สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: หมิว ที่ ธันวาคม 12, 2010, 11:18:53 am



หัวข้อ: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: หมิว ที่ ธันวาคม 12, 2010, 11:18:53 am
ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่

  มีใครบ้างคะ

   :25:


หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ธันวาคม 12, 2010, 10:02:15 pm
ในครั้งพุทธการ เท่าที่จำได้ นะแต่จำนวน จริง ไม่แน่ใจ

1.สุปปพุทธะ ( อันนี้หาสาเหตุอยู่ )

2.นันทะมาณพ ข่มขืนพระอรหันตสาวิกา ภิกษุณีอุบลวรรณา

3.พระเทวฑัตร  อันนี้สาเหตุเยอะ แต่ครั้งสุดท้าย ทำ โลหิตุปบาท ยังเท้าของพระพุทธเจ้าให้ห้อเืลือด

4.นันทกะยักษ์ ประทุษร้ายพระสารีบุตร ขณะเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ

5.นางจิญมาณวิกา ( อันนี้หาสาเหตุอยู่ )

ใครคนไหน ทราบเรื่อง พอโพสต์เรื่องให้อ่านต่อทีนะ

เจริญพร

 ;)


หัวข้อ: สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 07:47:50 am
สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน

คนที่ ๑.
พระเทวทัต

 
(http://www.palungdham.com/news/five01.jpg)

(http://[url=http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=827417&stc=1&d=1263109467]http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=827417&stc=1&d=1263109467[/url])

โดยทั่วไปเราทราบกันว่า ในสมัยพระพุทธองค์มีคนที่ทำความชั่วจนถูกธรณีสูบไป 1 คน คือ พระเทวทัต แต่ความจริงมีถึง 5 ซึ่งทุกคนล้วนแต่ก่อกรรมทำเข็ญมุ่งร้ายต่อพระพุทธองค ์และสาวกของพระองค์ทั้งสิ้น

พระเทวทัต เป็นพระเชษฐาของพระนางยโสธราพิมพา ชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า พระเทวทัตตามล้างตามผลาญพระพุทธองค์มาแล้วหลายชาติ

แรกเริ่มนั้น เมื่อครั้งพระเทวทัตเกิดเป็นพ่อค้า พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพ่อค้าเช่นกัน ได้มีหญิงชราเป็นผู้ดีตกยากนำถาดทองสมบัติเก่าที่ยัง เหลืออยู่ไปขายพระเทวทัต เพื่อจะหาเงินยังชีพ ด้วยนิสัยพ่อค้าที่คดด้วยเล่ห์ พระเทวทัตจึงบอกว่าถาดนั้นไม่ได้ทำด้วยทองแท้และตีรา คาให้ต่ำ หญิงชราทราบดีว่าสมบัติเก่าของนางนั้นเป็นของมีค่า จึงไม่ยอมขายให้ พอดีกับพระพุทธองค์ขณะเสวยชาติเป็นพ่อค้าเสด็จผ่านมา หญิงชราจึงนำถาดทองเสนอขาย พระพุทธองค์เห็นว่าเป็นถาดที่ทำด้วยทองแท้ จึงให้ราคาสมกับค่าของถาด หญิงชราจึงได้ขายสมบัติชิ้นสุดท้ายนั้นให้พระพุทธองค ์

เรื่องนี้สร้างความโกรธแค้นแก่พระเทวทัตมาก เพราะถ้าไม่มีพระพุทธองค์ หญิงชราก็จำต้องขายให้ตนเพราะความยากจนบีบบังคับ พระเทวทัตจึงกำทรายขึ้นมา 1 กำมือ แล้วหว่านออกไปพร้อมกับประกาศว่า จะขอจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ไปทุกชาติ เท่ากับเม็ดทรายเม็ดละชาติ

จากนั้นพระเทวทัตก็ติดตามจองเวรกับพระพุทธองค์มาหลาย ชาติ ชาติสุดท้ายก่อนเกิดเป็นพระเทวทัตจนถูกธรณีสูบ ได้เกิดเป็นชูชกขณะที่พระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระเวส สันดร

ในชาติที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเ จ้านี้ พระเทวทัตก็มีจิตริษยาอาฆาตพระพุทธองค์มาแต่เยาว์วัย เมื่อพระพุทธองค์ทรงผนวช พระเทวทัตก็ออกผนวชด้วย และเมื่อพระพุทธองค์บรรลุพระโพธิญาณ พระเทวทัตก็สำเร็จโลกีย์ญาณ ได้อภิญญาสามารถแปลงกายและเหาะเหินเดินอากาศได้

