สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 27, 2015, 08:52:36 am



หัวข้อ: ระวัง.! “โล้นห่มเหลือง” เรี่ยไรร้อยเล่ห์ ระบาดหนักทั่วกรุง.!!
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 27, 2015, 08:52:36 am

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000012388401.JPEG)


ระวัง.! “โล้นห่มเหลือง” เรี่ยไรร้อยเล่ห์ ระบาดหนักทั่วกรุง.!!

“พระปลอม” ออกเรี่ยไรเต็มอัตรา ครองพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดแนวชายแดนเป็นถิ่นทำกิน! เครือข่ายชาวพุทธไม่อาจรับสถิติที่ออกมาได้ ร้องให้สำนักพุทธฯ เร่งตรวจสอบ คุมเข้มพระบวชใหม่ พร้อมคาดโทษหนักตามกฎหมาย ด้านพระภิกษุชี้ ยังมีหนทางรู้ทันเล่ห์ “โล้นห่มเหลือง” ขอชาวพุทธอย่าตระหนก




(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000012388402.JPEG)


รู้ทันเล่ห์ มิจฉาชีพห่มเหลือง.!
       
ทนไม่ไหว! ผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) จึงเดินทางไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พร้อมกับตัวแทนศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และเครือข่ายชาวพุทธ ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบเหล่ามิจฉาชีพในผ้าเหลือง ปลอมแปลงเข้ามาบวชเพื่อหาผลประโยชน์ เรี่ยไร และสร้างความเสื่อมเสียให้แก่พระพุทธศาสนา เผยพื้นที่สุ่มเสี่ยงสูงสุดคือกรุงเทพฯ รองลงมาคือภาคตะวันออก และจังหวัดตามแนวชายแดน
       
ด้านสำนักพุทธฯ ตกลงรับเรื่อง สั่งการไปยังสำนักงานทั่วประเทศ ให้เร่งประสานกับเหล่าตำรวจพระ ตรวจสอบและจับกุมเหล่า “โล้นห่มเหลือง” ในข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ซึ่งมีความผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     
 :32: :32: :32: :32:
 
ทั้งยังมีความผิดตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 มาตรา 44 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอความร่วมมือจากเจ้าคณะปกครองในพื้นที่และพระอุปัชฌาย์ ช่วยเข้มงวดกวดขันการรับบุคคลเข้าบวชเป็นพระใหม่ เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
       
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระมหาวิชาญ สุวิชาโน ผู้อำนวยการส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรม สถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ช่วยวิเคราะห์เอาไว้เพื่อชี้ทางสว่างให้พุทธศาสนิกชนว่า...
       
“เรื่องพระปลอม อาตมาอยากให้มองว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ไม่ใช่พระ หรือพวกมิจฉาชีพที่ต้องการเข้ามาใช้ช่องโหว่จากความศรัทธาของผู้คนหาผลประโยชน์ ใช้ภาพลักษณ์นี้เป็นช่องทางทำกินมากกว่า ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่วงการสงฆ์เท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้มันระบาดไปทั่วทุกอาชีพ ทุกวงการด้วย เช่นมีคนที่ปลอมเป็นทหาร ปลอมเป็นตำรวจ เพื่อรีดไถและเรี่ยไรเงินของประชาชนก็มี อย่างที่เราจะเคยเห็นตามข่าวกัน ซึ่งแท้จริงแล้ว คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน คือเป็นกลุ่มคนที่แอบอ้าง หลอกลวงผู้อื่นด้วยความไม่ละอายชั่วกลัวบาป
     
 ask1 ans1 ask1 ans1
 
ถามว่าระหว่างคนที่ปลอมเป็น ตำรวจ ทหาร หรือ ปลอมเป็นพระ อะไรเป็นบาปมากกว่ากัน อาตมามองว่ากลุ่มที่ปลอมเป็นพระอาจจะบาปน้อยกว่า กลุ่มผู้ปลอมหรือแอบอ้างด้วยอาชีพอื่นๆ เนื่องจากการปลอมเป็นพระ ใช้เพียงเครื่องนุ่งห่มเหลืองคลุมร่างกาย ไม่ได้มีอาวุธใดๆ ช่วยประกอบความผิดบาป แต่การปลอมด้วยอาชีพอื่นๆ อาจจะอุปกรณ์ มีด หรือปืนเป็นเครื่องมือใช้ข่มขู่ ประกอบการทำมาหากิน
       
