สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 09, 2015, 07:53:45 pm



หัวข้อ: มจร.ฮึ่ม "ไพบูลย์" พูดพาดพิงไร้ข้อมูล
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 09, 2015, 07:53:45 pm

(http://www.dailynews.co.th/images/1075726?s=750x500)

มจร.ฮึ่ม "ไพบูลย์" พูดพาดพิงไร้ข้อมูล

"พระเมธีธรรมาจารย์" จวก "ไพบูลย์" พาดพิงมจร.สอนทางโลกมากกว่าทางธรรม ย้ำเป็นสถานศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาการชั้นสูงตามพระราชดำริรัชกาลที่5 แนะก่อนพูดอะไรควรมีจิตสำนึกรู้สึกผิดชอบชั่วดี และควรมีข้อมูล รวมทั้งมีวุฒิภาวะด้วย

จากกรณี พระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์ และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.)ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเผยแพร่เอกสารบันทึกรายงานผลการพิจารณาศึกษาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาที่ลงนามโดยนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อรัฐบาลนั้น วันนี้(9 มิ.ย.) พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า การที่ตนนำเอกสารดังกล่าวมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อแสดงให้เห็นว่า การปฏิรูปพระพุทธศาสนาของฝ่ายบ้านเมืองที่ผ่านมา เป็นการพูดไม่ตรงกับหลักฐานที่ทางคณะสงฆ์พบเห็น ซึ่งทำให้คณะสงฆ์ไม่สบายใจ ทั้งที่คณะสงฆ์ก็ทำงานตรงไปตรงมากับรัฐบาลมาโดยตลอด

 :25: :25: :25: :25:

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูป(สปช.)ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช.กล่าวพาดพิงมจร.ว่า เน้นสอนทางโลกมากกว่าทางธรรม นิสิตอยู่ฟรี กินฟรีทุกอย่าง ไม่เสียค่าเทอม เอาเปรียบเยาวชนนั้น ขณะนี้ทั้งฝ่ายศิษย์เก่ากับศิษย์ปัจจุบันหลายกลุ่มกำลังประชุมเพื่อกำหนดท่าทีใน 2 เรื่องใหญ่ คือ
    1.แสดงให้สาธารณชนได้รู้ว่า มจร.เป็นสถานศึกษาพระไตรปิฏกและวิชาการชั้นสูง ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และ
    2.อยากให้นายไพบูลย์ ได้มีจิตสำนึกรู้สึกผิดชอบชั่วดีในการพูดอะไรควรมีข้อมูล มีข้อเท็จจริง มีวุฒิภาวะประกอบด้วย

ด้านผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งมจร.และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.) มีการเรียนการสอนทั้งทางธรรม วิชาพระไตรปิฎกและวิชาการทางโลก ผู้เรียนเมื่อจะจบการศึกษาจะมีภาคปฏิบัติต้องผ่านหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งการเรียนการสอนของทั้ง 2 แห่งเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มีสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) ติดตามประเมินคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้เรียนก็ต้องเสียค่าหน่วยกิต ไม่มีการยกเว้น สิ่งสำคัญที่สุดมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยในทุกระดับด้วย

 st12 st12 st12 st12

“มจร.และมมร.ถือว่าเป็นสถานศึกษาบ่มเพาะความรู้วิชาพระไตรปิฎก พุทธศาสตร์ และศาสตร์สมัยใหม่ให้แก่ผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลในการจัดการศึกษา ที่สำคัญผู้เรียนที่จบไปเป็นพระบัณฑิตจะมีความรู้ทั้งทางธรรมและทางโลก เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา รวมทั้งได้สร้างครูพระสอนศีลธรรม และพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วโลก จึงอยากบอกนายไพบูลย์ว่า หากยังไม่มีข้อมูลรอบด้านของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่งที่มีบทบาทต่อสังคมไทย การที่อ้างตนว่ารู้พระธรรมวินัย ก่อนที่คิดและพูดอะไรให้ใช้ปัญญาอย่างถ่องแท้ ถ้าบิดเบือนความจริงด้วยอคติจะทำให้สังคมแตกแยกได้”ผศ.ดร.เสถียร กล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/327038 (http://www.dailynews.co.th/education/327038)