(http://www.palungdham.com/news/five02.jpg)
นายขมังธนูซึ่งพระเทวทัตส่งไปฆ่าพระพุทธองค์ ปลงอาวุธ ฟังธรรม สำเร็จมรรคผล

แม้จะสำเร็จถึงขั้นนี้แล้ว พระเทวทัตก็ยังมุ่งประกอบการชั่วจองล้างจองผลาญพระพุ ทธองค์ตลอด ครั้งหนึ่งได้ส่งนายขมังธนูไปปลงพระชนม์ เพื่อจะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง เมื่อไม่สำเร็จก็ยุยงให้พระเจ้าอชาติศัตรูที่เคยเลื่ อมใสพระพุทธองค์ จนหลงผิดถึงขั้นปลงพระชนม์บิดาของตัวเอง และยังยุให้มอมเหล้าช้างนาฬาคีรีให้เมามันดุร้ายไปทำ ร้ายพระพุทธเจ้า ทั้งยังยุยงหมู่สงฆ์สาวกของพระพุทธองค์ว่าพระองค์ยัง พัวพันกับกิเลส มัวหมองในพรหมจรรย์ ฉันพระกระยาหารที่ปรุงด้วยเนื้อสัตว์ ขณะที่พระเทวทัตหันไปฉันมังสวิรัติ และโอ้อวดว่ามีพรหมจรรย์ที่เหนือกว่า

ความชั่วร้ายต่างๆ ที่พระเทวทัตสะสมมาหลายชาติ ก็ได้บันดาลให้แผ่นดินลงโทษ เพราะไม่อาจจะแบกความชั่วไว้ได้ต่อไป แยกตัวออกสูบพระเทวทัตตกลงขุมนรกอเวจี หมกไหม้ไม่ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป


หัวข้อ: สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 07:54:05 am
สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน

คนที่ ๒.
สุปปะพุทธะ

ส่วนคนที่ 2 ซึ่งถูกธรณีสูบในสมัยพุทธกาลก็คือ สุปปะพุทธะ ซึ่ง เป็นพระราชบิดาของพระเทวทัตและพระนางยโสธราพิมพา พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะนั่นเอง เมื่อรู้ว่าพระเทวทัตถูกธรณีสูบเพราะจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ แทนที่สุปปะพุทธะจะสำนึกในบาปบุญคุณโทษ กลับมีจิตโกรธแค้นอาฆาต ทั้งยังโกรธแค้นเจ้าชายสิทธัตถะที่ทอดทิ้งธิดาของตนอ อกผนวช จึงนำอำมาตย์ข้าราชบริพารไปนั่งดื่มสุรา ขวางทางที่พระพุทธองค์จะออกโปรดเวไนยสัตว์ ทำให้พระพุทธองค์เสด็จดำเนินไม่ได้เพราะมีทางออกอยู่ ทางเดียว ถึงกับต้องอดพระกระยาหารไป 1 วัน

เมื่อพระอานนท์ทูลถามถึงความผิดของสุปปะพุทธะที่กระท ำเช่นนั้น พระพุทธองค์ซึ่งทราบด้วยญาณ จึงตรัสว่า

“ดูก่อนอานนท์ หลังจากนี้ไปได้เจ็ดวัน สุปปะพุทธะจะลงอเวจีตามเทวทัตไป”

เมื่อสุปปะพุทธะทราบถึงพุทธดำรัส จึงขึ้นไปประทับบนชั้น 7 ของปราสาท ทั้งยังให้นายทวารคอยขัดขวางไว้ไม่ให้พระองค์ออกจากปราสาทใน 7 วัน

สุปปะพุทธะประทับอยู่ในปราสาทชั้น 7 จนถึงวันที่ 7 ก็ได้ยินเสียงม้าแก้ว ซึ่งเป็นม้าที่ทรงโปรดร้องก้อง ด้วยความเป็นห่วงม้า สุปปะพุทธะจึงวิ่งลงมา เหล่านายทวารก็คิดว่าครบ 7 วันตามกำหนดแล้ว จึงไม่มีผู้ใดขัดขวางไว้

พอสุปปะพุทธะก้าวพ้นปราสาท เหยียบพระบาทลงบนพื้น ธรณีก็เปิดออก สูบสุปปะพุทธะลงสู่ขุมนรกอเวจีตามพุทธดำรัสที่ทรงรู้ ด้วยญาณ


