หัวข้อ: ย้าย "พิพิธภัณฑสถานนครปฐม" บทพิสูจน์พลังภาคประชาชน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 05, 2015, 07:51:12 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/05/04/kc6ddcf7i69bb7ge6hifh.jpg) ย้าย "พิพิธภัณฑสถานนครปฐม" บทพิสูจน์พลังภาคประชาชน เดินทางย้อนเวลากลับ เมื่อประมาณกว่า 100 ปีก่อน โบราณวัตถุหายากตั้งแต่สมัยทวารวดี หรือเมื่อครั้งพุทธศตวรรษที่ 12-16 ที่เก็บรวบรวมไว้ที่ระเบียงคตรอบองค์พระปฐมเจดีย์ถูกเคลื่อนย้ายไปรวบรวมไว้ที่วิหารตรงข้ามพระอุโบสถ นี่คือจุดกำเนิดของ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์" ที่ในเวลาต่อมาได้ส่งมอบการดูแลจากวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหารไปขึ้นกับกรมศิลปากร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ในการดูแลของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนท้องถิ่นทั้งในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงมาช้านานในฐานะแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และอารยธรรมทวารวดี รวมถึง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นที่มาของข่าวการย้ายโบราณวัตถุไปรวมไว้ที่นั่น จนเกิดกระแสร่ำลือกันว่า การย้ายศิลปวัตถุอันประเมินค่ามิได้นี้ จะมีผลประโยชน์จากบางฝ่ายแอบแฝงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะมันสามารถคำนวณค่าเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมากมายมหาศาล เมื่อมีโบราณวัตถุสมัยทวารวดีไปรวมอยู่ที่นั่นย่อมเป็นแม่เหล็กแรงสูงดึงดูดนักท่องเที่ยวไปรวมกันที่นั่น :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: แต่นั่นเป็นแต่เพียงข่าวลือ อันเกิดขึ้นจากข่าวจริงที่แชร์กันในโลกออนไลน์ว่า ด้วยหลักฐานหนังสือของทางราชการตามบันทึกข้อความส่วนราชการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ที่ วธ.041605/194 ลงวันที่ 17 เมษายน 2558 เรื่องการเคลื่อนย้ายและจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ลงนามโดย "พนมบุตร จันทรโชติ" ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ส่งถึงผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี เพื่อเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์มาเก็บรักษาและจัดแสดงยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง โดยตั้งงบประมาณไว้ 5 แสนบาท และมีโบราณวัตถุที่ต้องเคลื่อนย้ายไปจำนวน 1,873 รายการ :25: :25: :25: :25: นี่คือ ที่มาของการผนึกกำลังจากภาคประชาชนในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ประชาชนทั่วไป ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครูอาจารย์ นักวิชาการ ข้าราชการ พ่อค้า จำนวนกว่า 100 คน เพื่อคัดค้านแผนการย้ายแหล่งความรู้อันล้ำค่าเหล่านี้ไปอยู่สุพรรณบุรี และจะติดตามด้วยการเคลื่อนไหวใหญ่ในบ่ายวันที่ 22 พฤษภาคม ที่พวกเขานัดรวมตัวกันอีกครั้งที่ลานร่มไม้ข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ทางทิศใต้ขององค์พระ ไม่บ่อยครั้งนักที่ชาวนครปฐมจะออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ อาจเป็นเพราะยังไม่มีประเด็นใดที่ท้าทายความหวงแหนมากเท่านี้ การเกิดขึ้นของกลุ่มรักปฐมนคร คือจุดเริ่มต้นของการรวมตัวเพื่อสู่เป้าหมายเลิกล้มแผนการย้ายศิลปวัตถุไปที่อื่น :32: :32: :32: :32: "ไพบูลย์ พวงสำลี" ประธานกลุ่มทวารวดีกล่าวในเว็บไซต์ผู้จัดการว่า การโยกย้ายโบราณวัตถุครั้งนี้จะทำให้เสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยกระบวนการต่างๆ ดำเนินไปอย่างเงียบๆ ไม่สอบถามความเห็นของชาวนครปฐม