หัวข้อ: ชงรัฐ สร้างคุณภาพพระ-ศึกษาสงฆ์ ค้านเก็บภาษีวัด เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 27, 2015, 08:23:36 pm (http://www.dailynews.co.th/images/1062907?s=750x500) ชงรัฐ สร้างคุณภาพพระ-ศึกษาสงฆ์ ค้านเก็บภาษีวัด สนพ.ยื่นหนังสือถึงสำนักพุทธฯค้านสปช.เก็บภาษีวัด แนะรัฐหนุนสร้างคุณภาพพระ การศึกษาสงฆ์ดีกว่า ชี้หากเก็บภาษีต้องเก็บทุกศาสนาที่รัฐรับรอง ขณะที่ผอ.พศ.เผย ไม่นิ่งนอนใจ มส.ตั้งผู้แทน พร้อมคณะกรรมการศึกษาแนวทางปฏิรูปพระพุทธศาสนาของสปช.แล้ว วันนี้( 27 พ.ค.)ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จนฺทสาโร)รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายก สนพ. ผศ.ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการนายก สนพ. เข้ายื่นหนังสือประกอบบทวิเคราะห์“รายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)และนำเสนอแนวทางการปฏิรูปส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนาที่ให้ผลดีของ สนพ. ต่อ นายพนมศรศิลป์ ผอ.พศ. พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า สนพ.เห็นว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ พศ.จัดทำรายงานผลการพิจารณาแนวทางปฏิรูปพระพุทธศาสนาของ สปช.ให้เสร็จภายใน 30 วัน จึงได้วิเคราะห์ข้อเสนอของ สปช. เสนอต่อ พศ.ใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ข้อเสนอทางลบที่เน้นการลงโทษควบคุม ตรวจสอบ เบียดเบียนพระพุทธศาสนาเก็บภาษีวัด เก็บภาษีพระ 2.ข้อเสนอในการปรับปรุงการปกครองวัดและการปกครองคณะสงฆ์ และ 3.ข้อเสนอทางบวกที่สนับสนุนให้มีผู้มาบวชมากขึ้น การสนับสนุนการศึกษาของสงฆ์ การสนับสนุนให้พระสงฆ์เผยแผ่ธรรมะแก่เยาวชนและประชาชน st12 st12 st12 st12 "การเก็บภาษีพระ ภาษีวัด มีผลเสียมากกว่าผลดีรวมทั้งวัดที่มีรายได้ตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ต้องให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งปัจจุบันอำนาจของ สตง.ไม่เอื้ออำนวย และการให้สตง.ไปตรวจสอบเงินบริจาคของมัสยิดหรือโบสถ์คริสต์ก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามหากมีการเก็บภาษีหรือตรวจสอบบัญชีผู้นำศาสนาก็ควรเก็บให้ครบทุกศาสนาที่รัฐรองรับจะได้มีความเสมอภาคกันไม่ใช่เน้นแต่พระพุทธศาสนาส่วนรายได้ข้อเท็จจริงของวัดส่วนใหญ่นั้น มาจากความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนซึ่งพระสงฆ์ก็จะใช้พัฒนาวัด และสาธารณประโยชน์ สร้างโรงเรียน โรงพยาบาลส่วนเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ จะได้รับนิตยภัตเพียง 1,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น" พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวและว่า ส่วนการปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ควรให้มหาเถรสมาคม(มส.)เป็นหน่วยงานหลักพิจารณานำเสนอแนวทางปฏิรูปพัฒนาการปกครองคณะสงฆ์ แล้วรัฐบาลให้ความร่วมมือสนับสนุน สำหรับการส่งเสริมการศึกษาสงฆ์ สนพ.เห็นว่า ปัญหาหลักคณะสงฆ์ที่พบมี 2 ส่วน คือ 1.ปัญหาที่ตัวพระภิกษุ สามเณร ขาดคุณภาพและปริมาณ และ 2.การเผยแผ่ธรรมะสู่เยาวชนและประชาชนมีน้อย จึงเสนอว่า รัฐต้องให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมอุดหนุนเงินแก่สำนักเรียนบาลี โรงเรียนพระปริยัติธรรม ให้เพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันอุดหนุนน้อยมาก เช่น แผนกธรรม อุดหนุนตามจำนวนผู้สอบ900 บาท/รูป/ปีขณะที่นักเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานของทางโลกระดับ ป.1-ม.6 ให้ถึงหัวละประมาณ 31,505 บาท/คน/ปี นอกจากนี้ควรส่งเสริมการลาบวชโดยปรับแก้ระเบียบราชการ รัฐวิสาหกิจ และจัดตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาด้วย :25: :25: :25: :25: ที่ปรึกษาสนพ. กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ สนพ.ได้ส่งจดหมายแจ้งข่าวแนวทางปฏิรูปพระพุทธศาสนาของ สปช.ไปยังวัดทั่วประเทศแล้ว โดยมีพระสังฆาธิการตอบรับข้อมูลที่จะส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรงแล้วประมาณ 10,000 วัด ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยกับการเก็บภาษีพระ ภาษีวัด เพราะปัจจุบันนี้มีวัดร้างถึง 5,900 วัดและหาพระภิกษุมาเป็นเจ้าอาวาสยากอยู่แล้ว หากออกกฎหมายมาเก็บภาษีวัด ภาษีพระอีก จะส่งผลให้มีวัดร้างเพิ่มขึ้น ข้อเสนอของสปช.เสมือนบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ.พศ.กล่าวว่า พศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้มีการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการปฏิรูปพระพุทธศาสนาของ สปช.แล้ว โดย มส.ก็ได้แต่งตั้งผู้แทนมาร่วมพิจารณาด้วย ทั้งนี้ พศ.จะรับข้อเสนอแนะของ สนพ.เข้ามาประกอบ ถือว่า นับเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้เกิดผลและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะพศ.คณะสงฆ์ และสนพ.มีแนวคิดที่ตรงกัน คือ การพัฒนาการศึกษาคณะสงฆ์ที่ต้องให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่านี้ เพื่อสร้างพระสงฆ์ที่มีคุณภาพทั้งความรู้ และพระธรรมวินัย ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/324058 (http://www.dailynews.co.th/education/324058) |