังซ้าย) หลวงพ่ออวน ปคุโณ

หลวงปู่กินรียังมีลูกศิษย์ที่สำคัญรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียง คือ หลวงปู่ชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง ที่ได้อยู่จำพรรษาศึกษาปฏิบัติธรรมและคอยอุปัฏฐากรับใช้ระหว่างปี พ.ศ.2490-2491 ก่อนจะนำพระพุทธศาสนาไปประกาศเผยแผ่ยังทวีปต่างๆ ทั่วโลก

หลวงปู่กินรีเป็นพระที่ยึดมั่นและเคร่งครัดในพระธรรมวินัย คอยอบรมลูกศิษย์อย่าประมาทในพระวินัย แม้สิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด แม้การตากผ้าสบงจีวรแล้วมิได้เฝ้าดูรักษาก็จะตำหนิพระลูกศิษย์ เป็นสมณะต้องมักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ


(http://www.dhammajak.net/board/files/_2_983.jpg)
เจดีย์และรูปหล่อหลวงปู่กินรี จนฺทิโย ภายในพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงปู่กินรี จนฺทิโย
ณ วัดกันตศิลาวาส ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

หลวงปู่กินรีมีโรคประจำตัว คือ ไออยู่เป็นนิจ เนื่องจากปอดชื้น แต่ท่านไม่ยอมให้หมอรักษาหรือยอมให้ศิษย์นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความชราภาพทำให้สภาพร่างกายไม่แข็งแรงดังแต่ก่อน และนับวันมีแต่อาการอาพาธจะทรุดลง กระทั่งวันที่ 26 พ.ย.2523 จึงละสังขารจากไปอย่างสงบ สิริอายุ 84 พรรษา 58

แต่คุณงามความดีและหลักธรรมคำ สั่งสอนของท่าน ยังฝังอยู่ในจิตใจของผู้ที่เคารพศรัทธามิเสื่อมคลาย


ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429439316 (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429439316)
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42518 (http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42518)


หัวข้อ: Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ เมษายน 20, 2015, 12:41:52 pm
 st11 st12 st12


หัวข้อ: Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ เมษายน 20, 2015, 08:13:04 pm

     นี่นะหรือคือพระอาจารย์ ของหลวงปู่ชา ...ที่ศิษย์ของท่านแปลพระธรรมท่านไป ยี่สิบกว่าภาษา

      วันนี้พึ่งจะเห็น ตัวครู ของท่าน นับเป็นบุญตาบุญใจ  ของข้าพเจ้าทั้งหลาย

        สาธุ สาธุ ในธรรมทั้งหลายนั้นๆ


หัวข้อ: Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
เริ่มหัวข้อโดย: suchin_tum ที่ เมษายน 20, 2015, 08:46:44 pm

        สาธุ สาธุ ค่ะ st12 st11


หัวข้อ: Re: หลวงปู่กินรี จันทิโย พระกัมมัฏฐานนครพนม
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ เมษายน 21, 2015, 06:43:35 pm
(http://i.ytimg.com/vi/ihH0_WNiQvI/mqdefault.jpg)(http://t7.i18ntn.baidu.com/it/u=1210063724,326883013&fm=3)

 :25:        st11        :25:        st12        :25:        thk56