เมื่อประชาชนทราบข่าวก็ออกมาแสดงพลังต่อต้านและคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจะพยายามทำทุกวิถีทางให้โบราณวัตถุอยู่ที่นครปฐมต่อไป ว่าตามประวัติศาสตร์ระยะใกล้ที่ชาวชุมชนสามารถสัมผัสและเข้าถึงได้ เมื่อนับย้อนหลังไปเมื่อครั้งเริ่มบูรณปฏิสังขรณ์ในสมัย "รัชกาลที่ 4" จวบจนการทะนุบำรุงองค์พระปฐมเจดีย์ และการอัญเชิญองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์มาประดิษฐานทางวิหารด้านทิศเหนือในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นั่นหมายถึง การเกิดขึ้นของ "พระราชวังสนามจันทร์" อันเป็นอีกหนึ่งที่สังคมรำลึกถึงเป็นลำดับรองจากองค์พระเมื่อเอื้อนเอ่ยถึง จ.นครปฐม :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: ณ วันนี้ ริมถนนเลี่ยงเมือง โรงแรมหรูผุดขึ้นรองรับการท่องเที่ยวที่ขยายตัวออกไปภายใต้คอนเซ็ปต์จรรโลงศิลปกรรมทวารวดี ขณะที่โบราณสถานฝั่งตรงข้ามไม่ไกลจากนั้นดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวสงบงัน ท่ามกลางการจราจรอันจอแจ แล้วการปิดล้อมกระชั้นชิดของย่านการค้า การลุกขึ้นสู้ของประชาคมนครปฐมเปรียบประดุจสัญญาณครั้งใหม่ที่จะปลุกทุกฝ่ายให้ตื่นรู้เท่าทันร่วมขบวนอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมทวารวดีนับแต่หลายพุทธศตวรรษก่อนเคียงคู่ไปกับการศึกษาเรียนรู้ผ่านแหล่งรวบรวมวัตถุยืนยันประวัติศาสตร์แล้วความรุ่งเรืองย้อนอดีตกลับไปหลายศตวรรษ นั่นหมายถึง การร่วมแรงร่วมใจปกป้องสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสมบัติของท้องถิ่น โดยชอบธรรม เวลา 14.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม จึงจะเป็นบทพิสูจน์ก้าวย่างพลังชุมชนนครปฐมว่า พวกเขาจะนำพาฝ่าฟันเพื่อเปิดพื้นที่ให้แก่มรดกทางปัญญาที่กำลังถูกโหมกระหน่ำจากรอบทิศได้อย่างไรต่อไป นี่เพียงแค่ก้าวแรกของการต่อสู้เท่านั้น กรณีย้ายพิพิธภัณฑ์ จึงเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ อันยิ่งใหญ่ :49: :49: :49: :49: เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว "บวรเวท รุ่งรุจี" อธิบดีกรมศิลปากร ชี้แจงว่า เหตุที่กรมศิลปากรจำเป็นต้องย้ายโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ไปเก็บรักษาและจัดแสดงยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เนื่องจากการขยายตัวและพัฒนาไม่สามารถทำได้เต็มที่ ตั้งแต่เปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มากว่า 20 ปียังอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เลย เพราะพื้นที่จำกัด ขยายตัวยาก นอกจากนี้ ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยทำได้ไม่เต็มที่ เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวที่ทางเข้าออกในเขตวัดเปิดตีสอง เพราะทางวัดเปิดให้ประชาชนเข้ามาค้าขายเป็นตลาดโต้รุ่งทุกวัน ดังนั้นหากเกิดเหตุมีโบราณวัตถุหายไปใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่ความก้าวหน้าของภัณฑารักษ์และเจ้าหน้าที่ไม่มี เพราะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากเพราะหากบุคลากรไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานแล้วจะส่งผลให้การทำงานไม่มีคุณภาพ ans1 ans1 ans1 ans1 “ขณะนี้การย้ายพิพิธภัณฑ์อยู่ระหว่างการดำเนินงาน ซึ่งกรมศิลปากรยืนยันที่จะต้องทำต่อไป และผมยินดีรับฟังความคิดเห็นและพร้อมชี้แจงทุกรายละเอียดให้ชาวจังหวัดนครปฐมรับทราบถึงความจำเป็นต่างๆ ทั้งนี้ หากชาวนครปฐมต้องการให้ทุกอย่างอยู่คงเดิม และพร้อมที่จะบริหารจัดการเองทั้งหมดก็ขอให้แจ้งมายังกรมศิลปากร ซึ่งผมก็พร้อมจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลตาม พ.ร.บ.การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542" บวรเวท กล่าว อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ชาวจังหวัดนครปฐมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงรับผิดชอบค่าเสียหายกรณีโบราณวัตถุสูญหายด้วย ซึ่งจากการประเมินค่าแล้วโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท อยากให้ทุกฝ่ายมองในหลายมิติเพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น ซึ่งเวลานี้ก็มีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาย้ายรวมกับพิพิธภัณฑ์แห่งอื่นไม่ใช่ที่นครปฐมแห่งเดียว ask1 ans1 ask1 ans1 ask1 ans1 ข้อมูลพิพิธภัณฑ์นครปฐม พิพิธภัณฑสถานแห่งชา ติพระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครปฐม เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น อยู่ทางทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ ใช้เป็นที่รวบรวมและเก็บรักษาโบราณวัตถุหายาก ตั้งแต่สมัยทราวดี ราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 ซึ่งเดิมเก็บรวบรวมไว้ที่ระเบียงคดรอบองค์พระปฐมเจดีย์ กระทั่ง พ.ศ. 2454 ได้ย้ายโบราณวัตถุเหล่านี้ไปเก็บรักษาไว้ในวิหารตรงข้ามพระอุโบสถ ต่อมาเรียกว่า "พระปฐมเจดีย์พิพิธภัณฑสถาน" ปัจจุบันยังคงเป็นพิพิธภัณฑสถานในความดูแลของวัดพระปฐมเจดีย์ และใน พ.ศ.2477 ได้ยกฐานะเป็น "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ" ในความดูแลของกรมศิลปากร ต่อมาเมื่อจำนวนโบราณวัตถุเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาคารพิพิธภัณฑสถานหลังเดิมคับแคบ ในปี พ.ศ. 2510 กรมศิลปากรจึงได้รับงบประมาณให้สร้างอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งใหม่ ภายหลังแล้วเสร็จ จึงเคลื่อนย้ายโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑสถานหลังเดิมมาจัดแสดงไว้ที่อาคารทรงไทยประยุกต์หลังปัจจุบัน โดยโบราณวัตถุส่วนใหญ่เป็นหลักฐานในวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งเป็นช่วงอดีตที่รุ่งเรืองของดินแดนนครปฐม ภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ :96: :96: :96: :96: ส่วนที่ 1 แนะนำลักษณะทั่วไปของจังหวัดนครปฐม ประวัติความเป็นมาของดินแดนแห่งนี้ การตั้งถิ่นฐานของชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ การติดต่อรับพุทธศาสนาและวัฒนธรรมจากอินเดียเข้ามาผสมผสานกับความเชื่อและวัฒนธรรมท้องถิ่น ภาพปูนปั้นรูปชาวต่างประเทศ ศิลาจารึกที่พบบริเวณเมืองโบราณนครปฐม ส่วนที่ 2 เสนอเรื่องราวด้านศาสนาและความเชื่อของชุมชนทวารวดีในนครปฐม สะท้อนผ่านงานศิลปกรรมประเภทต่างๆ โบราณวัตถุที่จัดแสดงในส่วนนี้ประกอบด้วย ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมประเภทต่างๆ เช่น พระพุทธรูป ภาพสลักเล่าเรื่องพุทธประวัติ ภาพปูนปั้นเรื่องชาดกประดับฐานเจดีย์และธรรมจักร ส่วนที่ 3 เรื่องราวของนครปฐมหลังความรุ่งเรืองสมัยทวารวดี จนถึงสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์และเป็นงานสำคัญที่สืบเนื่องต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นช่วงที่นครปฐมได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมณฑลนครชัยศรี และในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ก่อสร้างพระราชวังสนามจันทร์ขึ้น เมืองนครปฐมได้รับการพัฒนาเรื่อยมา :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ มีบทบาทในการเก็บรักษามรดกอันมีคุณค่าทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาของประชาชนเป็นอย่างมาก ขอบคุณบทวามและภาพจาก http://www.komchadluek.net/detail/20150505/205755.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150505/205755.html) |