หัวข้อ: บวชมา ๘ ปี จบพุทธศาสตร์ มจร. สึกออกมาสมัครทหาร ปรับตัวไม่ได้ โดนครูฝึกซ้อมจนตาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2015, 08:45:59 am (http://img.tnews.co.th/large/tnews_1446269713_9780.jpg) 4 ปีผ่านไป...ยังรอความยุติธรรม หลัง "พลทหารวิเชียร" ถูกครูฝึกซ้อมจนตายเมื่อปี 54 กลายเป็นกระทู้ที่มีชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างมากภายในชั่วข้ามคืน เพราะนับว่าเป็นเหตุการณ์เศร้าสลดของสังคมไทยอีกกรณีหนึ่ง โดยคุณสมาชิกหมายเลข 2250431 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมได้ตั้งกระทู้ชื่อว่า "ครูฝึกทหารใหม่รวม ๑๐ นาย ลงโทษซ้อมทรมานพลทหารเกณฑ์ป.โทจนเสียชีวิต กองทัพบกต้องชดเชยสินไหมทดแทนคดีแพ่งกว่า ๗ ล้านบาท" ภายหลังจากที่รายการสปริงรีพอร์ต ของสถานีสปริงนิวส์ ดิจิตอลทีวีช่อง 19ได้นำเสนอเหตุการณ์ และเรื่องราวการเสียชีวิตของ "พลทหารวิเชียร เผือกสม" ทหารเกณฑ์ใหม่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่ถูกครูฝึกร่วมกันทำร้ายด้วยการซ้อมทรมานจนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงรอเลือกตั้งทั่วไปหลังรัฐบาลอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาฯ และล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ได้ชี้มูลความผิดทหาร 10 นาย และส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดนราธิวาส สั่งฟ้องดำเนินคดีอาญา ชมคลิป Spring Reports 27/10/58 : ซ้อมทรมาน "ทหารเกณฑ์" เสียชีวิต https://www.youtube.com/watch?v=Pocvh9wgLO4 (https://www.youtube.com/watch?v=Pocvh9wgLO4) :91: :91: :91: :91: :91: โดยเจ้าของกระทู้ได้ระบุเรื่องราวทั้งหมดว่า กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการนำเสนอและแชร์ข้อเท็จจริงความรุนแรงในค่ายทหารอีกด้านหนึ่งที่ถูกปกปิดซ่อนเล้นอยู่ ให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก เพราะหากตราบใดที่ประชาชนยังไม่รู้สิทธิในเรื่องนี้ การละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะนี้ก็ยังคงที่จะเกิดขึ้นได้อีกเสมอ โดยวัตถุประสงค์ของการขอนำเสนอไม่ได้ต้องการโจมตีหรือทำให้หน่วยงานของรัฐเสื่อมเสียงชื่อเสียงแต่ประการใด แต่เพื่อให้ประชาชนในสังคมไทยได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเป็นกรณีตัวอย่างให้กับผู้ที่ถูกละเมิด หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมกล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองต่อไป บัดนี้ก็เป็นเวลา ๔ ปีกว่าแล้วที่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังคงต้องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนในครอบครัวที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับลำแข้งของครูฝึกทหารร่วม ๑๐ นาย ในกรณีที่พลทหารวิเชียร เผือกสม ทหารเกณฑ์ สังกัดกองพลพัฒนาที่ ๔ ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ผู้มีศักดิ์เป็นน้าชาย ซึ่งถูกรุมทำร้ายร่างกาย โดยครูฝึกทหารใหม่จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่องราวเหล่านี้ยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำของคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดี หน้ำซ้ำครูฝึกทหารใหม่ที่กระทำต่อพลทหารวิเชียร เผือกสม ยังคงลอยนวลไม่ถูกลงโทษทางอาญาตามความผิดที่ได้กระทำ บางนายยังคงเป็นครูฝึกทหารใหม่ บางนายปลดประจำการแล้ว และบางนายได้เลื่อนชั้นยศที่สูงขึ้น คือร้อยโท ซึ่งมีพ่อเป็นพลตรี **เพราะยังต้องรอกระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนของกฎหมายไทย** ทั้งนี้จึงตั้งกระทู้ขึ้นมาก็เพื่อปกป้องสิทธิให้กับคนอื่น โดยไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับใครอีก เพราะการลงโทษโดยทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย