สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 18, 2015, 07:59:47 am



หัวข้อ: ลมหายใจสุดท้ายของ "ชุมชนวัดกัลยาณ์"
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 18, 2015, 07:59:47 am
(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/C34F7B33608E4EF38E9A5D5FC14DE030.jpg)

ลมหายใจสุดท้ายของ "ชุมชนวัดกัลยาณ์"
เรื่อง อินทรชัย พาณิชกุล/ภาพเสกสรร โรจนเมธากุล ,กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร,ชนัสถ์ กตัญญู

ภาพเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม พร้อมกำลังตำรวจ ทหาร และชายฉกรรจ์กว่าครึ่งร้อย เดินทางเข้าปิดล้อมและยึดทรัพย์สินของบ้านหลังหนึ่งภายในชุมชนวัดกัลยาณ์ ถนนอรุณอมรินทร์เขตธนบุรี กทม. อันเป็น 1 ใน 54 หลัง จากทั้งหมด 230 หลังคาเรือนที่ถูกทางวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารฟ้องร้องขับไล่มาอย่างยืดเยื้อยาวนานหลายปี

    เป็นความปวดร้าวแสนสาหัสที่ไม่มีชาวบ้านรายใดคาดคิดว่าจะเจอ

ชุมชนเก่าแก่กว่าสองร้อยปีที่อยู่อย่างสงบสุขมาตั้งแต่บรรพบุรุษ วันนี้กลับต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลังชาวบ้านลุกขึ้นคัดค้านไม่ให้เจ้าอาวาสทุบทำลายโบราณสถานเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ ผลคือถูกขับไล่ออกจากที่ดินวัด โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า

อุณหภูมิความขัดแย้งร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง หลังยืดเยื้อคาราคาซังมานานนับสิบปี



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/A7DBB4FD2F874D49A39B3CCF78475B6F.jpg)
ภาพมุมสูงของวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ด้านขวามือของภาพจะเห็นหลังคาบ้านเรือนชุมชนกัลยาณ์


วัดกัลยาณมิตร...สมบัติวัดหรือมรดกชาติ.?

“วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร” หรือที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า “วัดกัลยา” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี

ประวัติความเป็นมาเริ่มจากกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (โต) ว่าที่สมุหนายก ต้นสกุลกัลยาณมิตร พระสหายคนสนิทจึงอุทิศบ้านและที่ดินถวายเป็นพระอารามหลวงในปีพ.ศ.2463 ต่อมาพระราชทานชื่อวัดแห่งนี้ว่า “วักัลยาณมิตร” หมายถึงพระสหายที่ดีของพระองค์คือ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ นั่นเอง

   ที่ดินบางส่วนถูกแบ่งให้ชาวบ้านเช่าเป็นที่อยู่อาศัย เพื่อนำดอกผลเหล่านั้นมาบำรุงวัด

"สมัยนั้นยังใช้การคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ผู้คนใช้ชีวิตบนเรือ พอสร้างวัดขึ้น พระก็บิณฑบาตลำบากท้ายที่สุดจึงให้ชาวบ้านเช่าที่ดินปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัย เพราะเห็นว่าควรให้ชาวบ้านเข้ามาช่วยทำนุบำรุงวัด และคนที่ช่วยดูแลวัดตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็คือ ชุมชนวัดกัลยาณ์" คำบอกเล่าของ*ดร.เชียรช่วง กัลยาณมิตร* ทายาทตระกูลกัลยาณมิตร

    จุดมุ่งหมายของบรรพบุรุษในการบริจาคที่ดินผืนนี้คือ สร้างวัดให้เป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่ของคน
ใดคนหนึ่ง


เฉลิมศักดิ์ จุลสุวรรณ ชาวบ้านชุมชนวัดกัลยาณ์ บอกว่า ชุมชนมีความผูกพันแน่นแฟ้นกับวัดมาก

    "ชุมชนอยู่ร่วมกับวัดอย่างสงบสุขมานานนับร้อยปี ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสทั้ง 9 รูปก็ใกล้ชิดสนิทสนมกับชาวบ้าน เวลามีงานก็เกณฑ์คนไปช่วย ยายผมเป็นคนช่วยสร้างศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นที่พบปะทำกิจกรรมของชาวบ้าน ผมเองก็เคยเป็นเด็กวัด วิ่งเล่นในวัด กินข้าวก้นบาตร วัดกับชุมชนแน่นแฟ้นกันมาก จนกระทั่งเจ้าอาวาสวัดรูปนี้มา ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม"



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/84150CDCC5A6422C90051A69602CCD66.jpg)
ชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนวัดกัลยาณ์ ขณะนำชาวบ้านคัดค้านการทุบทำลายโบราณสถาน


12 ปี บนความขัดแย้ง

วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมศิลปากรให้เป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่ 22พ.ย.2492

คุณค่าทางประวัติศาตร์อันโดดเด่นของวัดนี้คือ มีการสร้างปูชนียสถานและถาวรวัตถุล้ำค่ามากมายอาทิ พระวิหารหลวง พระพุทธไตรรัตนนายกหรือหลวงพ่อโต (ซำปอกง) หอพระธรรมมณเฑียรเถลิงพระเกียรติ หอระฆัง  หอกลอง สระน้ำโบราณ พระเจดีย์บรรจุพระอังคารเจ้าจอมมารดาแช่ม พระชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กุฏิคณะสงฆ์ เจดีย์บรรจุอัฐิขุนนางคนสำคัญหลายตระกูล ฯลฯ

ปี 2546 หลังจากพระธรรมเจดีย์ (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ได้เดินหน้าบูรณะสังขรณ์โบราณสถานภายในวัด อ้างเหตุผลว่าเก่าแก่ทรุดโทรม โดยไม่สนใจคำทัดทาน ของชาวบ้าน ความบาดหมางจึงเริ่มก่อตัวขึ้น

"การทุบทำลายโบราณสถานภายในวัดเป็นการกระทำโดยพลการ ทางวัดไม่เคยปรึกษากับชุมชนเลยเราขอเข้าพบเพื่อหารือก็ไม่อนุญาต" ชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนวัดกัลยาณ์ บอก

    ในที่สุดชาวบ้านตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีกับทางวัดข้อหาทำลายโบราณสถาน ตามพ.ร.บ.โบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504

ต่อมาศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้กรมศิลปากรทำหนังสือแจ้งวัดว่า ขอให้ระงับการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากวัดกัลยาณมิตรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ซึ่งตามพ.ร.บ.วัตถุโบราณฯห้ามทุบหรือทำลายวัตถุโบราณ ก่อสร้างหรือต่อเติม หากจะทำอะไรก็ตามต้องได้รับการอนุญาตจากกรมศิลปากรก่อน ทำให้ พระพรหมกวี (พงศ์สันต์ ธมฺมเสฏฺโฐ) หรือเดิมคือพระธรรมเจดีย์ (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 (ผบก.น. 8) โดยอ้างว่ากรมศิลปากรทำเกินกว่าเหตุ ส่วนกรณีที่กรมศิลปากรระบุว่าได้ขึ้นทะเบียนโบราณวัดกัลยาณมิตรตั้งแต่ปี 2492 นั้น บทบัญญัติเรื่องขอบเขตโบราณสถานยังไม่มีความชัดเจน

    ระหว่างนั้นทางวัดยังคงดำเนินการทุบทำลายโบราณสถานอยู่เรื่อยๆ ท่ามกลางการประท้วงอย่างเปิดเผยของชาวบ้าน

 :96: :96: :96: :96:

ปี 2551 - 2558 กรมศิลปากรได้แจ้งความดำเนินคดีกับวัดข้อหารื้อทำลายวัตถุโบราณ ทั้งหมด 22 รายการ ประกอบด้วย
     1.รื้อหอระฆัง 2.รื้ออาคารเสวิกุล 3.รื้อศาลาทรงปั้นหยา
     4.รื้อหอกลอง 5.รื้อหอสวดมนต์กัลยาณาลัย 6.รื้อศาลาปากสระ
     7.รื้อกุฏิเก่าคณะ 7 จำนวน 3 หลัง 8.ก่อสร้างอาคาร คสล.3 ชั้นทางทิศใต้ของวัด
     9.บูรณะพระอุโบสถวัดกัลยาณมิตร 10.บูรณะหอพระธรรมมณเฑียร
    11.บูรณะวิหารหลวงพ่อพระพุทธไตรรัตนนายก (วิหารหลวง) 12.บูรณะพระวิหารน้อย
    13.รื้อราวระเบียงหิน พื้นหิน ตุ๊กตาหินอับเฉา และจัดสร้างหลังคาโครงเหล็กด้าน หน้าพระวิหาร
    14.รื้อกุฏิสงฆ์คณะ 4 15.ถมสระน้ำภายในกุฏิสงฆ์คณะ 2 16.ถมสระน้ำภายในกุฏิสงฆ์คณะ 4
    17.รื้อกุฏิพระโบราณ 18.รื้ออาคารเก็บอัฐิ 19.รื้อกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
    20.รื้อกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออก 21.รื้อศาลาตรีมุข 22.รื้อกุฏิพระโบราณคณะ 1
    รวมทั้งการบูรณะโดยไม่ได้ขออนุญาตอีก 5 รายการ



