สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กันยายน 28, 2015, 08:12:37 am



หัวข้อ: รอคอยอย่างไร..ให้ใจเป็นสุข.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กันยายน 28, 2015, 08:12:37 am
 
(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2015/09/25/88ej68chac79a7b6cca8h.jpg)

รอคอยอย่างไร..ให้ใจเป็นสุข.?
บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสสโร

ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก่อนวันสุดท้ายที่จะเดินทางกลับสวิตเซอร์แลนด์ โยมที่ไปด้วยกันต้องรออยู่ ณ ที่พัก ประมาณ ๓ ชั่วโมง เพราะความที่ไม่รู้หนทางทั้งโยมทั้งพระในกรุงเวียนนา อีกทั้งหาของที่ต้องการยังไม่ได้ ได้แต่ถามทางคนพื้นที่ จนในที่สุดก็พบร้านที่ต้องการ ทำให้ไม่มีโอกาสติดต่อกลับไปยังโยมที่คอยอยู่เป็นเวลานาน

การรอคอยเป็นเรื่องที่ทรมาน ไร้ซึ่งความสุข ไม่ว่าการรอคอยสิ่งใดๆ ก็ตาม แม้แต่ธุระของตนเอง และยิ่งถ้ารอแล้วไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ หรือบุคคลที่รอไม่มาตามนัด ความทุกข์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ หลายคนโกรธ เป็นทุกข์ได้แม้กระทั่งสิ่งไม่ชีวิต เช่น ไฟแดง เพราะรีบไปทำงาน ไปนัดไม่ทัน ตกเครื่องบิน ฯลฯ

 :49: :49: :49: :49:

หลายครั้งความรีบเร่ง รอคอยไม่ได้ เกิดผลเสียตามมามากมาย เสียโอกาสดีๆ ของชีวิต บางครั้งถึงขั้นสูญเสียชีวิต เพราะไร้ซึ่งความอดทนที่จะรอ บางคนจากคนรักกัน กลายเป็นศัตรูกันก็มี ทั้งที่ทุกอย่างล้วนมีเหตุผล ที่มา เรื่องราวในตัวมันเองทั้งสิ้น ถ้าเราอดทนสักนิด หรือมองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ยอมรับตามความเป็นจริง คนที่ไม่ทุกข์คือ ตัวเราเอง หากเข้าใจว่า สิ่งไหนที่จะเป็นของเราก็จะเป็นของเรา บุคคลที่รอคอยจะปรากฏเมื่อเงื่อนไข-ปัจจัยพร้อม

หากสังเกตใจเราดู เราวางสิ่งที่เราต้องการไว้ก่อนที่จะปรากฏเสมอ เมื่อไม่ได้อย่างที่ต้องการก็เป็นทุกข์ แม้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี หรือสิ่งถูกต้องก็ตาม ถ้าสิ่งที่ดี ถูกต้องทำร้าย ทำลายใจที่สงบสุข สิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ดี ถูกต้องอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นไม่ดี แต่เพราะความอยากให้ได้ดั่งใจเรานี่เองที่เป็นตัวสร้างความทุกข์เกิดขึ้น มองอย่างถ่องแท้ เรามีหนทางอื่น มีวิธีการที่จะจัดการและแก้ปัญหาได้เสมอ ถ้าใจเราเป็นปรกติ สงบสุข

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

การรอคอยจะไม่ใช่การรอคอยอีกต่อไป ถ้าจิตใจไม่ไปจดจ่อกับสิ่งนั้นหรือบุคคลที่รอ แต่เราจะอยู่กับลมหายใจเข้า-ออกของตัวเอง ถ้าทำด้วยความตระหนักรู้อย่างแท้จริง ในช่วงเวลาที่รออยู่นั้น อาจเป็นเวลาผ่อนคลาย เป็นโอกาสอันงดงามที่เราจะได้สัมผัสความสงบสุข ณ ปัจจุบันขณะ ไม่ว่าเราจะอยู่กับใคร ณ ที่ใด หรือสถานการณ์อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะถ้าบุคคลที่กำลังรอ ประสบเจอเรื่องร้าย ถึงขั้นเสียชีวิต เราจะตั้งสติทัน ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย หรือทำอะไรไม่ถูก ช็อก ฯลฯ และถึงแม้บุคคลที่รอมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น จิตใจที่เป็นสุขสงบกับปัจจุบัน จะทำให้สามารถยินดีที่ได้ประสบพบเจอ และคิดเสมอว่า โชคดีที่ได้พบ

ไม่มีอะไรช้าเกินไปสำหรับผู้มีสติในปัจจุบันขณะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายหรือไม่ดี

ที่สำคัญคือ เราต้องคิดดี การคิดดี มิเคยทำร้ายผู้คิดเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามการคิดไม่ดี อาจไม่ทำร้ายเฉพาะผู้คิด แต่อาจส่งผลถึงคนที่เกี่ยวข้องหรือผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้ต่างตกเป็นเหยื่อของการปรุงแต่ง สุดท้ายมันจะเผาผลาญเขาเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้สูญเสียความสงบสุขในตนเอง

 :96: :96: :96: :96:

ผู้มีปัญญาทั้งหลาย จึงทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำเรื่องเล็กให้เป็นไม่มีเรื่อง และมองทุกสถานการณ์เป็นโอกาสแห่งการปฏิบัติ เพื่อปล่อยวาง เพราะไม่เช่นนั้น เราจะตกเป็นเหยื่อความคิดของตนเอง

เราทุกคนต่างต้องการหมดทุกข์ อยากปฏิบัติให้เป็นคนมีความสุขสงบมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้า เราลืมมันเสียเสมอ เพราะเราไม่มีสติเพียงพอ ไม่เคยเมตตาตนเองอย่างแท้จริง ปล่อยให้อัตตา การยึดมั่นในภาพลักษณ์ของตัวเอง มาทำร้ายอยู่ร่ำไป ถ้าเราหมั่นกลับมามีสติอยู่กับลมหายใจอย่างเป็นสุข เราจะรับรู้ถึงสภาวะไร้ซึ่งตัวเรา ของเรา แล้วจะมีใครที่ไหนเป็นผู้โกรธ ผู้โลภ ผู้หลงได้ แต่เพราะยังมีตัวเรา ของเรา จึงมีตัวเธอ ของเธอ ที่ทำให้ฉันทุกข์ แต่ถ้าเราไม่เคยคิดถึงตัวเรา แล้วใครที่ไหนจะทำให้ฉันทุกข์

        ans1 ans1 ans1 ans1

       นักปฏิบัติจึงขอบคุณทุกโอกาส ทุกบุคคลเสมอ ที่ทำให้เห็นแท้ว่า เรายังมีอัตตาตัวตนอยู่มากแค่ไหน
       ท้ายที่สุด เมื่อเรามีสติอยู่กับลมหายใจอย่างต่อเนื่อง จิตใจเราจะอ่อนโยนลง และเริ่มเมตตาตนเองเป็น  นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเมตตาผู้อื่น
       การแผ่เมตตาแก่สรรพสิ่งอาจไม่ได้ช่วย ถ้ายังไม่เรียนรู้เมตตาตนเอง
       เมตตาตน ความทุกข์ไม่เคยดำรงอยู่


ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150927/214103.html (http://www.komchadluek.net/detail/20150927/214103.html)