หัวข้อ: สะเทือนเจ้าอาวาสทั่วไทย คดีทำลายโบราณสถานใน "วัดกัลยาณมิตร" ฝั่งธนบุรี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 06, 2015, 09:16:04 pm (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2015/08/pra01060858p1.jpg) วัดกัลยาณมิตร บริเวณ (บางหลวง) ปากคลองบางกอกใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก (ย่านธนบุรี) เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคอยุธยา, ยุคธนบุรี กระทั่งยุคกรุงเทพฯ เป็นที่รู้จักในอีกนามว่า ย่านกะดีจีน 1 วัดกัลยาณมิตร 2 ศาลเจ้ากวนอันเก๋ง 3 วัดซางตาครู้ส และ 4 บริเวณที่เป็นโอสถศาลาหมอบรัดเลย์ ปากคลองวัดประยุรวงศ์ (ภาพถ่ายจากท่าเรือปากคลองตลาดในปัจจุบัน) สะเทือนเจ้าอาวาสทั่วไทย คดีทำลายโบราณสถานใน "วัดกัลยาณมิตร" ฝั่งธนบุรี คอลัมน์ สุวรรณภูมิในอาเซียน รายงานโดย ผู้สื่อข่าวพิเศษ กรณีทำลายโบราณสถานในวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี เป็นคดีตัวอย่างแก่พระสงฆ์ ผู้ครองวัดหลวง วัดใหญ่ วัดสำคัญ วัดเก่าแก่ทั้งหลายทั่วประเทศ ให้คำนึงถึงการรักษาโบราณสถานภายในวัดตาม พ.ร.บ. โบราณสถานฯ เป็นสำคัญด้วย มิใช่ยึดถือเฉพาะอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ หรือเกณฑ์การเลื่อนสมณศักดิ์ของมหาเถรสมาคม ที่มีข้อกำหนดจากจำนวนงบประมาณในการก่อสร้างภายในวัดเท่านั้น :96: :96: :96: :96: :96: สรรเสริญกรมศิลปากร นับเป็นอธิบดีกรมศิลปากรคนแรก ที่มีความกล้าหาญเผชิญกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกรมศิลปากรและวัดที่กระทำผิดกฎหมายโบราณสถานหลายครั้งหลายหน น่าสรรเสริญให้เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติภารกิจปกป้องคุ้มครองมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ทางวัดทำลายโบราณสถาน วัดกัลยาณมิตร เป็นวัดหลวง (แรกสร้างสมัย ร.3) ตั้งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรีปัจจุบันเป็นโบราณสถานทั้งวัด ที่ประกาศขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายโดยกรมศิลปากร ทางวัดกัลยาณมิตร ทำลายโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมาย ซึ่งเป็นศาลารายเก่า 2 หลัง (สร้างสมัย ร.5 เมื่อ พ.ศ. 2450) ได้แก่ ศาลาเสวิกุล และศาลาทรงปั้นหยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร แล้วสร้างศาลารายใหม่ 2 หลัง ทับศาลารายเก่า (2 หลัง) ที่ทำลายไปหมดแล้ว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร จึงมีคดีความขึ้นศาลปกครอง (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2015/08/pra01060858p2.jpg) (บน) กรมศิลปากร, เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหารและชุมชน หารือร่วมกันเพื่อรื้อถอนศาลาราย (ศาลาลี ซิ่ว บั๊ก) อาคารในวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี (ล่าง) บดบัง - ตัวโรงละครวังหน้าและหอศิลป์วังหน้า อาคารสมัยใหม่ถูกสร้างขึ้นมาบดบังทัศนียภาพของอุโบสถ์วัดพระแก้ววังหน้า ยุคต้นรัตนโกสินทร์ที่อยู่ด้านใน ยังไม่ถูกรื้อถอนจากพื้นที่โบราณสถาน เขตพระนคร กทม. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม (ภาพและคำบรรยายจาก มติชน ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม 2558 หน้า 5) คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คำพิพากษาศาลปกครองกลาง (คดีหมายเลขดำที่ 90/2552 และคดีหมายเลขแดงที่ 2044/2553) ได้มีข้อคำวินิจฉัย สรุปว่า ให้ทางวัดระงับการก่อสร้าง รื้อถอนอาคาร ส่วนควบของอาคาร ที่ทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร และให้ปรับพื้นที่คืนสู่สภาพเดิมภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ตามที่กรมศิลปากรได้มีหนังสือ (วธ 0401/1566 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2552) นมัสการเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ทางวัดกัลยาณมิตรยังมิได้ดำเนินการใดๆ ตามคำพิพากษาศาลปกครอง และหนังสือกรมศิลปากร อธิบดีกรมศิลปากร นายบวรเวท รุ่งรุจี เข้าพื้นที่วัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี เมื่อบ่ายวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ตามที่ได้มีหนังสือกรมศิลปากร (วธ 0401/2719 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2558) แจ้งวัดกัลยาณมิตรอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาคารภายในเขตโบราณสถานที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร :41: :41: :41: :41: :41: ยืดเยื้อ 12 ปี ที่วัดรื้อโบราณสถาน ในช่วงระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา กรมศิลปากรได้ทำความเข้าใจ ประนีประนอม และให้เวลาในการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกับทางวัดกัลยาณมิตรเรื่อยมา แต่ก็ยังพบการทำลายโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตร กรมศิลปากรได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับวัดกัลยาณมิตร ตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งมิอาจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 การรื้อถอนศาลาราย 2 หลัง ภายในวัดกัลยาณมิตร เป็นการเริ่มต้นดำเนินการตามกฎหมายหลังจากคดีเป็นที่สิ้นสุดในบางคดี ระหว่างกรมศิลปากรกับวัดกัลยาณมิตร ซึ่งยังคงมีคดีที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีอีก 25 รายการ จากจำนวนคดีทั้งหมด 16 คดี (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2015/08/pra01060858p3.jpg) (บน) รื้อถอน - นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร นำเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนอาคาร 2 หลัง ศาลาเสวิกุล และศาลาทรงปั้นหยา ภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เนื่องจากเป็นศาลาที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร ที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม (ภาพและคำบรรยายจาก มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2558 หน้า 11) (ล่าง) เริ่มรื้อ - นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร นำเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนศาลาราย 2 หลัง ภายในบริเวณวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี กทม. ที่ทางวัดก่อสร้างขึ้นใหม่โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. โบราณสถานฯ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. (ภาพและคำบรรยายจาก ข่าวสด ฉบับวันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม 2558 หน้า 16) :91: :91: :91: :91: :91: ต้องดูที่เหตุ อย่าดราม่าเกินเหตุ ดังนั้น ถ้าตรวจสอบรายละเอียดย้อนหลังราว 10-12 ปี จะพบว่าผู้บริหารกรมศิลปากรเทียวไปเทียวมาเข้าออกวัดกัลยาณ์ เพื่อวิงวอนร้องขอให้ระงับการทำลายโบราณสถาน แต่ทางวัดไม่ไยดีคำวิงวอนร้องขอนั้น คงทำลายโบราณสถานซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเป็นคดีความหลายรายการ ฉะนั้น เจ้าคณะฯและรองเจ้าคณะฯ กรุงเทพฯ ตลอดจนญาติโยมชาวพุทธ ต้องพิจารณาถึงเหตุ ซึ่งมาจากทางวัด ไม่ได้มาจากกรมศิลปากร และเหตุเกิดมานานมากราว 12 ปี ที่กรมศิลปากรพยายามถ่วงเวลาเพื่อรอมชอมประนีประนอม เพราะเป็นที่รู้กันดีนักหนาว่า "อย่าเป็นคดีความกับพระ" แต่คราวนี้ถ้าไม่ทำตามหน้าที่ ก็ผิดกฎหมายที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ แล้วยังเท่ากับเห็นดีเห็นงามกับการทำลายโบราณสถานของทางวัด ที่ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของพระสงฆ์ แต่เป็นสมบัติร่วมของคนไทยทั้งประเทศ และของมนุษยชาติทั้งมวล ซึ่งคนทั่วไปทั้งเป็นชาวพุทธและไม่พุทธได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจต่อการกระทำอย่างนี้จากทางวัดมานานนับสิบปี ก็น่าจะพอสมควรแล้ว :25: :25: :25: :25: อย่า 2 มาตรฐาน คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2540 ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนนาฏศิลป์ (หลังเก่า) หอศิลป์ และโรงละครวังหน้า ตามแผนแม่บทกรุงรัตนโกสินทร์เพื่อการอนุรักษ์และพัฒนา เพื่อเปิดมุมมองและปรับปรุงภูมิทัศน์ไม่ให้บดบังโบสถ์วัดพระแก้ววังหน้า เพชรเม็ดงามแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่กรมศิลปากรได้บูรณปฏิสังขรณ์อาคารโบราณสถานภายนอกและศิลปกรรมภายในอาคารเป็นอย่างดีแล้ว แต่ถึงขณะนี้เกือบ 20 ปีแล้ว ยังถ่วงเวลาโยกโย้ยื้อยุดไปมาอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น อธิบดีกรมศิลปากร บวรเวท รุ่งรุจี (ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพิจารณาแผนการดำเนินงานในกรุงรัตนโกสินทร์) ไม่ควรแสดงออกอย่าง 2 มาตรฐาน แม้จะอ้างว่ากำลังดำเนินการ แต่ดูจะนานกว่าคดีวัดกัลยาณ์แล้ว ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1438861316 (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1438861316) |