สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 26, 2015, 08:18:12 am



หัวข้อ: ชาวบุรีรัมย์ต้าน กรมศิลป์นำแท่นฐานศิวลึงค์ อายุ 1,300 ปี ไปพิพิธภัณฑ์พิมาย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 26, 2015, 08:18:12 am

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147801.JPEG)

ชาวบุรีรัมย์ต้าน กรมศิลป์นำแท่นฐานศิวลึงค์ อายุ 1,300 ปี ไปพิพิธภัณฑ์พิมาย


บุรีรัมย์ - ชาวบ้าน อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ค้านไม่ให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรนำแท่นฐานศิวลึงค์โบราณอายุราว 1,300 ปี ที่ขุดพบในวัดขณะขุดหลุมสร้างอุโบสถหลังใหม่ ไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์พิมาย โดยชาวบ้านอ้างเป็นสมบัติที่ขุดพบในชุมชนต้องการเก็บไว้สักการบูชาและให้ลูกหลานศึกษา
       
       วันนี้ (25 พ.ค.) นางชุติมา จันทน์เทศ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยนายอำเภอคูเมือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรคูเมือง ตัวแทนวัฒนธรรมอำเภอ อบต.ปะเคียบ และกำนันตำบลปะเคียบ ได้ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านบ้านเขว้า ม.4 ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง
       
       หลังชาวบ้านได้มีการคัดค้านไม่ให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร นำแท่นฐานศิวลิงค์เก่าแก่อายุราว 1,300 ปี ที่ชาวบ้านขุดพบภายในวัดธรรมประสิทธิ์ ขณะขุดหลุมลึก 2 เมตร เพื่อก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ทดแทนหลังเดิมที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ไปเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย จ.นครราชสีมา เนื่องจากชาวบ้านต้องการจะเก็บรักษาไว้ในหมู่บ้าน เพื่อไว้สำหรับสักการะบูชาและให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้

       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147802.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147803.JPEG)

       ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ชี้แจงกับชาวบ้านว่า แท่นฐานศิวลึงค์ที่ขุดพบดังกล่าว เป็นวัตถุโบราณอันทรงคุณค่าถือเป็นทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ไม่ว่าจะขุดค้นพบที่ไหนก็ต้องนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์
       
       อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แท่นฐานศิวลึงค์ยังคงเก็บไว้ภายในศาลาการเปรียญ พร้อมกับลูกนิมิตโบราณอีก 9 ลูกที่ขุดพบพร้อมกันด้วย ซึ่งแท่นฐานศิวลึงค์ที่ขุดพบในครั้งนี้เป็นแท่นหินทราย สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างและยาว 145 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 1 ตัน ด้านข้างมีตัวอักษรปรว (ปะ-ระ-วะ) ภาษาสันสกฤตจารึกอยู่ 3 บรรทัด แต่ละบรรทัดจะมี 4 วรรค ลักษณะคล้ายกับศิลาจารึกของพระเจ้าจิตเสน ที่เคยพบที่ถ้ำเป็ดทอง อ.ปะคำ ด้านบนมีร่องรอยของการสกัดหิน ด้านข้างมีช่องทางสำหรับให้น้ำมนต์ไหลออก ซึ่งใช้สำหรับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ
       
       โดยแท่นฐานศิวลึงค์ที่พบในครั้งนี้มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และจากหลักฐานของตัวอักษรที่จารึกบนแท่นฐานศิวลึงค์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่ามีความเก่าแก่มากน่าจะเป็นวัฒนธรรมรุ่นแรกของเขมรเป็นการขุดพบครั้งแรก

       
(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147804.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147805.JPEG)

       นายบุญ สวนไธสง อายุ 68 ปี ชาวบ้านบอกว่า แท่นฐานศิวลึงค์ที่ขุดพบภายในวัดในครั้งนี้ควรเป็นสมบัติของชุมชน จึงอยากให้มีการเก็บรักษาไว้ในชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชา ทั้งเพื่อให้ลูกหลานหรืออนุชนคนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างก็เห็นตรงกันว่าไม่อยากให้ทางกรมศิลปากรนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พิมาย ประกอบกับช่วงนี้กำลังมีการก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุด หากแท่นฐานศิวลึงค์อยู่ในชุมชนก็จะดึงดูดให้ชาวบ้านมาร่วมบริจาคสร้างอุโบสถดังกล่าวด้วย
       
       ด้านนางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า การขุดค้นพบวัตถุโบราณหรือศิลปวัตถุไม่ว่าในพื้นที่ใด จะต้องส่งมอบให้ทางกรมศิลปากรเพื่อนำไปเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ เพราะถือเป็นสมบัติของแผ่นดิน แต่หากทางชุมชนหรือท้องถิ่นต้องการจะดูแลรักษาไว้เอง จะต้องทำเรื่องขออนุญาตทางกรมศิลปากร และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในการดูแลรักษาด้วย ซึ่งในเบื้องต้นจะได้นำเสนอ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา เพื่อพิจารณาและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147806.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147807.JPEG)

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000006147808.JPEG)

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000059406 (http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000059406)