หัวข้อ: สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:00:00 am
สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน

คนที่ ๓.
พระอุบลวรรณาเถรี

(http://www.palungdham.com/news/five07.jpg)

รายที่ 3 ที่ถูกธรณีสูบอีกคนก็คือ นันทมานพ แม้จะมิได้ทำร้ายต่อพระพุทธเจ้าโดยตรง แต่ก็ได้ทำผิดขั้นร้ายแรงต่อพระอรหันต์

เหยื่อของนันทมานพ ก็คือ ท่านอุบลวรรณาเถรี สตรีผู้มีโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของชายผู้พบเห็นตั้งแต่พระราชาและเศรษ ฐี คหบดีทั่วไป แต่ท่านอุบลวรรณาเถรีเบื่อหน่ายในโลกีย์สุข ต้องการหาความสงบตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จึงออกบรรพชาเป็นภิกษุณีตั้งแต่อายุได้ 16 ปี ในที่สุดก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

แม้ท่านอุบลวรรณาเถรีจะก้าวไปอยู่ในโลกแห่งความสงบ ปราศจากกิเลสใดๆ แล้ว แต่นันทมานพก็ยังฝังใจด้วยกิเลสตัณหา ปรารถนาจะลิ้มรสสวาทจากนางให้ได้ วันหนึ่งจึงไปแอบซุ่มอยู่ในป่าข้างกระท่อมที่ท่านอุบ ลวรรณา จำพรรษาอยู่ เมื่อเห็นว่าออกจากกระท่อมไปบิณฑบาตแล้ว นันทมานพก็เข้าไปซ่อนอยู่ใต้เตียง และเมื่อท่านอุบลวรรณฯ กลับมานันทมานพก็เข้าปลุกปล้ำ แม้ท่านอุบลวรรณฯ จะร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยิน เพราะอยู่ในป่าเปลี่ยววิเวก พระอรหันต์อุบลวรรณาเถรีจึงได้กล่าวกับนันทมานพหวังจ ะเตือนสติให้เขาสำนึกในการกระทำว่า

“จงอย่าทำเช่นนี้เลย ความหายนะจะมาสู่ท่าน”

นันทมานพก็หาฟังไม่ ปลุกปล้ำท่านอุบลวรรณฯ จนสำเร็จดังใจปรารถนา แต่พอเขาก้าวลงจากแคร่ ธรณีก็เปิดอ้าสูบลงไปในขุมนรกอเวจี เพราะกรรมที่เขาก่อกับพระอรหันต์นั้นหนักหนาสาหัสนัก

การที่ท่านอุบลวรรณฯ ถูกกระทำเช่นนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของภิกษุ ภิกษุณี และพุทธบริษัททั้งปวงว่า เมื่อท่านอุบลวรรณฯ ได้รับการสัมผัสเช่นนี้ ย่อมจะฝืนความยินดีให้คล้อยตามไปด้วยยาก พระพุทธองค์จึงตรัสบอกกับพุทธสาวกว่า

“พระอรหันต์นั้นเป็นเช่นเดียวกับไม้ผุ ไม่มีกิเลสและไม่มีความยินดีในกิเลส เฉกเช่นตุ๊กตาที่ไม่มีความปรารถนาในการสัมผัสฉันใด พระอรหันต์ก็เป็นฉันนั้น...”

(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=827418&stc=1&d=1263109467)



หัวข้อ: สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:03:45 am
สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน

คนที่ ๔.
นางจิญจมาณวิกา

(http://www.palungdham.com/news/five05.jpg)

รายที่ 4 ที่ถูกธรณีลงโทษเป็นหญิง และเป็นหญิงรายเดียวใน 5 รายที่ถูกธรณีสูบ ซึ่งได้ทำบาปกรรมต่อพระพุทธองค์โดยตรง นางนี้มีนามว่า จิญจมาณวิกา หลงผิดไปรับอาสาจากพวกปริพพาชก ผู้เชื่อถือศรัทธาในนิกายหนึ่ง ซึ่งเกิดความอิจฉาริษยาที่เห็นคนไปเคารพเชื่อถือในคำ สอนของพระพุทธองค์ จึงว่าจ้างให้นางจิญจมาณวิกาแกล้งทำเป็นหญิงมีครรภ์ โดยเอาไม้กลึงนูนไปผูกรัดไว้ที่หน้าท้องในเสื้อผ้า ให้ดูเหมือนนางกำลังมีครรภ์ แล้วไปเต้นร้องต่อหน้าพระพุทธองค์ขณะที่กำลังเทศนาแก ่สาวกว่า