นอกจากจะเป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งแล้ว ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒๕๔๐ มาตรา ๓๒ ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของบุคคล และละเมิดอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและมีพันธกรณีให้ปฏิบัติตามอนุสัญญาฯดังกล่าวด้วย (http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/37(4).jpg) ข้อเท็จจริงตามเอกสารหนังสือรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกองทัพภาคที่ ๔ ที่ กห ๐๔๔๘/๒๔๖๓ ฉบับลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มีดังนี้ พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้ลาสิขาบทมาเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ และได้สมัครเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ผลัดที่ ๑/๕๔ เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ แต่ในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ พลทหารวิเชียร เผือกสม กลับถูกครูฝึกทหารลงโทษรุมทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุเพราะหลบหนีจากหน่วยฝึก ๒ ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และได้ตัวกลับมาในวันเดียวกัน ครั้งที่ ๒ เมื่อ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทางหน่วยฝึกได้ไปรับตัวกลับหน่วยเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๔ ก่อนเที่ยง ร้อยตรีให้การว่าได้ตบหน้าพลทหารวิเชียรฯ ๒ ครั้ง เพื่อเตือนสติให้สำนึกที่หลบหนี ให้กินพริกสดจำนวน ๓-๔ เม็ด เพื่อทำโทษและให้กินข้าวเปล่าจำนวน ๑ จาน ประมาณ ๑๒.๔๐ น. ได้สั่งให้พลทหารผู้ช่วยครูฝึก ๒ นาย นำพลทหารวิเชียรฯ ไปบริเวณหลังหน่วยฝึกหน้าห้องน้ำเพื่อปรับปรุงวินัย โดยให้ออกกำลังท่ากายบริหาร เช่น ท่ากระโดดกบ แองการู ท่ายุบสะโพก ฯลฯ โดยในครั้งแรกให้สวมใส่ชุดทหารใหม่และต่อมาให้ถอดเสื้อผ้าออกคงเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว โดยมีร้อยตรีนั่งกำกับอยู่ด้วย จากนั้นได้พาไปพบร้อยโทผู้ฝึกที่หน้าหน่วยฝึก ร้อยโทผู้ฝึกได้มีการว่ากล่าวพลทหารวิเชียรฯ และได้สั่งให้พาไปด้านหลังหน่วยฝึกเพื่อปรับปรุงวินัยต่อ มีผู้ให้การหลายรายยืนยันว่า ได้เห็นพลทหารผู้ช่วยครูจับขาพลวิเชียรฯ คนละข้างลากไปกับพื้นปูนบริเวณที่รวมพลหน้าหน่วยฝึกประมาณ ๒-๓ เมตร พลทหารวิเชียรฯ ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด ต่อจากนั้นได้พาไปปรับปรุงวินัยที่เดิม ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาพบเห็นพลทหารผู้ช่วยครูได้รุมกันใช้เท้าเตะกระทืบที่ขาและลำตัวของพลทหารวิเชียรฯ ซึ่งขณะนั้นร้อยตรีที่ถูกกล่าวหาได้กำกับอยู่ โดยสั่งให้ตัดกำลังขาอย่าไปทำอะไรส่วนบน ต่อจากนั้นได้ใช้เกลือทาบริเวณแผลและใช้เท้าเหยียบขึ้นไปที่หน้าอก หลังจากใช้เวลาซ่อมประมาณ ๒ ชั่วโมง ได้นำตัวพลทหารวิเชียรฯ ไปอาบน้ำและพาไปที่ห้องพยาบาล เพื่อทายารอยแผลขีดข่วนและให้นอนพักบนเตียงผ้าใบในห้องพยาบาล ขณะนั้นมีครูทหารใหม่และผู้ช่วยครูหลายนาย ซึ่งที่ห้องพยาบาลนั้นจ่าสิบเอกให้การว่า เห็นพลวิเชียรวิเชียรฯ ถูกสิบเอก ๓ นาย และสิบโท ๒ นายสลับกันรุมเตะด้วยหัวรองเท้าคอมแบค โดยมีร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึก นั่งอยู่ที่เตียงพยาบาล (http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/nx1o1glk89onYh1L5cT-o.jpg) เวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. สิบเอกได้เรียกรวมพลทั้งหมดเพื่อไปรับประทานอาหารเย็น โดยสิบเอกอีกนายได้เรียกทหารใหม่ประมาณ ๕-๖ นาย ให้แบกพลทหารวิเชียรฯจากห้องพยาบาลไปยังโรงเลี้ยง โดยใช้ผ้าขาวห่อตัวเหลือแต่ใบหน้าพร้อมมัดตราสังข์ในลักษณะเหมือนศพ พร้อมตั้งขบวนแห่และพูดไว้อาลัยเหมือนกับการแห่ศพ และที่โรงเลี้ยงมีพยานยืนยันว่า เห็นพลทหารวิเชียรฯ ถูกสั่งให้นั่งกินข้าวบนก้อนน้ำแข็งประมาณ ๑๐ นาที โดยให้นั่งท่าขัดสมาธิ ก้นสัมผัสผิวน้ำแข็งประมาณ ๑ ใน ๓ และสวมกางเกงในตัวเดียว และร้อยโทผู้ฝึกได้เดินมาที่พลทหารวิเชียรฯ ร้อยตรีผู้ช่วยครูฝึกได้บอกให้เอาน้ำแข็งประคบ เพื่อบาดแผลจะได้หายเร็วขึ้นและได้ให้รับประทานกระเทียมประมาณ ๓–๔ กลีบ ต่อมาสิบเอกได้นำกำลังพลชุดเดิมแบกพลทหารวิเชียรฯ กลับมาวางด้านหน้าหน่วยฝึกและมีก้อนน้ำแข็งวางทับบนหน้าอก ที่หน้าหน่วยฝึก เวลาประมาณ ๑๘.