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/C45C1DF90C224CC7A14AD5DDE081303B.jpg)
โบราณสถานที่ถูกทำลายภายในวัด โดยทางวัดอ้างเหตุผลในการบูรณะว่าเก่าแก่ทรุดโทรม ภาพถ่ายเมื่อปี 2556


บวรเวท รุ่งรุจี  อธิบดีกรมศิลปากร ยืนยันว่า  12 ปีที่ผ่านมา กรมศิลปากรได้ทำความเข้าใจประนีประนอม และให้เวลาในการดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกับทางวัดกัลยาณมิตรเรื่อยมา แต่ก็ยังพบการทำลายโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตรซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    "โบราณสถานเป็นเกียรติของชาติ อิฐเก่าๆแผ่นเดียวก็มีค่า ดังนั้นการดำเนินการใดๆต้องเห็นใจในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแลโบราณสถานของชาติด้วย หากไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้ทุบทำลายโบราณสถานตลอดเวลา อนาคตคงไม่มีโบราณสถานเหลืออยู่ในประเทศไทย"

ปัจจุบันวัดกัลยาณมิตรและกรมศิลปากรมีคดีฟ้องร้องที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา 16 คดีใน 45รายการของโบราณสถานและโบราณวัตถุ หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ผู้ละเมิดจะมีโทษฐานทำลายโบราณสถาน จำคุก 1 ปี และ ปรับ 10 ล้านบาท

ทว่าสิ่งที่ไม่มีคาดคิดก็คือ ทางวัดได้ประกาศยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนของชุมชนวัดกัลยาณ์ ให้ชาวบ้าน 56 หลังจากทั้งหมด 230 หลังคาเรือนออกจากพื้นที่!



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/3F7FB1BBAC804512AE50E6929E31CF42.jpg)
เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี นำกำลังตำรวจ ทหาร และชายฉกรรจ์กว่า 50 คน เดินทางมาปิดล้อมบ้านที่ถูกฟ้องไล่รื้อ


"จะให้พวกเราไปอยู่ที่ไหน.? "เสียงครวญของชาวบ้านวัดกัลยาณ์

    "ผมไม่ได้เก็บข้าวของแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน ไม่มีหมายแจ้งเตือนบอกกล่าวอะไรทั้งนั้น มาถึงก็ทุบเลย มันเจ็บปวดมากๆ"

ประโยคแฝงด้วยความอัดอั้นตันใจของ ชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานชุมชนวัดกัลยาณ์ เจ้าของบ้านหลังแรกที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี นำกำลังตำรวจ ทหาร พร้อมชายฉกรรจ์ เดินทางเข้าใช้คีมขนาดใหญ่ตัดแม่กุญแจหน้าบ้าน ก่อนเข้าไปยึดทรัพย์สินซึ่งมีเพียงข้าวของเครื่องใช้สำหรับประกอบอาชีพ อาทิ ถังแก๊ส ตู้แช่ของสด แผงไข่ ลังถึงนึ่งขนมจีบ ซุ้มตั้งร้าน เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาโดยไร้เหตุการณ์กระทบกระทั่งรุนแรง

ประธานชุมชนวัดกัลยาณ์ เผยว่า ประกาศยกเลิกสัญญาเช่าที่ดินของชาวบ้านเกิดขึ้นในปี 2549 ทางวัดได้เสนอค่าชดเชยให้ 3,000 บาทต่อหลัง ถือว่าไม่คุ้มค่า ชาวบ้านจึงไม่ยอมย้ายออก

    "วัดเชิญชาวบ้านมาอยู่ตั้งแต่ก่อตั้งวัดเพื่อให้ชาวบ้านช่วยดูแลวัด เอาค่าเช่ามาทำนุบำรุงวัด เราอยู่กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดยันรุ่นหลานเหลน จู่ๆก็จะไล่เราออก เพียงเพราะแค่เราไม่เห็นด้วยกับการทุบทำลายโบราณสถาน ผมไม่เคยก้าวร้าว ก่อความรุนแรงใดๆ ทำถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่เจ้าอาวาสก็ไม่เคยลงมาคุยเลย ไม่ยอมให้เข้าพบ ไม่แม้แต่จะออกมาบิณฑบาตรในชุมชน"

 :41: :41: :41: :41:

ชัยสิทธิ์บอกว่า เหตุผลที่วัดอ้างว่าจะไล่รื้อชุมชนเพื่อนำที่ดินไปสร้างเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์แต่สิ่งที่ทำกลับการทุบทำลายประวัติศาสตร์ ทำลายทั้งโบราณสถานภายในวัด ทำลายทั้งวิถีชุมชนรอบวัด

