หัวข้อ: อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง เริ่มหัวข้อโดย: รักหนอ ที่ พฤศจิกายน 20, 2010, 07:20:58 am อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง
โดย สมเกียรติ ฟุ้งเกียรติ on Monday 24 August 2009 | Permalink เดี๋ยวนี้คนรอบตัวของผมทั้งภรรยาญาติมิตรล้วนสนใจธรรมะ ต่างหาเวลาไปเข้าหลักสูตรวิปัสสนาตามที่จัดกัน 8 วัน 7 คืนกันบ่อยครั้งขึ้น มีแต่ผมนี่แหละที่ไม่เคยเข้าอบรมหลักสูตรวิปัสสนากับใคร อย่างเก่งผมก็ไปนอนวัดค้างคืนระหว่างวันที่มีพิธีทอดกฐินทอดผ้าป่าเท่านั้น เพราะผมได้รับคำสอนจากหลวงปู่บุญตา วัดคลองเกตุ จังหวัดลพบุรี ซึ่งท่านสอนว่า "อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเอง" แม้หลังจากนั้นหลวงปู่บุญตามาพักที่บ้านผมอยู่คืนหนึ่ง ทั้งๆที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่าน ผมก็ไม่เอ่ยปากถามธรรมะจากท่านสักคำ เพราะรู้ตัวแล้วว่า ของดีเช่นธรรมะนี้ ไม่มีใครสร้างให้ได้ นอกจากตัวเราต้องหาทางสร้างขึ้นมาเอง คราวใดที่ติดขัดไม่เข้าใจธรรมะเรื่องใด นานทีก็จะโทรศัพท์ไปกราบเรียนถามข้อสงสัยจากพระท่านเป็นเรื่องๆไป ทุกวันนี้ผมสร้างวัดเอาไว้บ้าน สร้างไว้ในห้องพระห้องนอนในบ้านของผมเอง ก่อนนอนถ้าไม่เหนื่อยนักก็จะนั่งสมาธิ ตอนเช้าถ้าไม่ติดต้องออกไปสอน Excel ก็จะนั่งสมาธิ นั่งไปเรื่อยๆโดยไม่ได้ใส่ใจว่าจะใช้เวลานานเพียงใด หลวงน้าสายหยุด วัดสะแก จังหวัดอยุธยา ท่านสอนว่า "ให้กลับไปฝึกสมาธิที่บ้าน แล้วหลวงปู่หลวงตาจะไปสอนเอง" ผมสงสัยว่าหลวงปู่หลวงตาที่ท่านว่าจะไปสอนผมที่บ้านนั้นเป็นใคร หลวงน้าสายหยุดก็อธิบายว่า "ก้อหลวงปู่หลวงตาที่แก่ๆๆๆตายๆๆๆๆแล้วนั่นแหละ เดี๋ยวหลวงปู่หลวงตาท่านจะไปสอนที่บ้านให้เอง กลับบ้านไป้" หลวงพ่อพุธ ฐานิโย วัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา ท่านกล่าวไว้ว่า เมื่อติดขัดสงสัยปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสมาธินี้ไม่ต้องถามใคร ขอให้ตั้งคำถามที่สงสัยไว้ก่อน จากนั้นให้นั่งสมาธิโดยไม่ต้องคิดถึงปัญหานั้นอีก แล้วพอออกจากสมาธิ จิตจะแว้บได้คำตอบออกมาเอง ในตู้หนังสือที่บ้านผมมีหนังสือธรรมเต็มไปหมด หลายปีก่อนตอนเริ่มสนใจเรื่องสมาธิ ผมหาซื้อหนังสือสมาธิทุกเล่มมาอ่าน ไม่เว้นแม่แต่หนังสือภาษาฝรั่ง อ่านจนหมดร้านหนังสือ จากนั้นก็อ่านจากหนังสือเก่าๆที่แจกในงานศพต่อไปอีก (โชคดีที่บางเล่มเป็น หนังสือที่แจกงานศพของพระอริยเจ้า) สมัยนั้นต้องคุยเรื่องสมาธิกับฝรั่ง เพราะเว็บคนไทยยังไม่มีฟอรัมให้ถามตอบปัญหาธรรม ยุคนั้นพอใช้ชื่อผมค้นหาจากอินเตอร์เน็ตก็จะพบชื่อผมกับข้อความที่คุยเรื่อง สมาธิในหน้าแรกๆที่ค้นเจอทีเดียว เวลาพูดภาษาธรรมก็ใช้ศัพท์แสงตามหนังสือพระไตรปิฏกได้ชัดเจน ผมกลายเป็นตู้พระไตรปิฎกเคลื่อนที่ เข้าใจว่าตัวเองเข้าใจธรรมะอย่างแตกฉาน เวลาสอน Excel ก็จะแอบแจกแฟ้มธรรมที่ผมบรรจงเขียนเองให้ผู้เข้าอบรมติดพร้อมกับแฟ้ม ตัวอย่างที่ใช้อบรมไปด้วย ผมชอบพูดเรื่องธรรมะตลอดเวลาที่ทำได้ อยากชวนทุกคนที่พบให้หันมาสนใจเรื่องสมาธิ เพราะตัวเองพบแล้วว่าสมาธิส่งผลดีกับตัวเองอย่างไร จึงอยากให้ผู้อื่นได้รับผลนั้นตามไปด้วย พฤติกรรมเหล่านี้อยู่ได้ไม่นานหลังจากที่ผมพบว่า สิ่งที่รู้ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจธรรมะถูกต้องตามที่ตัวเองเข้าใจแม้แต่น้อย ความเข้าใจมันต่างจากการทำให้เป็น ความเข้าใจกับการทำให้เป็นนั้นมันไม่เหมือนกัน และแล้วผมก็ทิ้งตำราหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาฝึกสมาธิ ขอให้คุณทดสอบตัวเองดูก็ได้ เมื่อใดที่เกิดความทุกข์ ถามว่าคุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการดับทุกข์ที่เกิดกับคุณ ถ้าต้องเสียเวลาย้อนกลับไปอ่านตำราธรรมะ หรือนั่งคิดหาที่ไปที่มานานเป็นวันกว่าจะดับทุกข์ได้ หรือใช้สติตามดูทุกข์นั้นให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นแล้วกว่าจะดับไปก็ใช้เวลา เป็นวันๆ ก็แสดงว่าคุณสอบตก ทุกวันนี้เมื่อผมย้อนกลับไปหยิบหนังสือธรรมเล่มเดิมมาอ่านอีกครั้ง ธรรมที่ผมเข้าใจในวันนี้มันต่างจากความเข้าใจสมัยก่อนอย่างมาก แค่ตัวหนังสือบางตัวที่เมื่อก่อนใช้สายตาอ่านผ่านๆไป เดี๋ยวนี้กลับเห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ตัวเองเคยมองข้าม ข้อความเดียวกันกลับให้ความหมายต่างจากเดิม นี่คือเส้นทางของผม แล้วเส้นทางของคุณล่ะ อยากได้ธรรมะ ต้องทำเอาเองหรือปล่าว (http://share.psu.ac.th/file/amporn.a/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%9A.jpg) |