หัวข้อ: แอ่วเหนือม่วนกั๋นวันธรรมดา ชมสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองหริภุญชัย ลำพูน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 14, 2015, 09:48:59 pm (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189201.JPEG) “พระบรมธาตุหริภุญชัย” คู่บ้านคู่เมือง จ.ลำพูน ปั่นสองล้อ แอ่วเหนือม่วนกั๋นวันธรรมดา ชมสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองหริภุญชัย ลำพูน ลำพูนเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่มีมนต์เสน่ห์อยู่ในทางภาคเหนือ เป็นเมืองที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนานจังหวัดหนึ่งในล้านนา โดย “ตะลอนเที่ยว” มาแอ่วลำพูนคราวนี้ เพราะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคภาคเหนือ ได้ร่วมกับ บริษัท การบินไทยจำกัด และสายการบินไทยสมายล์ จัดกิจกรรมในโครงการ “แอ่วเหนือม่วนกั๋น ชวนปั่นวันธรรมดา” นำร่องเส้นทางปั่นจักรยานเมืองลำพูนนี้ขึ้น เพื่อให้คนหันมาสนใจเที่ยววันธรรมดา และเป็นการท่องเที่ยวเรียนรู้เรื่องราวของจังหวัดลำพูน ที่นอกจากจะเป็นเมืองเก่าแก่แล้ว ยังเป็นเมืองพระพุทธศาสนาที่เต็มไปด้วยวัดเก่าแก่มีคุณค่าที่เราจะปั่นพาเที่ยวชมกันในวันนี้ (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189202.JPEG) วัดจามเทวี วัดเก่าแก่สำคัญมาตั้งแต่สมัยล้านนา (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189203.JPEG) “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฎ"มีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้นๆ โดยเส้นทางปั่นจักรยานเที่ยวเริ่มจาก “วัดจามเทวี” ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยล้านนา ซึ่งพระเจดีย์ภายในวัดมีชื่อว่า “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฎ” ลักษณะองค์พระเจดีย์ เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้นๆ แต่ละชั้น นับเป็นสถาปัตยกรรมสำคัญในศิลปกรรมหริภุญชัย ภายในพระเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ตามตำนานเล่าว่า เจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีทรงเป็นผู้สร้างขึ้น แต่เดิมองค์เจดีย์มียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมายอดพระเจดีย์ได้หักหายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า “กู่กุด” กู่ กุด เป็นภาษาล้านนา ที่แปลว่า เจดีย์ยอดด้วน (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189204.JPEG) “วัดมหาวันวนาราม” วัดชื่อดัง จ.ลำพูน หลังจากปั่นเที่ยวชมวัดจามเทวี จุดมุ่งหมายต่อไปที่เราปั่นเที่ยวชมคือ “วัดมหาวันวนาราม” เป็นวัดสำคัญเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยที่พระนางจามเทวีครองเมืองหริภุญชัย และได้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญมาด้วย 2 องค์ คือ พระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) และพระพุทธสิกขิ (พระศิลาดำ) พระองค์ทรงสร้างวัดมหาวันขึ้นและประดิษฐานพระศิลาดำไว้ที่นี่ ชาวเมืองเรียกกันว่า พระรอดหลวง หรือพระรอดลำพูน ซึ่งต่อเป็นแบบจำลองพระเครื่องที่ลือชื่อกรุหนึ่ง ชื่อ “พระรอดมหาวัน” (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189206.JPEG) “วิหารพระโขงเขียว” ในวัดสันป่ายางหลวง ปั่นเที่ยวไปต่อ ที่ “วัดสันป่ายางหลวง” เป็นอีกหนึ่งวัดงามในเมืองลำพูน เคยเป็นศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์มาก่อน ดังปรากฏหลักฐานบนหินทรายจำหลัก ต่อมามีพระเถระจากพม่า 3 รูป เดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในถิ่นนี้ ชาวบ้านเลื่อมใสเป็นอย่างมากจึงพร้อมใจกันเปลี่ยนเทวสถานเป็นวัดในพระพุทธศาสนา แต่เดิมวันนี้ ชื่อว่า “วัดขอมลำโพง” เนื่องจากละแวกนั้นเป็นชุมชนชาวขอม วัดนี้ถือว่าเป็นวัดพระพุทธศาสนาแห่งแรกของดินแดนล้านนา และได้สร้างเจดีย์ อัญเชิญเอาพระอัฐิธาตุของพระอัครสาวกของพระพุทธเจ้า คือพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาบรรจุไว้ ณ ที่เจดีย์ของวัดสันป่ายางหลวง (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189207.JPEG) ภายในวิหารโขงเขียว ด้านบน "พระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย" ด้านล่างประดิษฐาน พระพุทธเมตไตร ภายในวัดสันป่ายางหลวงมีวิหารที่สวยงามคือ “วิหารพระโขงเขียว” ใช้วัสดุเสาไม้ตะเคียนทอง ไม้แดงจากประเทศลาว พม่า และไทย พระครูบาอินทรเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างและออกแบบลวดลายพื้นเมืองผสมผสานระหว่างสมัยเก่ากับสมัยใหม่ เมื่อมองจากด้านหน้าจะมีหลังคา 5 ชั้น มีช่อฟ้า 5 ตัว ตรงกลางหลังคามีเรือหงส์และฉัตร ด้านล่างมีรูปปั้นผางประทีป และรูปพรหมสี่หน้านั่งอยู่บนหลังคา ภายในพระวิหาร มีมณฑปทรงล้านนา เป็นที่ประดิษฐานพระหยกเขียวซึ่งนำมาจากแม่น้ำโขง ขื่อพระนามเต็ม ว่า "พระพุทธอัญญรัตนมหานทีศรีหริภุญชัย" ส่วนด้านล่างประดิษฐานพระพุทธเมตไตร ที่มีความสวยงามอย่างมาก (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189208.JPEG) “กู่ช้างกู่ม้า” โบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งใน จ. ลำพูน หลังชื่อชมความงามที่วัดสันป่ายางหลวงแล้ว เราปั่นเที่ยว ที่ “กู่ช้างกู่ม้า” ถือว่าเป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งของจังหวัดลำพูน เป็นเจดีย์ที่ใช้บรรจุซากช้างพลายที่มีชื่อว่า "จ้างปู่ก่ำงาเขียว" เป็นพญาช้างเผือก เป็นช้างพลายคู่บารมีพระนางจามเทวี และเป็นช้างศึกของพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันต์ยศ พระโอรสของพระนางจามเทวี ลักษณะของเจดีย์ กู่ช้างเป็นเจดีย์ทรงกลม สร้างบนฐาน 4 ชั้น มีลักษณะเป็นทรงกระบอกปลายมน ก่อขึ้นด้วยอิฐ นอกจากกู่ช้างแล้วก็ยังมี “กู่ม้า” สร้างขึ้นเพื่อบรรจุ อัฐิม้าทรงของพระจามเทวี ผู้คนจึงแวะมาสักการะขอพรที่กู่ช้างกู่ม้าที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189210.JPEG) วัดพระยืน มีความสวยงามอย่างมาก (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189212.JPEG) พระดินสกุลลำพูน จากนั้นปั่นต่อไปจนถึง “วัดพระยืน” เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งสันนิษฐานว่าพระนางจามเทวีทรงสร้างขึ้นในราว พ.