๔๕ น. สิบเอกได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ หมอบ-ลุก เมื่อเห็นว่า ทำช้าไม่เป็นที่พอใจจึงได้ไม้ไผ่ขนาดเท่านิ้วชี้ตีที่บริเวณลำตัว แผ่นหลัง ก้น ขาจนถึงปลายเท้า และใช้เท้าเตะบริเวณชายโครง หน้าอก และกระทืบไปที่ท้ายทอยเป็นเหตุให้คางกระทบกับพื้นเป็นแผลแตกขนาดปลายนิ้วก้อย ใช้เท้าเตะไปที่บริเวณใบหน้าเป็นเหตุให้มีเลือดออกจากปากแล้วพลทหารวิเชียรฯ ได้ก้มลงกราบพร้อมร้องบอกว่า "ผมเจ็บและจะไม่ทำอีกแล้ว" แต่สิบเอกก็ยังไม่หยุดกระทำ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดสลับกับการถูกเตะและกระทืบดังมากจนทำให้ร้อยโทผู้ฝึกได้ชะโงกมาจากชั้นบนของอาคารหน่วยฝึก พร้อมสั่งให้ร้อยตรีผู้ช่วยผู้ฝึกอย่าทำให้แรงเกินไปนัก สิบเอกจึงได้ย้ายสถานที่ซ่อมไปด้านข้างของแถว ยังคงใช้ไม้ตีสลับกับการเตะเหมือนเดิมจนกระทั่งร้อยตรีอีกนายได้เข้ามาแย่งไม้ในมือสิบเอกทิ้งอีกครั้ง สิบเอกได้พูดว่า "ไม่มีไม้ใช้มือใช้เท้าแทนก็ได้" และได้ประกาศท้าทายให้ไปฟ้อง ผบ.ทบ.ต่อหน้ากำลังทหารใหม่ประมาน ๒๐๐ นาย จนเวลา ๒๓.๐๐ น. ร้อยตรีได้พาพลทหารวิเชียรฯ ไปคุยต่อจนถึงเวลา ๐๑.๐๐ น.เศษ ได้สั่งให้พลทหารวิเชียรฯ ขึ้นโรงนอน ต่อมาวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ มีพยานหลายคนเห็น พลทหารวิเชียรฯ นอนพักอยู่ในห้องพยาบาลบริเวณร่างกายและขามีรอยช้ำบวมหลายแห่งใต้คางมีแผลลึกมีน้ำเหลืองไหลย้อยรอบปากปรากฏคราบเลือด พยานบางคนได้ถามอาการเจ็บป่วยได้รับคำตอบว่า เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ได้ร้องขอให้นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเนื่องจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว ถึงขั้นมีการสั่งเสียกับเพื่อนพลทหารด้วยกันว่า หากเสียชีวิตลงให้ช่วยแจ้งกับมารดาด้วย แต่ไม่มีผู้ใดสนใจและดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น :03: :03: :03: :03: :03: กระทั่งวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ จึงได้ส่งตัวไปโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทางโรงพยาบาลเห็นพลทหารวิเชียรฯ มีอาการหนักเกินขีดความสามารถของแพทย์ที่จะรักษาเยียวยาได้ จึงส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อทันที และหน่วยได้สั่งให้ร้อยตรีที่ไม่ได้ร่วมกระทำไปดูอาการของพลทหารวิเชียรฯ ในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ เห็นพลทหารวิเชียรฯ อยู่ในห้องไอซียูพร้อมญาติ บริเวณทั่วทั้งลำตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ามีแต่บาดแผลและรอยช้ำบวม สอบถามแพทย์ได้รับคำตอบว่า ชีพจรต่ำมาก การตอบสนองของร่างกายไม่มี อาการอยู่ในขั้นโคม่า ท้ายสุดเมื่อวันที่ ๕ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๐๕ น. ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จังหวัดนราธิวาส พลทหารวิเชียร เผือกสม ต้องจบชีวิตด้วยวัยเพียง ๒๖ ปีเท่านั้น โดยที่สาเหตุการตายมาจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากการถูกรุมซ้อมทำรายร่างกายโดยฝีมือของครูฝึกในหน่วยฝึกของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในสังกัด ร.๑๕๑ พัน.๓ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส สภาพศพของพลทหารวิเชียร เผือกสม ถ่ายเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๒๑.๕๐ น. หลังเสียชีวิตเพียง ๒๓ ชั่วโมง ซึ่งถูกครูฝึกทหารใหม่จำนวน ๑๐ นาย ตั้งแต่ยศร้อยโท ร้อยตรี จ่าสิบเอก สิบเอก และพลทหารผู้ช่วยครูฝึกลงโทษซ้อมทรมานตามรายเอียดข้างต้นที่กล่าวไว้ เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๓.๑๕ น. **ส่วนปี ค.ศ.ในภาพต้องเป็น ๒๐๑๑ ซึ่งคือ พ.ศ.๒๕๕๔ กล้องถ่ายรูปตั้งเวลาผิดค่ะ ปล.ภาพศพที่โพสต์ลงไปอาจจะไม่เหมาะสม แต่เพื่อให้เป็นอุธาหรณ์ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำขึ้นอีก ทางครอบครัวพลทหารวิเชียร เผือกสม ยินยอมให้เปิดเผยสู่สาธารณะค่ะ และเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับมอบหมายโดยชอบธรรมตามกฎหมายจากมารดาของพลทหารวิเชียรฯ ผู้มีศักดิ์เป็นยาย ให้เป็นผู้ดำเนินการ (http://www2.tnews.co.th/userfiles/image/nx1nzxjoyG812jQ6rmP-o.jpg) อนึ่ง หน่วยงานทหารต้นสังกัด ได้มีการเจรจาเงินเยียวยาจำนวนไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอคลุมธงชาติพร้อมทั้งพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งทางครอบครัวได้ปฏิเสธที่จะไม่รับเงินเยียวยาดังกล่าว เพราะเงินเยียวยาดังกล่าวนั้นย่อมมาจากงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนคนไทย อีกทั้งหากรับเงินเยียวยาไปแล้วย่อมเกิดการบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น เพราะการคลุมธงชาติและการพระราชทานเพลิงศพ เป็นการแสดงว่า พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่รับราชการทหาร แต่แท้จริงแล้วพลทหารวิเชียร เผือกสม ได้เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ครูฝึกทหารใหม่ อันเป็นการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมของสังคมไทยไว้ได้อย่างแท้จริง ซึ่งการลุกขึ้นมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมของที่พยายามมาตลอดระยะเวลา ๔ ปีกว่านั้น สิ่งที่ครอบครัวต้องการมี ๓ ประการ คือ ประการแรก คือ ทางครอบครัวของผู้ตายได้รับสิ่งที่ควรได้จากการเสียชีวิตของคนในครอบครัวผ่านกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยการผ่านกระบวนศาลแพ่ง ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานต้นสังกัด ประการต่อมา คือ จะต้องทำให้สังคมเห็นว่า ความเป็นธรรมยังปรากฎให้เห็นอยู่จริง ความยุติธรรมและความถูกต้องยังคงอยู่เหนืออำนาจและเงินตรา โดยที่ครอบครัวได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมของเราที่พยายามทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานต่างๆ กว่า ๔๐ ฉบับ เพื่อให้ความยุติธรรมและความถูกต้องยังคงมีอยู่จริงในสังคมไทย จี้เอาผิดกับนายทหารที่ทำทั้งหมด ไม่มีการละเว้นแม้แต่นายเดียว โดยเรียกร้องต่อหน่วยเหนือของกองทัพ อันได้แก่ กองบัญชาการทหารบก เพื่อตรวจสอบและป้องปรามไม่ให้ขอเจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพบก ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ ให้การช่วยเหลือพวกพ้องที่กระทำผิด รวมทั้งสอบสวนและลงโทษผู้ที่ให้การช่วยเหลือ ตลอดทั้งบิดเบือนความจริง โดยนำเงินภาษีจากประชาชนมาใช้ปิดปากครอบครัวของผู้ตาย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ข้าพเจ้าได้ลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนอันชอบธรรม ก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและความถูกต้อง จนนำมาซึ่งความจริงและการลงโทษเจ้าหน้าที่ครูฝึกผู้กระทำผิด ซึ่งมีผลทำให้สังคมไทยเกิดความสนใจเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในค่ายทหารมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เกิดการทบทวนวิธีปฏิบัติของครูฝึกต่อทหารใหม่ ตลอดทั้งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติในเรื่องการเกณฑ์ทหาร การคัดเลือกทหารของกองทัพ และการปฏิบัติต่อบุคคลเพศที่สามในการตรวจคัดเลือกทหารอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องการให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องของเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ กล่าวคือ เมื่อมีผู้ถูกกระทำกล้าเปิดเผยขึ้นมาเป็นกรณีตัวอย่าง ก็จะทำ ให้มีผู้กล้าเปิดเผยความจริงเพิ่มตามมา เพราะเห็นแนวทางในการเรียกร้องความเป็นธรรมในกรณีที่ญาติถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในลักษณะเดียวกันนี้มากขึ้น ประการสุดท้าย คือ เพื่อจะหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำได้อีก ซึ่งตลอดระยะเวลาของการร้องเรียน เจ้าหน้าที่และครอบครัวที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการต่อสู้เพื่อหาความเป็นธรรม ถึงแม้ปัจจุบันเวลาจะผ่านมาเกือบครบ ๔ ปี แต่เจ้าหน้าที่และครอบครัวยังต้องต่อสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจมืดของระบบอุปถัมภ์ ในช่วงระยะเเรกๆก็มีการข่มขู่ ขับรถดักตาม ส่งกระสุนปืนบรรจุใส่ซองธูปมาให้ในงานศพ ให้บุคคลในพื้นที่เกลี่ยกล่อมให้รับเงินเพื่อให้เรื่องจบแต่เจ้าที่หน้าและครอบครัวเลือกเอาความยุติธรรมแทน ขอบคุณข้อมูลและติดตามอ่านกระทู้ฉบับเต็มจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2250431 และขอบคุณคลิปจาก รายการ Spring Reports http://social.tnews.co.th/content/167118/ (http://social.tnews.co.th/content/167118/) (โพสต์เมื่อ 2015-10-31) หัวข้อ: Re: บวชมา ๘ ปี จบพุทธศาสตร์ มจร. สึกออกมาสมัครทหาร ปรับตัวไม่ได้ โดนครูฝึกซ้อมจนตาย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 15, 2015, 09:04:09 am (http://2.bp.blogspot.com/-vfOw1UZZUoY/VjO_AuVO0GI/AAAAAAAAVMQ/3d7Gfjz5cPk/s1600/Screen%2BShot2.png) ป.ป.ท.ฟัน "ร.ท.กับพวก" ซ้อม "พลทหารวิเชียร" วันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 หลังจากมีการเผยแพร่ข้อเขียนในเฟซบุ๊คจนได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องของพลทหารวิเชียร เผือกสม โดยหลานสาวที่ชื่อ "เมย์" อดีตนักศึกษาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้บอกเล่าถึงชะตากรรมของน้าชาย ซึ่งสมัครเป็นทหารเกณฑ์ และถูกส่งไปฝึกทหารใหม่ที่จังหวัดนราธิวาส กระทั่งถูกครูฝึกทหารรุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 นั้น จากการตรวจสอบของ ทีมข่าว NOW26 ทราบว่า หลังเกิดเหตุ ญาติของ พลทหารวิเชียร ได้แจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญา แต่เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นทหารยศต่ำกว่าพันตรี จึงอยู่ในอำนาจการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ กระทรวงยุติธรรม หรือ ป.ป.ท. การสอบสวนดำเนินมานานกว่า 4 ปี ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้ส่งหนังสือแจ้งการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร ระบุว่า ร้อยโทหนึ่งนายกับพวกรวม 10 คน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ.2473 มาตรา 30 วงเล็บ 4 หลังจากนี้จะมีการส่งสำนวนคดีไปยังพนักงานอัยการต่อไป :96: :96: :96: :96: สำหรับ พลทหารวิเชียร เผือกสม เป็นพลทหารประจำกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หรือค่ายปิเหล็ง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งค่ายทหารแห่งนี้เคยถูกคนร้ายบุกปล้นอาวุธปืนจำนวน 413 กระบอก เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 นับเป็นเหตุการณ์ที่ถือกันว่าเป็นปฐมบทความรุนแรงรอบใหม่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลทหารวิเชียร มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลา เพิ่งสึกจากการเป็นพระและเข้ารับการเกณฑ์ทหาร โดยก่อนหน้านั้นเขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการศึกษาพัฒนาชุมชน จากภาควิชาการพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ :96: :96: :96: :96: ญาติของพลทหารวิเชียร ได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2554 ว่า พลทหารวิเชียรเสียชีวิต โดยหลักฐานจากการชันสูตรศพของแพทย์จากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ระบุว่าเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลัน กล้ามเนื้อฉีกขาดรุนแรง ร่างกายถูกของแข็งกดทับ และมีร่องรอยถูกรุมซ้อมทำร้ายร่างกาย ต่อมามีการสอบสวนจนทราบว่า การซ้อมทรมานเกิดขึ้นระหว่างการควบคุมของครูฝึกในหน่วยฝึกทหารใหม่ของค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชครินทร์ โดยบรรดาครูฝึกอ้างว่าพลทหารวิเชียรถูกลงโทษเพราะหลบหนีการฝึก ในส่วนของคดีแพ่ง มารดาของพลทหารวิเชียร ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดต่อหน่วยงานต้นสังกัด ปรากฏว่าสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยกันได้ โดยศาลแพ่งสั่งให้กองทัพบกเป็นผู้ชดเชยเยียวยาค่าเสียหายแก่มารดาของพลทหารวิเชียร เป็นเงิน 7,049,213 บาท (http://images.voicecdn.net/media/640/330/storage0/932031.jpg) "ประวิตร" ชี้กรณี "พลทหารวิเชียร" เป็นไปตาม ก.ม. ด้าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเสียชีวิตของ พลทหารวิเชียร ที่ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินชดเชยไปแล้ว แต่ยังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีอาญาว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งหมด เพราะได้มีการร้องเรียนและแจ้งความแล้ว ก็ต้องว่ากันไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ร้องเรียนไปยังกองทัพแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร พลเอกประวิตร กล่าวว่า เดี๋ยวกองทัพคงดูเอง ทำอยู่แล้ว ทำทุกเรื่องอยู่แล้ว ที่มา http://www.now26.tv/view/60415 (http://www.now26.tv/view/60415) ขอบคุณภาพจาก http://2.bp.blogspot.com/ (http://2.bp.blogspot.com/) , http://images.voicecdn.net/ (http://images.voicecdn.net/) (https://fbcdn-photos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-0/p240x240/12039392_917732641651119_8475262199154760428_n.jpg?oh=1932c26784f5a59b7d4b0ec0ddea6c13&oe=56FA6ADF&__gda__=1455157346_0475ba48b9da6f195231e4dd91497035) เรื่องย่อ : พลทหารวิเชียร เผือกสม ได้เคยอุปสมบทเป็นพระภิกษุและศึกษาจนจบชั้นปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) คณะพุทธศาสตร์ สาขาวิชาศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ผลการเรียนเกียตินิยมอันดับ 1 และสำเร็จระดับปริญญาโท คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีผลการเรียนดีเยี่ยม เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 พลทหารวิเชียรได้สมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารและเข้าฝึกที่หน่วยฝึกทหารใหม่ ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ครูฝึกทหารใหม่และเจ้าหน้าที่ทหารรวมกันประมาณ 10 นาย ได้ร่วมกันทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียร โดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย โดยอ้างว่าพลทหารวิเชียร เผือกสม หลบหนีการฝึก ทำให้พลทหารวิเชียร ได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตในวันที่ 5 มิถุนายน 2554 โดยสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากไตวายเฉียบพลันจากกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ที่มา http://www.prachatai.com/journal/2013/07/47723 (http://www.prachatai.com/journal/2013/07/47723) ขอบคุณภาพจาก https://fbcdn-photos-b-a.akamaihd.net/ (https://fbcdn-photos-b-a.akamaihd.net/) |