หัวข้อ: ‘พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ)’กล่าวปาฐกถาธรรมที่กัมพูชา เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 18, 2015, 07:25:21 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/09/16/k6ka6abffbg9jah7fgj5a.jpg) ‘พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ)’กล่าวปาฐกถาธรรมที่กัมพูชา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๑๓.๐๐ น. ที่โรงแรมโซฟิเทล อังกอร์ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ท จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา พระเดชพระคุณ พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ) ผู้อำนวยการหลักสูตร สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล กล่าวปาฐกถาในงานเสวนา “พุทธพลิกสุวรรณภูมิ : สามัคคีธรรม แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ปฏิเวธธรรม นำสุวรรณภูมิเรืองรอง” โดยมีพระธรรมทูตจาก ๕ ประเทศ ไทย พม่า เวียดนาม กัมพูชา และลาว เข้าร่วมงานเสวนา จัดโดยสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย มูลนิธิวีระภุชงค์ พระเดชพระคุณ พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทฺโธ) กล่าวว่า พวกเราชาวโพธิทุกท่านล้วนแต่เป็นผู้ที่มีศรัทธา ศรัทธาที่ตั้งมั่นในบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลเอกของโลก คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงช่วยกันสานงานต่อจากพระหัตถ์ของพระบรมศาสดา อันเป็นผู้ก่อตั้งพระศาสนา ไม่ทิ้งพระศาสดาต้องอยู่เพียงลำพัง จึงให้การอุปถัมภ์พระสงฆ์ด้วยสติปัญญา โดยการหอบเอาพระสงฆ์จากสุวรรณภูมิไปเพิ่มศรัทธา เติมปัญญา ที่แดนพุทธภูมิ เสริมสร้างความแข็งแกร่ง ย้อนยุค ปลุกอุดมการณ์ ดูงานพระอริยสงฆ์ สานตรงต่อพุทธปณิธาน :25: :25: :25: :25: ทำให้พระสงฆ์ที่ไปศึกษาและปฏิบัติเชิงลึก ณ แดนพุทธภูมิ ได้ดวงตาเห็นธรรม ซึ่งการเห็นธรรม คือ การเห็นทุกอย่างเป็นธรรม เห็นทุกอย่างเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และเห็นทุกอย่างเพื่อนำไปสู่ปัญญา เมื่อมีปัญญาแล้วก็นำปัญญานี้กลับมารับใช้พระศาสดา ผู้ก่อตั้งพระศาสนา การประชุมร่วมมือกันครั้งนี้ ๑. ต้องจับหลักคิดจากสิ่งที่ได้ (จินตามยปัญญา) ๒. ต้องจับหลักของการศึกษาเป็นสำคัญ (สุตมยปัญญา) ๓. นำสิ่งที่ได้อันเป็นปัญญาเพื่อไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อไป (ภาวนามยปัญญา) st12 st12 st12 st12 แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง จะมองเห็นได้ก็ด้วยความสามัคคี อันเป็นธรรมที่เกิดจากการศึกษา ต้องมองให้ถึงความเปลี่ยนแปลงว่า สิ่งใดเจริญ สิ่งนั้นต้องกลับมากับความเสื่อม เพียงอำนาจอย่างเดียวที่จะเอาชนะความเสื่อมได้ คือ อำนาจของพระธรรมจักร ซึ่งอำนาจของพระธรรมจักรนี้เองที่จะสามารถประคับประคองอาณาจักร ทำให้ศาสนจักรเสื่อมได้ช้าลง และพบกับความเจริญรุ่งเรืองได้มากที่สุด สิ่งที่จะทำให้เกิดสามัคคีได้อย่างแท้จริง คือ การหยุดสามัคคีเภท คือ ความแตกแยก โดยเฉพาะระหว่างพุทธกับพุทธด้วยกัน หยุดการทิ่มแทงกันเอง เรื่องนี้จำเป็นที่พระนักเผยแผ่ทุกรูปต้องทำการบ้านให้หนัก สิ่งที่โยมคาดหวังจะได้เห็นจากพระธรรมทูตเรา คือ ผลจากการปฏิบัติงานที่เรียกว่า ปฏิเวธ ว่าเรามีธรรมะ หรือมีเพียงแค่ทำท่า ซึ่งพวกเราก็ได้แสดงให้ญาติโยมได้เห็น และทำให้ชื่นใจแล้วว่า พวกเรามีธรรมะ คืนกลับสู่สังคมจริงๆ นักเผยแผ่ที่ดีต้องช่วยสังคมและนักเผยแผ่ที่ดี ต้องมีความสามารถในการใช้ความรู้ ต้องนำปัญญาไปดับปัญหา มิใช่นำปัญญาไปสร้างตัณหา นำความรู้ที่มีไปเอาเปรียบสังคม ถ้าพระธรรมทูตทำได้เช่นนี้ ความสุข สงบ สามัคคี ก็จะพึงมีในแดนสุวรรณภูมิ ในโลกนี้ได้อย่างน่าภูมิใจ (ขอขอบพระคุณ ภาพ/ข่าว จากวัดไทยพุทธคยา ๙๓๕ งานเผยแผ่พระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2015/09/16/j9599b98kcddbb9bcc8bg.jpg) ศาสนกิจ‘พระสงฆ์ไทย’ในอินเดียแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้ชาวไทย เมื่อเวลา ๑๖.๒๐ น. ตามเวลาท้องถิ่นอินเดีย วันพระอุโบสถ วันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๙ ชึ่งเป็นอุโบสถที่ ๓ แห่งวสันตฤดู (ฤดูฝน) ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘ พระสงฆ์วัดไทยพุทธคยาและวัดต่างๆ รอบพุทธคยาเดินทางมาร่วมฟังพระปาฏิโมกข์ จำนวน ๑๑๕ รูป แสดงพระปาฏิโมกข์ พระมนตรี สุวโจ น.ธ. เอก อายุ ๓๕ ปี พรรษา ๑๓ หลังจากพระสงฆ์ร่วมฟังพระปาฏิโมกข์ ณ วัดไทยพุทธคยาแล้ว ได้เดินทางไปสวดมนต์ทำวัตรเย็นใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตนสูตร และร่วมกันแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลกลับไปให้ประชาชนชาวไทยทุกๆ ท่าน จงได้รับความสุขโดยทั่วถึงกัน ขอขอบพระคุณ ภาพข่าวจากวัดไทยพุทธคยา ๙๓๕ งานเผยแผ่พระธรรมทูตอินเดีย-เนปาล ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.komchadluek.net/detail/20150917/213546.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150917/213546.html) |