ศ.1213 ชื่อของวัดพระยืนมาจากองค์พระพุทธรูปยืนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อในสมัยพระเจ้าธรรมมิกราช (กษัตริย์องค์ที่ 32 แห่งหริภุญชัย) และต่อมาในสมัยพระยากือนา ผู้ครองนครเชียงใหม่และลำพูน ได้สร้างพระพุทธรูปยืนเพิ่มเติมขึ้นอีก 3 องค์ เจดีย์วัดพระยืน มีลักษณะโดดเด่นตรงที่เป็นศิลปกรรมพม่า คล้ายกับเจดีย์วัดสัพพัญญูในเมืองพุกาม สร้างยกพื้นลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ มีบันไดเดินขึ้นสู่ลานประทักษิณชั้นบนที่ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว และมีเจดีย์บริวารองค์เล็กอยู่ทั้ง 4 มุม องค์เจดีย์งดงามมาก นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมได้ร่วมเพลิดเพลิน นั่นก็คือ การร่วมปั้นพระดินสกุลลำพูน เช่น พระรอด พระคง พระลือ ในกรรมวิธีแบบโบราณด้วยมือของตัวเองเพื่อใส่ไว้ในกรุของทางวัด (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189214.JPEG) “พระบรมธาตุหริภุญชัย สีทองอร่ามสวยงาม เมื่อเรียนรู้ปั้นพระดินสกุลลำพูนกันแล้ว จึงปั่นต่อไปถึงไฮไลท์ที่สำคัญนั่นคือ “วัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร” ซึ่งเป็นปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือที่อยู่คู่เมืองลำพูนมาอย่างยาวนาน มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ “พระบรมธาตุหริภุญชัย” ซึ่งสร้างขึ้นยุคที่นครนี้เจริญสูงสุดสมัยพระเจ้าอาทิตยราช เป็นเจดีย์ทรงล้านนา หุ้มแผ่นทองจังโกทั้งองค์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุคือธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตร ก่อนจะเข้าสู่วัด หน้าวัดจะต้องผ่านซุ้มประตูโขงก่ออิฐถือปูน ประดับปลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม เป็นศิลปะทวาราวดี เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่สูง 3 เมตร คู่หนึ่งยืนสง่าบนแท่นสูง สวยงามเป็นอย่างมาก (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000008189213.JPEG) อีกมุมหนึ่งของ “พระบรมธาตุหริภุญชัย” หลังจากปั่นเที่ยวจังหวัดลำพูนแห่งนี้แล้ว การได้มาเยือนแดนดินเก่าล้านนาแห่งนี้ นอกจากจะได้ชมประวัติศาสตร์ ความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ ของแต่ละแห่งแล้ว การเที่ยววันธรรมดาเป็นการเที่ยวที่มีความสุขอย่างหนึ่ง นอกจากจะไม่ต้องผจญกับคนเยอะแล้วยังได้เต็มอิ่มกับการเที่ยวสถานที่แห่งนั้น อีกทั้งการท่องเที่ยวด้วยจักรยานยังเป็นการช่วยลดมลภาวะทางอากาศและเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางการท่องเที่ยวอย่างหนึ่งอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูล และสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงเดือนกันยายน 2558 โทร. 0-2642-4426-8 หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ พื้นที่รับผิดชอบ เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง โทร. 0 5327 6140-2 ขอบคุณภาพและบทความจาก http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079103 (http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000079103) หัวข้อ: Re: แอ่วเหนือม่วนกั๋นวันธรรมดา ชมสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองหริภุญชัย ลำพูน เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กรกฎาคม 14, 2015, 10:43:42 pm สาธุ สาธุ ภาคเหนือ ศรัทธาศาสนามากๆ แต่ครั้งโบราณมา พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็มาแสดงฤทธิ์ ที่นี่กันมากครับ ภาคเหนือจึงมีวัดมากเจดีย์พระธาตุก็มาก เชื้อพระวงศ์เจ้าเมืองสมัยนั้น ได้สร้างวัดสร้างเจดีย์ถวายไว้ในศาสนากันมาก ช่างน่าศรัทธายิ่งนัก ขออนุโมทนาสาธุติ ที่มีสิ่งดีๆตกมาสู่ยุคนี้ |