สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤศจิกายน 26, 2010, 11:37:05 am



หัวข้อ: สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤศจิกายน 26, 2010, 11:37:05 am
กับคำถามว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ อะไร ?
ขอตอบด้วยพระสูตร อันมีใน พระไตรปิฏก ปฏิสัมภิทามรรค เลยนะจ๊ะ   




   [๒๑๗] ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญ ด้วยความเป็นผู้ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วยญาณจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา๙ เป็นนิโรธสมาปัตติญาณอย่างไร ฯ   
    คำว่า ด้วยพละ ๒ ความว่า พละ ๒ คือสมถพละ ๑ วิปัสนาพละ ๑ ฯ   

   [๒๑๘] สมถพละเป็นไฉน ความที่จิตมีอารมณ์เป็นอันเดียวไม่ฟุ้งซ่าน  ด้วยสามารถแห่งเนกขัมมะ ด้วยสามารถแห่งความไม่พยาบาท ด้วยสามารถแห่งอาโลกสัญญา ด้วยสามารถแห่งความไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ ด้วยสามารถแห่งการพิจารณาเห็นความสละคืนหายใจออก ด้วยสามารถแห่งการพิจารณาเห็นความสละคืนหายใจเข้า เป็นสมถพละแต่ละอย่างๆ ฯ
    [๒๑๙] คำว่า สมถพลํ ความว่า ชื่อว่าสมถพละ เพราะอรรถว่ากระไร ฯ    ชื่อว่าสมถพละ เพราะอรรถว่า ไม่หวั่นไหวเพราะนิวรณ์ ด้วยปฐมฌานไม่หวั่นไหวเพราะวิตกวิจาร ด้วยทุติยฌาน ไม่หวั่นไหวเพราะปีติ ด้วยตติยฌานไม่หวั่นไหวเพราะสุขและทุกข์ ด้วยจตุตถฌาน ไม่หวั่นไหว เพราะรูปสัญญาปฏิฆสัญญา นานัตตสัญญา ด้วยอากาสานัญจายตนสมาบัติ ไม่หวั่นไหวเพราะอากาสานัญจายตนสัญญา ด้วยวิญญาณัญจายตนสมาบัติ ไม่หวั่นไหวเพราะอากิญจัญญายตนสัญญา ด้วยเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ ไม่หวั่นไหวไม่กวัดแกว่งไม่คลอนแคลน เพราะอุทธัจจะ เพราะกิเลสอันสหรคตด้วยอุทธัจจะและเพราะขันธ์ นี้ชื่อว่าสมถพละ ฯ
    [๒๒๐] วิปัสนาพละเป็นไฉน อนิจจานุปัสนา ทุกขานุปัสนา  อนัตตานุปัสนานิพพิทานุปัสนา วิราคานุปัสนา นิโรธานุปัสนา ปฏินิสสัคคานุปัสนา
การพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในรูป ฯลฯ การพิจารณาเห็นความสละคืนในรูป ฯลฯ ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ การพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในจักษุ ฯลฯ ในชราและมรณะ ฯลฯ การพิจารณาเห็นความสละคืนในชราและมรณะ เป็นวิปัสนาพละแต่ละอย่างๆ ฯ
    [๒๒๑] คำว่า วิปสฺสนาพลํ ความว่า ชื่อว่าวิปัสนาพละ เพราะอรรถว่ากระไร ฯ    ชื่อว่าวิปัสนาพละ เพราะอรรถว่า  ไม่หวั่นไหวเพราะนิจจสัญญา     ด้วยอนิจจานุปัสนาไม่หวั่นไหวเพราะสุขสัญญา ด้วยทุกขานุปัสนา ไม่หวั่นไหวเพราะอัตตสัญญา ด้วยอนัตตานุปัสนา ไม่หวั่นไหวเพราะความเพลิดเพลิน ด้วยนิพพิทานุปัสนา ไม่หวั่นไหวเพราะความกำหนัด ด้วยวิราคานุปัสนา ไม่หวั่นไหวเพราะสมุทัย ด้วยนิโรธานุปัสนา ไม่หวั่นไหวเพราะความถือมั่น    ด้วย            ปฏินิสสัคคานุปัสนา ไม่หวั่นไหว ไม่กวัดแกว่ง ไม่คลอนแคลน เพราะอวิชชา เพราะกิเลสอันสหรคตด้วยอวิชชา และเพราะขันธ์ นี้ชื่อว่าวิปัสนาพละ ฯ
    [๒๒๒] คำว่า ด้วยการระงับสังขาร ๓ ความว่า ด้วยการระงับสังขาร๓ เป็นไฉน วิตกวิจารเป็นวจีสังขารของท่านผู้เข้าทุติยฌานระงับไป ลมอัสสาสปัสสาสะเป็นกายสังขารของท่านผู้เข้าจตุตถฌาน ระงับไป สัญญาและเวทนาเป็นจิตตสังขารของท่านผู้เข้า สัญญาเวทยิตนิโรธ ระงับไปด้วยการระงับสังขาร๓ เหล่านี้ ฯ
    [๒๒๓] คำว่า ด้วยญาณจริยา ๑๖ ความว่า ด้วยญาณจริยา ๑๖เป็นไฉน อนิจจานุปัสนา ทุกขานุปัสนา อนัตตานุปัสนา นิพพิทานุปัสนาวิราคานุปัสนา นิโรธานุปัสนาปฏินิสสัคคานุปัสนา วิวัฏฏนานุปัสนา โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผลสมาบัติ สกทาคามิมรรคสกทาคามิผลสมาบัติอนาคามิมรรค อนาคามิผลสมาบัติ อรหัตมรรค อรหัตผลสมาบัติ เป็นญาณจริยาแต่ละอย่าง ๆ ด้วยญาณจริยา ๑๖ นี้ ฯ
    [๒๒๔] คำว่า ด้วยสมาธิจริยา ๙ ความว่า ด้วยสมาธิจริยา ๙ เป็นไฉน ปฐมฌานทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานัญจายตนสมาบัติวิญญาณัญจายตนสมาบัติ อากิญจัญญายตนสมาบัติ เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติเป็นสมาธิจริยาแต่ละอย่างๆ วิตกวิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตาจิต เพื่อประโยชน์แก่การได้ปฐมฌาน ฯลฯ วิตก วิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตา จิต เพื่อประโยชน์แก่การได้เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ ด้วยสมาธิจริยา ๙ นี้ ฯ
    [๒๒๕] คำว่า วสี ความว่า วสี ๕ ประการ คือ อาวัชชนาวสี ๑ สมาปัชชนาวสี ๑ อธิษฐานวสี ๑ วุฏฐานวสี ๑ ปัจจเวกขณวสี ๑ ฯ
    สมาปัตติลาภีบุคคลคำนึงถึงปฐมฌานได้ ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการคำนึงถึง เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าอาวัชชนาวสีสมาปัตติลาภีบุคคลเข้าปฐมฌานได้ ณ สถานที่ และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการเข้า เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าสมาปัชชนาวสี สมาปัตติลาภีบุคคลอธิษฐานปฐมฌานได้ ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการอธิษฐาน เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าอธิษฐานวสี สมาปัตติลาภีบุคคลออกปฐมฌาณได้  ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการออก เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าวุฏฐานวสี สมาปัตติลาภีบุคคลพิจารณาปฐมฌานได้ ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการพิจารณา เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าปัจจเวกขณวสี สมาปัตติลาภีบุคคลคำนึงถึงทุติยฌาน ฯลฯเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติได้ ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนา ไม่มีความเนิ่นช้าในการคำนึงถึงเพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าอาวัชชนาวสี สมาปัตติลาภีบุคคลเข้า ฯลฯ อธิษฐาน ออกพิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติได้ ณ สถานที่และขณะตามที่ปรารถนาไม่มีความเนิ่นช้าในการพิจารณา เพราะเหตุนั้นจึงชื่อว่าปัจจเวกขณวสี วสี ๕ประการนี้ ฯ
    ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญ ด้วยความเป็นผู้ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วยญานจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา ๙ เป็นนิโรธสมาปัตติญาณ ฯ

สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติวิโมกข์เป็นไฉน
     ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติโดยประการทั้งปวง เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ  นี้เป็นสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติวิโมกข์ ฯ

ยถาภูตญาณ คือ การพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในเวทนา ฯลฯ ในสัญญา ในสังขารในวิญญาณ ในจักษุ ฯลฯ ในชราและมรณะ พ้นจากความหลงโดยความเป็นสภาพเที่ยง จากความไม่รู้ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นญาณวิโมกข์ฯลฯ ยถาภูตญาณ คือ การพิจารณาเห็นความว่างเปล่าในชราและมรณะ พ้นจากความหลงโดยความยึดมั่น จากความไม่รู้ เพราะเหตุนั้นจึงเป็นญาณวิโมกข์ญาณวิโมกข์ ๑ เป็นญาณวิโมกข์ ๑๐ ญาณวิโมกข์ ๑๐ เป็นญาณวิโมกข์ ๑ ด้วยสามารถแห่งวัตถุโดยปริยาย พึงมีได้อย่างนี้ นี้เป็นญาณวิโมกข์ ฯ

เจริญพร
;) Aeva Debug: 0.0007 seconds.


หัวข้อ: Re: สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤศจิกายน 26, 2010, 05:51:55 pm
สอบถามมาว่า อ่านพระสูตร ยังไม่เข้าใจ

ก็ขอตอบว่า อย่าพึงไปเข้าใจเลย ถ้าเรายังเป็นปุถุชน เอาไว้ไปเข้าใจตอนเป็นพระอรหันต์ จะเข้าใจกันเองนะ

อันนี้ให้รู้ เพื่อว่ามีผู้สอนผิด บอกว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นอย่างนี้ ๆ ๆ ถ้าเทียงเคียงแล้วไม่ใกล้เคียงกับ

พระสูตร ก็การันตี ได้ว่าไม่ใช่ เพราะธรรมะ ในพระไตรปิฏก นั้นล้วนกลั่นกรองมาจาก พระอรหันต์แล้ว

เอาไว้เทียบเคียง ได้ เนื่องด้วยสมัยนี้ มีผู้สอนออกจาก พระสูตรกันมาก เป็นวิชาใหม่เกิดขึ้นมากมาย จะได้

ไม่หลงทาง เสียเวลา ... เหมือนที่พระอาจารย์ เสียเวลามาแล้ว ...... เกือบครึ่งชีวิต ......


เจริญพร

 ;)


หัวข้อ: สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 29, 2011, 08:19:46 am
ขอบคุณครับ  สาธุ
           
                              :25: