สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 16, 2015, 07:13:01 am



หัวข้อ: “พิพิธภัณฑ์สักทอง” หนึ่งเดียวในไทย ชวนไปไหว้พระสังฆราช 19 พระองค์
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 16, 2015, 07:13:01 am


(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027901.JPEG)
อาคาร “พิพิธภัณฑ์สักทอง” งดงามอย่างมีเอกลักษณ์
       
“พิพิธภัณฑ์สักทอง” หนึ่งเดียวในไทย ชวนไปไหว้พระสังฆราช 19 พระองค์
โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
 

       “พิพิธภัณฑ์สักทอง” เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ฉันอยากจะมาชมด้วยตาตัวเองสักครั้ง เพราะได้ยินมาว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในบรรยากาศเรือนทรงปั้นหยาหลังงามที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง อีกทั้งยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์ ของประเทศไทยให้ได้ชม

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027902.JPEG)
ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณหล่อด้วยสัมฤทธิ์

        เมื่อฉันเดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์สักทอง ที่ตั้งอยู่ภายใน “วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร” บริเวณถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต สิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือบ้านทรงปั้นหยาแบบประยุคต์สองชั้นสวยงามอลังการ ที่ด้านหน้าทางเข้าเป็นที่ประดิษฐาน “ประติมากรรมพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณหล่อด้วยสัมฤทธิ์” ให้ได้แวะสักการะขอพรก่อนเข้าชม

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027903.JPEG)
จำนวนวงปีไม้สัก “พิพิธภัณฑ์สักทอง”

        หลังจากฉันก็ได้ก้าวเท้าเข้าสู่ภายในพิพิธภัณฑ์สักทอง ที่มีบรรยากาศโออ่าทุกสัดส่วนถูกตกแต่งด้วยไม้สัก แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาฉันเป็นที่สุดก็คงจะเป็นเสาบ้านไม้สักทองขนาดสองคนโอบ ที่มีลวดลายไม้สีเหลืองตระการตา ฉันได้รู้มาว่าบ้านหลังนี้มีเสาไม้สักทองดังกล่าวถึง 59 ต้น และไม้สักที่ใช้ในการสร้างบ้านหลังนี้มีอายุถึง 479 ปี จากการนับจำนวนวงปีร่วมกับการวิเคราะห์ค่าอายุโดยใช้สัดส่วนของคาร์บอนไอโซโทป

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027904.JPEG)
บรรยากาศห้องนิทรรศการภายใน “พิพิธภัณฑ์สักทอง”

        และฉันได้พบกับทางเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ และได้รับคำแนะนำในการเดินชมส่วนต่างๆ ในส่วนแรกบริเวณประตูเข้ามาจะเป็นห้องโถงใหญ่ที่จัดแสดงนิทรรศการประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งแต่เดิมนั้นอาคารพิพิธภัณฑ์อันงดงามหลังนี้ มีชื่อว่า “บ้านแก้ว” ถูกสร้างขึ้นที่จังหวัดแพร่ โดยลักษณะเป็นทรงปั้นหยาประยุกต์สองชั้น สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองทั้งหลัง ซึ่งทางเจ้าของบ้านได้เข้ามาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ จึงไม่มีเวลาดูแลและมีความคิดที่จะขายบ้านหลังนี้ แต่ก็กลัวว่าไม้ที่มีค่าจะถูกแปรรูปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและหมดค่าไปในที่สุด จึงได้ขอร้องให้ทางโครงการ นาวิน ปาร์ค รับซื้อไว้เพราะเชื่อว่าจะยังคงรักษาสภาพบ้านแก้วไว้อย่างดี หลังจากนั้นบ้านหลังนี้จึงย้ายมาอยู่ที่ นาวิน ปาร์ค รังสิต จังหวัดปทุมธานี

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027905.JPEG)
ห้องโถงชั้นสองจัดแสดง “พระพุทธรูปโบราณ”

        ต่อมา ศ.ดร.อุกฤษ และ คุณมณฑินี มงคลนาวิน ได้ทำหารซื้อบ้านหลังดังกล่าว และได้มอบให้กับทางวัดเทวราชกุญชร สร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง เพื่อให้เป็นศูยน์เผยแพร่ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนา และแหล่งการเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์ อีกทั้งเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในมงคลวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในมงคลวโรกาสที่ทรงเจริญ พระชนมพรรษา 75 พรรษา ปี พ.ศ. 2550

