หัวข้อ: นำธาตุพุทธโลหะ อริยธาตุ(เหล็กไหล) มาเป็นสื่อให้มนุษย์มีศีลมีสัจจะ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 28, 2015, 09:00:31 am (http://www.banmuang.co.th/uploads/news/img/l/35627_th.jpg) พระอาจารย์สมพร นำธาตุพุทธโลหะ อริยธาตุ (เหล็กไหล) เป็นสื่อให้มนุษย์ยังไม่ถึงธรรม โยงเข้าให้มีศีลปรมัตถ์ยึดสัจจะ เหล็กไหล เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งในความเชื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ในมาเลเซียมีชื่อเรียกว่า บือซีรีเละ) มีมากมายหลายชนิดแต่ที่เชื่อกันแพร่หลายที่สุดนั้นจะฝังตัวอยู่ในถ้ำ มีลักษณะสีดำคล้ายนิล ลนไฟให้ยืดได้ เชื่อกันว่าในการไปเอาเหล็กไหลนั้นจะต้องใช้น้ำผึ้งชโลมก้อนเหล็กไหลแล้วใช้ไฟลนเหล็กไหลถึงจะยืดออกมากินน้ำผึ้งไปพร้อมกับเล่นไฟด้วย แล้วก็ลนไฟจนกระทั่งทั้งเหล็กไหลยืดออกมาเรื่อยๆ จนบางเท่าเส้นด้ายถึงจะตัดขาด ทั้งนี้ในการไปตัดเหล็กไหลนั้นกล่าวกันว่าคนธรรมดานั้นไม่สามารถตัดเหล็กไหลเองได้เนื่องจากมีเทพเจ้า เจ้าป่า เจ้าเขา พญานาค หรือยักษ์รักษาอยู่และพร้อมจะเข้าทำร้ายผู้เข้าไปเอาได้ ถ้าผู้นั้นไม่ใช่คนดีมีบุญหรือมีวิชาอาคมแกร่งกล้าพอ และตัวเหล็กไหลนั้นก็มีฤทธิ์ขัดขืนคนที่เข้าไปเอาได้ด้วย (เคยมีคนเข้าไปตัดเหล็กไหลแล้วเอามือไปจับเหล็กไหลแล้วมีอาการคล้ายถูกฟ้าผ่าหรือถูกไฟฟ้าแรงสูงดูด เป็นต้น) :96: :96: :96: :96: :96: เหล็กไหลที่ได้นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มากมักฝังไว้ตามตัวผู้ที่ครอบครองกล่าวกันว่าจะไม่มีอะไรที่ทำร้ายผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลได้ ทั้งมีด ปืน หรือแม้กระทั่งระเบิด ดินปืนทุกชนิดไม่สามารถจุดติดได้ในอาณาเขตที่มีเหล็กไหลอยู่ ในความเชื่อนี้กล่าวอีกว่าเหล็กไหลยังแบ่งเป็นสามระดับหรือสามชนิด คือ ระดับแรก ตัวเหล็กไหลเอง แวววาว เป็นส่วนที่ลนไฟให้ยืดได้ เป็นส่วนที่มีอิทธิฤทธิ์มากที่สุด เช่น เหล็กไหลปีกแมลงทับหรือเหล็กไหลโกฐปี เหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว เหล็กไหลเพชรดำ เหล็กไหลท้องปลาไหล ระดับสอง รังเหล็กไหล มีลักษณะแวววาวรองจากตัวเหล็กไหล ไม่สามารถลนไฟให้ยืดได้ เป็นส่วนที่ห่อหุ้มตัวเหล็กไหลไว้เป็นฐานรองเหล็กไหลแข็งแน่นติดกับผนังถ้ำ เช่น โคตรเหล็กไหล แร่เกาะล้าน แร่เม็ดมะขาม เหล็กไหลทรหด และระดับสาม ขี้เหล็กไหล มีลักษณะคล้ายน้ำตาเทียน ดำด้าน แข็งแต่ทุบให้แตกได้ง่าย เกิดจากการที่เหล็กไหลเคลื่อนผ่านทางนั้นแล้วเกิดขี้เหล็กไหลขึ้นมากล่าวว่าแทบไม่มีฤทธิ์ใดๆ :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: ในแง่วิทยาศาสตร์ เหล็กไหลก็คือโลหะหรือวัสดุอื่นที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเช่นอุกกาบาตจากนอกโลก ซิลิเกตจากใต้โลก และที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น เช่นปรอท แกลเลียม ซึ่งสามารถหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิห้อง หรือโลหะผสมอื่นๆ สีสันที่ดูเหมือนสีรุ้งเกิดขึ้นจากการแทรกสอดในฟิล์มบาง (thin-film interference) คือการแทรกสอดของแสงที่สะท้อนออกมาจากเนื้อวัตถุ สำนักป่าพระธรรมญาณมุนี ตั้งอยู่ที่ ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม พระปลัดสมพร สมวโร (พระอาจารย์ใหญ่) แห่งสำนักป่าพระธรรมญาณมุนี ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอัญเชิญเหล็กไหล หลายคนอาจสงสัยว่าเหล็กไหลคืออะไร เหตุใดผู้คนพากันลุ่มหลง แสวงหา ติดตาม พระอาจารย์ใหญ่สมพร ได้กล่าวถึงเรื่องพุทธโลหะอริยธาตุ หรือเหล็กไหลไว้ว่า “เหล็กไหลนั้นก็ตกอยู่ภายใต้ของภาวะของความไม่เที่ยงเช่นกัน ไม่ได้อยู่ในภาวะของความถาวรยั่งยืน หรือทรงรูปแบบดั่งเดิม อาตมาใช้เวลาในการเรียนรู้จากหลากหลายอาจารย์ หลายถ้ำ ในการอัญเชิญเหล็กไหลหรือแร่ธาตุกายสิทธิ์ ก็ได้เห็นภาวะของการเปลี่ยนแปลงของเหล็กไหลที่แตกต่างกันไป เปลี่ยนตามภูมิจิต ภูมิธรรม ภูมิประเทศ แล้วภูมิปัญญาของครูบาอาจารย์แต่ละรูปแต่ละนาม เหล็กไหลคือธาตุที่ตกมาเป็นรูปร่างโดยธรรมชาติ เป็นเหมือนกับก้อนแร่ จากก้อนแร่ก็วิวัฒนาการกลายเป็นเหมือนเมล็ดถั่ว จากรูปร่างเมล็ดถั่วก็ตกลงมาเป็นเขี้ยวเป็นงา เป็นแคปซูล จากธาตุต่างๆ ที่เป็นโลหะก็กลายเป็นแก้ว (http://www.banmuang.co.th/uploads/news/img/galleryL/35627_1451176516_2_th.jpg) อาตมาขอแบ่งว่าลักษณะการตกลงของเหล็กไหลก็ตกอยู่ภายใต้ของภาวะธาตุเช่นกัน คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ เพราะฉะนั้นที่ตกลงมาแรกๆ เป็นภาวะของธาตุดิน เป็นก้อนสีดำ เป็นทองเหลือง เป็นเงินยวง เป็นท้องปลาไหลฯ นี่คือตกอยู่ในภาวะของธาตุดินทั้งสิ้น ความไม่เที่ยงแท้ของรูปร่าง สีสัน ภูมิประเทศเลยทำให้เหล็กไหล แตกต่างวรรณะ สีสัน รวมถึงพิธีกรรมในการอัญเชิญ ขอให้ญาติโยมทั้งหลายตั้งจิตไว้เป็นกลาง อย่าหมายมั่นปั้นมือว่าสิ่งนี้จะศักดิ์สิทธิ์มากมายเหลือเกินจนสุดคณานับ เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรเลยที่จะนำความสุข นำความทุกข์ให้เรา วัตถุภายนอกเป็นภาวะที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เป็นไปตามเหตุและปัจจัยของตัวเองเท่านั้น เปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัยของภูมิประเทศ ตามกรรมวิบากของตัวเองเช่นกัน วัตถุภายนอกไม่ได้นำความทุกข์ความสุขให้คนหรอก สิ่งที่นำความสุขความทุกข์ให้กับเราคือการใส่ความรู้สึก และใส่ค่าแห่งความรู้สึกนั้น บางคนบอกว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นไสยศาสตร์ฉบับพระอาจารย์สมพร ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เป็นภูมิความรู้จริง ไสยศาสตร์เป็นเรื่องของการบวงสรวงอ้อนวอน เสนอ ติดสินบน มีการบนว่าจะได้สมความปรารถนาถึงจะให้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ให้ แต่การกระทำตามพิธีการต่างๆ มันเป็นประเพณี เป็นรูปแบบ เป็นศาสนพิธีที่เราต้องทำ มีบายศรี ธูป เทียน รวมจิตกัน มีสมาทานศีล ให้ศีล แสดงธรรมในถ้ำเพื่อเทพ อาตมาเป็นผู้กระทำย่อมรู้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เราห้ามคนที่จะมองไม่ได้ แต่การกระทำของเราเราย่อมรู้ดีธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อว่า “เหล็กไหล” เป็นภาวะหรือเป็นวัตถุธาตุที่แทนดวงจิตของเทพ พรหม ทุกภพทุกภูมิที่จะให้กับสาธุชนทั้งหลาย” :25: :25: :25: :25: เมื่ออาตมากล่าวคำอัญเชิญเทวดาและเทศนาโดยมุ่งให้เทพเทวดาที่เฝ้าธาตุกายสิทธิ์ให้เห็นธรรม ปล่อยวางด้วยหลักสติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต และธรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการอัญเชิญธาตุกายสิทธิ์จิตจะต้องเป็นกลางคือปราศจากความโลภโดย