หัวข้อ: สนง.พระพุทธแจงประกาศ"คนเข้าวัดน้อยจะปลดเจ้าอาวาส"ไม่มีการปลดแค่ส่งเสริมคนเข้าวัด เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 06, 2015, 08:53:16 pm (http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14361691401436169998l.jpg) สนง.พระพุทธแจงประกาศ "คนเข้าวัดน้อยจะปลดเจ้าอาวาส" ไม่มีการปลดแค่ส่งเสริมคนเข้าวัด จากเหตุการณ์ในโลกออนไลน์ที่มีการเผยแพร่หนังสือประทับตราด่วน เรื่อง "คนเข้าวัดไม่ถึง 50 คน จะมีปลดเจ้าอาวาส" ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลาย ล่าสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติชี้แจงว่าประกาศนี้ไม่ได้มีความต้องการปลดเจ้าอาวาสจริง แต่เป็นเพียงการสร้างกุศโลบายให้คนเข้าวัดมากขึ้นเท่านั้น วันนี้ (6 กรกฎาคม) นายชยพล พงษ์สีดา รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์ โดยกล่าวว่า เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในฐานะผู้ประกาศคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มีความต้องการในการปลดเจ้าอาวาสในกรณีที่มีคนเข้าวัดไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดแต่ท่านมีเจตนาในการชักชวนให้คนเข้าวัดมากขึ้น เสมือนเป็นการรณรงค์ให้คนทำตามประเพณีอันดีงามมากกว่า หรือจะเรียกว่าเป็น "กุศโลบาย" ก็ได้ :25: :25: :25: :25: นายชยพล ระบุต่อว่า กรณีที่มีการโยงเรื่องชักชวนให้คนมาเข้าวัด ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือการทำยอดนั้น ขอยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้มีความต้องการในลักษณะนั้น เพราะว่าการชักชวนให้คนเข้าวัดไม่ได้เกี่ยวกับเงิน เราไม่ได้ต้องการให้คนมาทำบุญ หรือมาบูชาช่อฟ้า แต่ที่เราต้องการคือมาฟังเทศน์ ฟังธรรม มารับธรรมะ ซึ่งมันก็จะไปสนับสนุนตัวโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ด้วย "และที่มีการพูดถึงกันมากในระยะหลังว่า คนมาเข้าวัดน้อยลง อันนี้ผมไม่เห็นด้วยนะ ผมคิดว่ามากขึ้นด้วยซ้ำไป แต่คือในยุคนี้เรามีการพูดถึง หรือสื่อสารกันอยู่ตลอดว่าน้อยลง ซึ่งในความเป็นจริง ผมว่ามันไม่ได้น้อยลง เราก็ยังอยู่ในระดับเดิมนะ" นายชยพล กล่าว st12 st12 st12 st12 เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง "กุศโลบาย" ในการชักชวนคนให้เข้าวัดมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง นายชยพล เปิดเผยว่า ในอดีตนั้นวัดเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน แต่ในปัจจุบันมันมีความเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ในสมัยก่อนวัดเป็นศูนย์กลางในหลายๆ ด้าน เช่น ประเพณี วัฒนธรรม การประกอบอาชีพ การจัดการประชุม ฯลฯ แต่ทีนี้เมื่อรูปแบบทางสังคมเปลี่ยนไปการทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชนก็เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ เช่น การประชุมก็ไปประชุมกันในส่วนของราชการอย่างใน อบต. หรือการจัดงานรื่นเริงในชุมชนช่วงหลังก็เริ่มไม่จัดกันในวัดแล้ว เพราะว่าบางทีก็เป็นวัดเองที่ไม่อยากให้ไปจัด “จากประกาศนี้จึงเป็นการชักชวนให้ผู้คนกลับเข้ามาหาวัด กลับเข้ามาหาธรรมะมากขึ้น เพื่อความสมานฉันท์ของคนในชาติ พร้อมกันนั้นยังสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และอีกอย่างทางคณะสงฆ์ก็เห็นว่า หากเรานับถือศีล 5 กันหมด มันก็จะเกิดการปรองดองโดยปกติอยู่แล้ว เพราะศีล 5 บอกชัดเจนว่าไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ให้เบียดเบียนทรัพย์ ไม่ให้เบียดเบียนชีวิต ไม่ให้โกหกมดเท็จอะไรทั้งนั้น มันจึงเป็นการปรองดองโดยรูปแบบของมันอยู่แล้ว” นายชยพล กล่าวทิ้งท้าย st11 st11 st11 st11 สำหรับหนังสือประทับตราด่วนที่ออกจากสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีโดยส่งถึงเจ้าคณะอำเภอในเขตปกครอง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ข้อความในหนังสือระบุว่า โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ที่เกิดจากความประสงค์ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่มีความต้องการเสริมสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติให้เกิดความสงบสันติสุขและความสามัคคี โดยให้พุทธศาสนิกชนยึดหลักศีล 5 มาปฏิบัติตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในประกาศระบุต่อว่า การขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ พร้อมทั้งมีสถิติเปิดเผยด้วยว่า ยังมีคนมาทำบุญที่วัดประจำไม่ถึง 50 คน จึงขอให้เจ้าคณะในแต่ละอำเภอเร่งตรวจสอบว่าในพื้นที่มีวัดไหนที่มีคนเข้าวัดไม่ถึง 50 คน โดยจะออกคำสั่งตำหนิโทษเป็นเวลา 3 เดือน และถ้าพระสังฆาธิการที่ถูกตำหนิโทษยังไม่ดำเนินการตามมติของมหาเถรสมาคมจะให้เจ้าคณะผู้ปกครองทำเรื่องเพื่อปลดพระสังฆาธิการรูปนั้นด้วยเหตุที่ขัดมติของมหาเถรสมาคม รวมถึงไม่สนองงานของคณะสงฆ์จังหวัด ในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ด้วย เพราะว่าโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เป็นโครงการตามมติของมหาเถรสมาคม พระสงฆ์จะขัดข้องมิได้ เพราะมติของมหาเถรสมาคมเปรียบได้กับกฎหมาย ผู้ใดขัดหรือไม่ปฏิบัติตามถือว่าขัดต่อ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1436169140 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1436169140) |