แต่ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนให้กระทำบาปในรูปแบบไหน หรือสนับสนุนให้คนปลอมเป็นพระ เพียงแต่จะบอกว่า ถ้าพิจารณาในเรื่องบาปมาก บาปน้อย นั้น ขอให้ดูผลเสีย ผลร้าย อันตรายต่อชีวิตต่อคนหมู่มาก หรือความเดือดร้อนที่เขาได้ทำขึ้นต่อผู้อื่น ถ้าบุคคลนั้นทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและได้รับความทุกข์มากเท่าใด ก็จะยิ่งเป็นบาปติดตัวผู้กระทำมากเท่านั้น ไม่ว่าจะปลอมเป็นสถานภาพใดก็ตาม ถ้ามีคนเดือดร้อน สูญเสียเงินทองทรัพย์สิน อันตรายมากเท่าใด เขาก็บาปมาเท่านั้น
       
ในเรื่องการทำบุญ แยกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายผู้ให้ กับฝ่ายผู้รับ ในฝ่ายผู้รับ ถ้าหากว่าเขาได้ตั้งใจศรัทธาที่จะให้แล้ว บุญย่อมสำเร็จ ถ้าเจอพระจริง หรือพระปลอมก็ได้ผลบุญจากการให้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่า มากหรือน้อยต่างกันไปตามศีลและคุณธรรมของท่าน ส่วนพระสงฆ์เอง ท่านก็มีหน้าที่รับถวายจากสาธุชน ตามมีตามเกิด ไม่เรียกร้อง แล้วมาฝึกฝนอบรมตนให้มีศีล มีคุณธรรมเอาเอง ถ้าปลอมมาก็รับผลบาปเอาเอง ผู้ถวายไม่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ บุญจะเกิดมากหรือน้อย อยู่ที่ความบริสุทธิ์ ทั้งสองฝ่าย”

       

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000012388404.JPEG)
[ตัวอย่าง ใบสุทธิพระ]


      ส่วนวิธีแยก “พระจริง” ออกจาก “พระปลอม” นั้น มีข้อสังเกต ดังนี้

       ประการแรก ให้ดูที่ “การแต่งกาย” พระปลอมจะแต่งกายไม่เรียบร้อย รุ่มร่าม ห่อๆ อุ้มผ้าจีวรกันไป บริขารไม่ครบ บาตร จีวร สังฆาฏิ หรือ แต่งกายอลังการเกินพระ เป็นต้น
       
       ประการที่สอง ให้ดูที่ “จริยาวัตรพระสงฆ์” พระปลอมจะรู้แต่การบิณฑบาต การขอ การเรี่ยไร ถามอย่างอื่นตอบไม่ได้ ตอบไม่ถูก บางทีก็ใช้ศัพท์ผิดตามที่ได้ยินต่อๆกันมา ถามเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา กรรมฐาน ธุดงค์ จะงงแป๊บ... รู้ได้เลยทีเดียว อันนี้ถ้าญาติจะรู้จักพระปลอม ต้องศึกษาลักษณะพระแท้ไว้ด้วย มองแต่ภายนอกจะมองไม่ออก พระแท้จะสำรวม มีความละอายต่อสายตาประชาชน พูดเสียงไม่ดัง หัวเราะไม่ดังในที่ชุมชน การเดินการเหินก็จะต่างกัน เวลาบิณฑบาตร พระปลอมจะมุ่งรายได้มากกว่าอาหาร เดินว่อน วนเวียน โฉบเฉี่ยวไปมา เป็นต้น
       
        ประการที่สาม ให้ดูที่ “ใบสุทธิพระ” เป็นหนังสือยืนยันความเป็นพระด้วยเอกสารที่เป็นทางการ ออกและรับรองโดยพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้ แต่ปัจจุบันก็มีใบสุทธิพระปลอมทำออกมาเช่นกัน วิธีการตรวจสอบให้ดูที่ลายเซ็นของพระอุปัชฌาย์ ต้องมีตราประทับเจ้าคณะอำเภอ และระบุสังกัดวัดเอาไว้เรียบร้อย ใบสุทธิที่ถูกต้อง จะต้องมีหน้าครบ ไม่ถูกฉีกออก ไม่มีขีดฆ่า มีหมายเลขเล่มถูกต้อง ซึ่งญาติโยมมีสิทธิขอเรียกดูได้เลยหากมีพระรูปใดเข้าไปขอเรี่ยไร

        ถ้าพระรูปนั้นอ้างว่าเป็นพระธุดงค์ไปมาเรื่อย ถามแล้วบอกไม่มีสังกัดวัด ให้ระวังเอาไว้ก่อนได้เลยว่าอาจเป็นเพราะปลอม เนื่องจากตามกฎของคณะสงฆ์แล้ว พระทุกรูปที่ผ่านการบวชจริง ต้องมีวัดสังกัดและต้องได้รับการรับรองจากอุปัชฌาย์ด้วย



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000119685 (http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000119685)