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027906.JPEG)
ห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 19 พระองค์

        ในส่วนที่ 2 จะเป็นห้องขนาดใหญ่ใกล้ๆ บันไดทางขึ้นชั้นสอง ที่ภายในจัดแสดงประวัติของ ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา 5 สมัย ผู้ที่มอบบ้านหลังนี้ให้กับทางวัดเพื่อแหล่งศึกษาเรียนรู้ และภายในห้องนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระสยามเทวาธิราช” องค์จำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทยให้ได้สักการะ

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027907.JPEG)
บรรยากาศห้องจัดแสงหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญ และแท่นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

        เสร็จจากสักการะองค์พระสยามเทวาธิราชแล้ว ฉันก็เดินไปยังห้องจัดแสดงอีกห้องหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในห้องนี้จัดแสดงประวัติของวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ที่ได้กล่าวไว้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดสมอแครง” คำว่า "สมอแครง" นั้น น่าจะมาจากคำว่าถมอแครง เป็นภาษาเขมร แปลว่าหินแกร่ง แต่เรียกเพี้ยนกันต่อมาเป็นวัดสมอแครง

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027908.JPEG)
หุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพุฒาจารย์โต

        จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระองค์ทรงรับวัดสมอแครงนี้เป็นพระอารามหลวง และพระราชทานชื่อวัดให้ใหม่ว่า "วัดเทวราชกุญชร" โดยนำชื่อมาจากพระนามเดิมของกรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ต้นสกุล กุญชร ณ อยุธยา พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ผู้ที่ทรงเป็นคนบูรณปฏิสังขรณ์วัดเทวราชกุญชรฯ อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สักทองแห่งนี้ในปัจุบัน และที่ห้องก็ยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระคลังมหาสมบัติ” องค์จำลอง ให้ได้ชมความสวยงามและสักการะองค์เทพารักษ์ผู้ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027909.JPEG)
แท่นประดิษฐาน "พระบรมสารีริกธาตุ"

        หลังจากชมนิทรรศการในชั้นล่างเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เดินขึ้นสู่ชั้นสองของพิพิธภัณฑ์ และได้พบกับห้องโถงขนาดใหญ่ที่จัดแสดงพระพุทธรูปโบราณสมัยอยุธยา และทางด้านซ้าย-ขวาของห้องโถงนี้มีห้องขนาดใหญ่อยู่สองห้อง ห้องแรกนั้นเป็นห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง 19 พระองค์ พร้อมประวัติในด้านคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติของทุกๆ ท่าน ตั้งแต่สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์แรก จนถึง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่ได้สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027910.JPEG)
“พระสยามเทวาธิราช” องค์จำลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองไทย

        ในห้องถัดมาเป็นห้องจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญและเกจิอาจารย์ชื่อดังของไทยหลายๆ ท่าน อาทิ สมเด็จพุฒาจารย์โต , หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต , พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) พร้อมกับประวัติของแต่ละท่านให้ได้ชมและศึกษา และภายในห้องนี้ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้ได้กราบสักการะขอพรกันอีกด้วย

(http://mpics.manager.co.th/pics/Images/558000013027911.JPEG)
เทพารักษ์ผู้ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน

        ปิดท้ายการตะลอนเที่ยวในสัปดาห์นี้ ฉันก็อยากจะบอกว่าพิพิธภัณฑ์สักทอง เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะได้ชมความสวยงามของเรือนไม้สักทองหลังงามที่หาดูได้ยากในปัจจุบันแล้ว ก็ยังจะได้ชมพระพักตร์ของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง 19 พระองค์ และหุ่นขี้ผึ้งพระมหาเถระรูปสำคัญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุญตาจริงๆ หากใครมีโอกาสแล้วเยี่ยมชมด้วยประการทั้งปวง
             
       พิพิธภัณฑ์สักทอง ตั้งอยู่ภายในวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น. ค่าเข้าชม 30 บาท พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ผู้สูงอายุ (อายุเกิน 60 ปี) เข้าชมฟรี
       การเดินทาง : รถโดยสารประจำทางสาย 9,524,64,3,30,33 หรือใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าเทเวศร์ แล้วเดินไปยังไปยังวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

       
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000125837 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000125837)