    "ยิ่งเห็นภาพบ้านถูกไล่รื้อยิ่งโมโห ผมโกรธจนน้ำตาแทบไหล คุณทำแบบนี้ได้ไงทั้งที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ไม่มีการแจ้งเตือน แล้วคนยากคนจนอย่างเราจะไปอยู่ที่ไหน" กิตติคุณ ปิยะนารานันท์ ชาวบ้านอีกรายหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

    วันนี้บรรยากาศความหวาดกลัววิตกกังวลแผ่ซ่านภายในชุมชนวัดกัลยาณ์ ชาวบ้านนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันหน้าบ้าน บางคนถึงขั้นต้องลางานกลับมาด้วยความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ถึงคิวตัวเองใครจะถูกไล่รื้อเป็นรายถัดไป บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เพราะยังไม่มีแผนการองรับใดๆทั้งสิ้น ป้ายประท้วงต่อต้านการกระทำของวัดถูกติดไว้ทั่วชุมชน สะท้อนความรู้สึกอันเจ็บปวดของชาวบ้านออกมาได้อย่างแจ่มชัด

     "ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2510 ตอนนี้อยู่กับภรรยา ลูกๆหลานๆอีก 7 คน ถ้าต้องย้ายออกพรุ่งนี้ มะรืนนี้ลูกที่ทำงาน หรือหลานที่กำลังเรียนกลางเทอมจะทำอย่างไร คนมีสตางค์เขามีเงินซื้อบ้านใหม่ บางคนมีญาติพี่น้องก็ยังพอไปขออาศัยชั่วคราวได้ แต่สำหรับคนไม่มีเงิน เขาคิดไม่ออกหรอก มันจนตรอกไปหมด" เกื้อกูล จุนาศัพท์  ชาวบ้านวัย 73 บอกเสียงสั่นเครือ



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/2F69705C1FEB4EE2A35496237E4A0C15.jpg)
ชายฉกรรจ์สวมหมวกคลุมหน้ากำลังใช้ชะแลงงัดกุญแจ


นพเก้า ศีตะสุทธิพันธุ์ ชาวบ้านอีกราย มองว่า เหตุการณ์ไล่รื้อบ้านหลังแรกเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ซึ่งเป็นบ้านของแกนนำต่อต้านการทุบทำลายโบราณสถานของวัดกัลยาณมิตร มีนัยสำคัญทำนองว่าอาจเป็นการ "เชือดไก่ให้ลิงดู"

"เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทำให้ชาวบ้านรู้สึกได้ว่า ภัยมาถึงตัวแล้ว ถึงจะประกาศว่าจะไล่ที่แค่56 หลังจากทั้งหมด 230 หลังคาเรือน แต่ทุกคนกลัวว่า สุดท้ายไม่ว่ายังไงก็คงทยอยไล่จนหมด"

จากการสอบถามไปที่ทางวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัชรา พรหมเจริญ ประธานที่ปรึกษาวัดกัลยาณมิตร และอดีตผู้อำนวยการเขตธนบุรี เปิดเผยว่า การไล่รื้อเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยกรมบังคับคดีได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลแพ่งธนบุรี ซึ่งตัดสินให้ทางวัดชนะคดีในชั้นศาลฎีกาเมื่อปลายปีที่แล้ว ขอยืนยันว่าไม่ได้มีแผนที่จะก่อสร้างใหม่ บ้านที่ถูกไล่รื้อเป็นเพราะบดบังทัศนียภาพของวัด

     ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับชะตากรรมของชาวชุมชนวัดกัลยาณ์ ชัยสิทธิ์บอกว่า แผนการต่อไปคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยายามประสานกับทางวัด เจรจาขอให้หยุดไล่รื้อก่อน และยืดเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อให้ชาวบ้านได้เตรียมตัวตั้งหลักชีวิตต่อไป

     "จนถึงตอนนี้ผมก็ยังยืนยันว่าวัดทำไม่ถูกต้อง ไร้เมตตาธรรมซึ่งพระสงฆ์ควรจะมี"

     อนาคตของชาวบ้านชุมชนกัลยาณ์ช่างมืดมนและน่าเป็นห่วงยิ่ง



(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/F357C202AE884A628A6C3D045F694E01.jpg)
ชาวบ้านออกมามุงดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้าวิตก หลายคนตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่ แต่ไร้เหตุการณ์รุนแรง

(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/1F4A5822FFC64F308EBA89BFC246A5EF.jpg)
ป้ายประท้วงเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรถูกติดไว้ทั่วชุมชน

(http://www.posttoday.com/media/content/2015/09/13/3C553CAAF165420DB3DA5C578D2DBD49.jpg)


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.posttoday.com/local/scoop_bkk/387609 (http://www.posttoday.com/local/scoop_bkk/387609)