“ท่านสมณะโคดม จะมัวมาเทศน์หน้านวลอยู่ไย ทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้มิดูแล อย่ามัวเทศน์โปรดสัตว์อยู่เลย จงไปตัดฟืนไว้ให้ฉันดีกว่า เมื่อเวลาคลอดลูกจะมิลำบาก”

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสดับจึงหยุดเทศนา กล่าวกับนางจิญจมาณวิกาด้วยท่าทีสงบว่า

“ดูก่อนภักคินี เรื่องที่เธอกล่าวนั้น คนอื่นเขาไม่รู้ด้วยหรอก จะมีเธอกับฉันสองคนเท่านั้นที่รู้”
 
(http://www.palungdham.com/news/five04.jpg)
พระอินทร์แปลงร่างเป็นหนู ไปกัดเชือกที่หน้าท้องของนางจิญจมาณวิกา

เหล่าพุทธบริษัททั้งหลายที่ได้ฟังต่างก็สงสัย ด้วยพระพุทธองค์ก็มิได้ทรงปฏิเสธ ร้อนถึงพระอินทร์ต้องแปลงร่างเป็นหนู ไปกัดเชือกที่หน้าท้องของนางจิญจมาณวิกา เมื่อเชือกขาดไม้ที่ทำให้ท้องนูนเหมือนคนท้องจึงหลุด ลงท่ามกลางสายตาของพุทธบริษัท นางตกใจวิ่งหนีไปแต่พอลับตา ธรณีก็สูบเอาลงขุมนรกอเวจีไปอีกราย

นางจิญจมาณวิกาผู้นี้ เมื่อชาติก่อนเกิดเป็นนางอมิตตา ภริยาชูชก หรือพระเทวทัตที่จองเวรพระพุทธองค์มาหลายชาติ


หัวข้อ: สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:10:54 am
สมัยพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ ๕ คน

คนที่ ๕.
นันทยักษ์

(http://www.palungdham.com/news/five06.jpg)

(http://www.amulet.in.th/forums/images/1839.jpg)
ภาพประกอบ : ยักษ์หน้าถ้ำที่คูหาภิมุข


ส่วนรายที่ 5 ที่ถูกธรณีสูบไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นยักษ์ มีนามว่า นันทยักษ์ ซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก วันหนึ่ง นันทยักษ์ได้เหาะเหินเดินอากาศมากับเหมตายักษ์ ผู้เป็นสหาย ครั้นผ่านมาถึงที่พระสารีบุตร สาวกของพระพุทธองค์กำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ทำให้อากาศธาตุในบริเวณนั้นว่างเปล่า ยักษ์สองสหายไม่สามารถเหาะผ่านไปได้ นันทยักษ์ผู้มีนิสัยพาล ชาติก่อนก็อาฆาตผูกพยาบาทพระเถระไว้
 
(http://www.larnbuddhism.com/puttaprawat/image/44.gif)
พระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌาย์บรรพชาให้พระราหุล เป็นสามเณรรูปแรกในพระศาสนา

จึงทำปาณาติบาตต่อพระสารีบุตรด้วยสันดานพาล เหมตายักษ์ ได้ทัดทาน แต่นันทยักษ์ก็ไม่ฟัง เหาะขึ้นกลางอากาศแล้วใช้กระบองซึ่งเป็นอาวุธประจำตน ฟาดลงมาหมายเศียรของพระสารีบุตร ความแรงของอิทธิฤทธิ์นันทยักษ์ทำให้ภูเขาระเนระนาดไป ถึง 100 ลูก แต่พระสารีบุตรซึ่งอยู่ในสมาธิหาเป็นอันตรายอย่างใดไ ม่ ยิ่งทำให้นันทยักษ์เกิดเร่าร้อนในอารมณ์ ตะโกนก้องไปทั่วทิศว่า[/color]

“เราร้อน....เราร้อน”

ทันใดก็ตกลงมาจากอากาศ พลันแผ่นดินก็เปิด สูบเอานันทยักษ์ลงขุมนรกอเวจีไปอีกราย นับเป็นรายที่ 5 ในสมัยพุทธกาล

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTJxNdqUUbi8A5dHYy9Vx-N2UlcWmgGf0IZ_5tm6r1Y_MxpXVpv)
พระสารีบุตรเถระเป็นพระอุปัชฌาย์บรรพชาให้พระราหุล เป็นสามเณรรูปแรกในพระศาสนา

