สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 22, 2015, 09:18:39 pm



หัวข้อ: ให้แล้วได้อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 22, 2015, 09:18:39 pm

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/08/21/efcaf77bbab8c7fkda97b.jpg)

ให้แล้วได้อะไร
บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสสโร

ตอนที่เราไปบิณฑบาตในต่างแดน ณ หมู่บ้านประมงและเป็นที่เล่นเซิร์ฟ ที่มิได้นับถือพุทธศาสนา เช่น ประเทศโปรตุเกส เป็นอะไรที่เปี่ยมสุข มหัศจรรย์ เพราะได้เห็นน้ำใจอันงดงาม ไร้เงื่อนไขแห่งการให้ เพียงแค่รู้ว่าคนกลุ่มนี้ที่แต่งตัวอย่างนี้พยายามฝึกฝนปฏิบัติใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่เสพเกินความจำเป็น พอดี แม้นับถือคนละศาสนา แต่ก็ให้การสนับสนุนช่วยเหลือตามกำลังตน

ในช่วงแรกที่เขาเห็นพระโกนศรษะโล้น แต่งตัวแปลกๆ อาจไม่รู้ด้วยว่าเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร มายืนอยู่ไม่ไกลมากนักจากร้านค้าปลีกในช่วงเช้า เกิดความสงสัย สับสน ว่ามายืนนิ่งๆ อยู่ทำไม? เพราะคนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของในช่วงเช้าส่วนมากเป็นคนพื้นที่ มีแต่วัยกลางคนขึ้นไป และหมู่บ้านนี้เป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ที่ติดทะเล ส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมง หาเช้ากินค่ำ อาจมีนักท่องเที่ยวที่ชอบการเล่นเซิร์ฟแต่ก็ไม่ใช่บุคคลที่จะมาเดินตอนเช้า

 :96: :96: :96: :96: :96:

พระจึงมีโอกาสได้เผยแผ่ศาสนาและอธิบายว่า กิจวัตรที่ทำคืออะไร และเหตุใดจึงทำเช่นนั้น ซึ่งในช่วงแรกๆ อาจไม่ได้อาหารเลยและอาจถูกมองด้วยสายตาที่หวาดระแวง กลัว ไม่ไว้ใจ แต่ในเวลาต่อมาก็ทำให้เกิดความเข้าใจและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพระกับญาติโยมที่ไม่นับถือพุทธ

ทุกเช้าระยะทางประมาณ ๘ กิโลเมตรไปกลับระหว่างวัดและหมู่บ้าน พระที่วัดสุเมธารามก็จะสลับกันไปยืนรับบาตรทุกวัน ญาติโยมแถวนั้นก็จะซื้อขนมปัง ผลไม้ เส้นสปาเกตตี ฯลฯ ถวายพระ ไม่มีการไหว้ ไม่ถอดรองเท้า ไม่นั่งรับพร ส่งให้เสร็จก็เดินไปอย่างปกติ แต่สังเกตเห็นได้ว่าเขาให้อย่างมีความสุขและเต็มใจตามกำลังที่มี

ความอดทน ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับนักบวช และนักปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ผู้ที่ต้องการใช้ตนเพื่อละตน จนหมดแห่งความเป็นตัวตน การบิณฑบาตเป็นอีกวิธีการที่ฝึกฝนความอดทน อ่อนน้อมถ่อมตนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสถานที่ที่ไม่มีชาวพุทธอาศัยอยู่

 st12 st12 st12 st12

ถ้าผู้ใดยังมีความเป็นตัวตนสูง และยังยึดในสิ่งสมมุติทางสังคมต่างๆ ว่าเป็นของตน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง เกียรติ ชื่อเสียง หรือภาวะที่ได้รับการนับถือ ยกย่อง เชิดชูในสิ่งที่เป็นอยู่ ก็จะไม่สามารถหาความสงบสุขในขณะที่เป็นผู้ขอ

พระพุทธเจ้าบัญญัติให้พระฝึกเป็นผู้ไม่มี เพื่อจะเป็นผู้ขอที่เป็นอิสระทั้งแก่ผู้ให้และรับเป็นเนื้อนาบุญ ที่สมควรให้ญาติโยมได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งบุญได้เจริญเติบโต งอกงาม และเพื่อที่จะไม่สร้างความหยิ่ง ทระนง มมังการ (ความสำคัญว่าเป็นของเรา ความถือว่าเป็นของเรา) อหังการ ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะหาเข้าใจจุดมุ่งหมายแท้จริงของสมณะไม่

 :25: :25: :25: :25:

พระเราเดินบิณฑบาตเพื่อเป้าหมาย คืออาหารประทังชีวิตแห่งพรหมจรรย์ แต่หาสำคัญเท่าความสงบสุขในแต่ละย่างก้าวและขณะรอรับบาตรไม่ เพราะถึงแม้ได้อาหารแต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยความอยาก อาหารที่ได้มาอาจทำร้าย ทำลายผู้รับอาหารนั้น

การให้เพียงเพื่อให้โดยไม่หวัง ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีพิธีรีตรอง ดูเผินๆ อาจไม่สำรวม เคารพแต่ให้ด้วยความบริสุทธิ์ แม้ไม่รู้เรื่องราวพุทธศาสนา แต่อาจเข้าถึงแก่นแห่งพุทธกว่าหลายคนที่ดูสำรวม เคารพตามแบบแผนแต่ไม่ทำด้วยใจ และจิตใจเปี่ยมด้วยความอยาก หวังผล อ้อนวอน การให้อาจได้รับอานิสงส์ (ประโยชน์) น้อยกว่า ผู้ไม่นับถือพุทธ ก็เป็นได้

จิตของผู้ให้ที่บริสุทธิ์ แม้น้อยนิด แต่ผลยิ่งใหญ่เสมอ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150822/212059.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150822/212059.html)


หัวข้อ: Re: ให้แล้วได้อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ สิงหาคม 23, 2015, 01:52:50 am
 :08:
        ทานจะมีผลมากน้อยขึ้นอยู่กับ ก่อนทำ ขณะทำ หลังทำ(ในจิตที่แสดงของผู้ทำทาน)  ทั้งสามกาล

           แต่ภาพลักษณ์  ดูเหมือนไม่หวัง(ไม่คิดอะไร)  อาจจะมีพลานิสงค์ใหญ่  หากในภายในจริงตามนั้นก็อาจจะเป็นไปได้นะ


หัวข้อ: Re: ให้แล้วได้อะไร
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ สิงหาคม 23, 2015, 06:04:36 am
 st12 st12 st12