เทพเทวดาคงรู้ว่าผู้อัญเชิญมีจิตสะอาดปราศจากกิเลสอย่างหยาบเพียงใด ต่อมาเหล็กไหลก็ปรากฏรูปร่างให้เห็น โดยการระเบิดเป็นไฟก่อน จากนั้นก็ยืดย้อยลงมาจากเพดานถ้ำ การอัญเชิญเหล็กไหลแต่ละครั้งรูปร่างเหล็กไหลที่ยืดย้อยลงมานั้น มีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ เหมือนกัน การปรากฏรูปร่างให้เห็นของเหล็กไหล ที่ไหลย้อยมานั้นเป็นการต้อนรับผู้ที่มาเยือน ส่วนจะยืดย้อยลงมายาวแค่ไหนนั้น แต่ละครั้งไม่เหมือนกัน เมื่อเหล็กไหลยืดย้อยปรากฏให้เห็นแล้ว ชิ้นเหล็กไหลก็จะเริ่มตกลงมาจากเพดานถ้ำมากมายราวกับเม็ดฝนที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า หากอาตมาไม่ได้กำหนดจิตให้เหล็กไหลเป็นรูปทรงตกลงมา เหล็กไหลก็จะเป็นรูปทรงจากธรรมชาติ สิ่งที่อาตมาอัญเชิญไม่ตรงเป้าหมายของคนทั่วไป เป้าหมายของอาตมาอัญเชิญเพื่อประกาศธรรม เพื่อดำรงอยู่เพื่อธรรมะ เพื่อเป็นที่ดึงดูดของศรัทธาผู้ที่เป็นเหล่ากอแห่งเทวะ ซึ่งก็คือลูกหลานของเทวดา บุคคลใดที่เป็นลูกหลานของเทวดาบุคคลนั้นต้องมีหิริคือความละอายแก่ใจ โอตัปปะคือความเกรงกลัวต่อบาป พวกนี้เป็นลูกหลานของเทวดาทั้งนั้น การเข้ามาสนทนาธรรมกับอาตมาก็จะได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟัง ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ เป็นการทำความเห็นให้ถูกต้องได้ จึงเกิดสัมมาทิฐิ เกิดความศรัทธาความเชื่อ (http://www.banmuang.co.th/uploads/news/img/galleryL/35627_1451176516_4_th.jpg) อาตมาจะบอกเสมอว่า สิ่งที่อาตมาเชิญมาอย่าคิดว่า เป็นของวิเศษเลิศเลอในโลกนี้ มันไม่ใช่ สิ่งที่ประเสริฐที่สุด ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐสุด เพราะ ถ้าใครมีแล้วจะสงบทั้งกายและใจ แล้วสามารถข้ามสู่แดนวัฏฏสงสารได้ แต่เหล็กไหลข้ามแดนวัฏฏสงสารไม่ได้ เพราะสิ่งที่ญาติโยมเห็นคือสิ่งที่เทพทำขึ้นแล้วก็มีอานุภาพในส่วนหนึ่ง ถ้าหากฝึกปฏิบัติจิตตามหลักขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว โยมสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เหล็กไหลเป็นเพียงแค่เครื่องยึดเครื่องถือ เหมือนโยมจะพายเรือข้ามฝั่งก็ต้องอาศัยเรือข้ามไป ถ้าโยมมีธรรมะประเสริฐสุดแล้ว ถ้าโยมเห็นสัจธรรมถึงความไม่เที่ยง ความเป็นอนัตตาแล้วโยมจะไม่กลัวตายเลย และไม่ต้องมาหาอาตมาเลย แต่นี่เพราะโยมประหวั่นพรั่นพรึงในการพลัดพราก กลัวอันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่จะมาทำร้ายชีวิต จึงเดินทางมาหาเหล็กไหลเพราะคิดว่าเหล็กไหลเก่งเหลือเกิน st12 st12 st12 st12 ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหลต้องมีศีลมีสัตย์ เรียกว่าขั้นปรมัตถ์ ใครผิดศีลธาตุกายสิทธิ์จะหายไป ปัจจัยต่างๆ จากผู้ที่มาทำบุญ อาตมานำไปสร้างวัดวาอาราม บำรุงและสืบทอดพระพุทธศาสนาเพื่อให้มั่นคงสถาพร สิ่งลี้ลับทั้งหลายในโลกนี้ ที่มนุษย์ยังไม่รู้มีอีกมากมาย การปฏิเสธหรือยอมรับทันที โดยไม่พิจารณาอาจจะเข้าข่ายงมงายได้ ฉะนั้นควรวางจิตให้เป็นกลาง แล้วเข้าไปค้นหาพิสูจน์ก่อนจะเป็นสิ่งดีที่สุด กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ใหญ่สมพรที่ได้กรุณาเมตตาให้ข้อมูลเจ้าค่ะ ภารดา/รายงาน ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.banmuang.co.th/news/region/35627 (http://www.banmuang.co.th/news/region/35627) |