มาถึงยุคนี้แผ่นดินคลายความศักดิ์สิทธิ์ลง ไม่ได้สูบใครลงขุมนรกอเวจีอีก ไม่งั้นคนที่ทำลายพระศาสนา เช่น ตัดเศียรพระพุทธรูป ปล้นฆ่าพระสงฆ์คากุฏิ หรือว่าหรอกเงินพุทธบริษัทที่ศรัทธาเอาไปมีเมีย เคลมผู้หญิงในกุฏิ ก็คงถูกธรณีสูบลงขุมนรกอเวจีหมด หรือว่าธรณีจะมีวิธีลงโทษให้ตกนรกหมกไหม้ในวิธีอื่นก็ได้นะ


ที่มา http://www.palungdham.com/t448.html (http://www.palungdham.com/t448.html)
http://board.palungjit.com/f8/5- (http://board.palungjit.com/f8/5-)คนที่ถูกธรณีสูบสมัยพุทธกาล-221870.html



หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:12:21 am
อ้างถึง
ถึงกับต้องอดพระกระยาหารไป 1 วัน

กรณีของ สุปปุพุทธะ นี้ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว ไม่น่าจะถึงขั้นอนันตริยกรรม เลยแต่ถูกธรณีสูบ

หรือ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย มีวินิจฉัย อย่างไรกับกรณี อย่างนี้ครับ

ขอบคุณเนื้อหามากครับ

 :25:


หัวข้อ: พระเจ้าอชาตศัตรูกระทำอนันตริยกรรม
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:15:50 am
ผู้ที่ถูกธรณีสูบในสมัยพุทธกาล

๑.  สุปปพุทธศากยราช       เหตุเพราะ  ปิดทางโคจรบิณฑบาตของพระพุทธเจ้า
๒.  พระเทวทัต                  เหตุเพราะ  ทำสังฆเภทและทำร้ายพระพุทธเจ้าให้พระบาทห้อพระโลหิต
๓.  นางจิญจมาณวิกา         เหตุเพราะ  ใส่ความพระพุทธองค์ในอสัทธรรมอันไม่เป็นจริง
๔.  นันทมาณพ                  เหตุเพราะ  ประทุษร้าย นางอุบลวรรณาเถรี ภิกษุณีผู้สำเร็จพระอรหันต์
๕.  นันทยักษ์                    เหตุเพราะ  ประหารพระสารีบุตร

ส่วนพระเจ้าอชาตศัตรูเกิดสำนึกตัวที่ทรงกระทำอนันตริยกรรม รู้สึกไม่สบายพระทัย จึงปรึกษาเหล่าข้าราชบริพาร ได้รับคำแนะนำให้ไปฟังธรรมจากครูทั้ง  ๖  แต่พระองค์มิได้รู้สึกเลื่อมใส หมอชีวกโกมารภัจจ์จึง กราบทูลให้ไปฟังพระธรรมเทศนาจากพระบรมศาสดา ยังผลให้พระเจ้าอชาตศัตรูถึงประกาศตัวเป็นอุบาสกผู้ถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งไปตลอดชีวิต

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลขอประทานอภัยโทษที่เคยร่วมกับพระเทวทัตคิดประทุษร้ายพระบรมศาสดา เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทานอภัยและพระเจ้าอชาตศัตรูทูลลากลับไปแล้ว พระบรมศาสดาได้ตรัสแก่ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายว่า

           “พระราชาองค์นี้ได้ถูกกรรมอันหนักราญรอนเสียแล้ว หากพระองค์ไม่กระทำปิตุฆาต
            ปลงพระชนม์ชีพพระราชบิดาผู้ดำรงธรรม ธรรมจักษุอันปราศจากมลทิน คือ พระโสดาปัตติผล       
            จะบังเกิดแก่เธอ ณ ที่ประทับนี้ทีเดียว

ที่มา http://www.phutthathum.com/ (http://www.phutthathum.com/)พระพุทธเจ้า /ผู้ที่ถูกธรณีสูบในสมัยพุทธกาล


หัวข้อ: ภาพธรณีสูบ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:19:53 am
ภาพธรณีสูบ

(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=827424&stc=1&d=1263109874)

(http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=827425&stc=1&d=1263109874)

ภาพธรณีสูบ จาก http://board.palungjit.com/f8/5- (http://board.palungjit.com/f8/5-)คนที่ถูกธรณีสูบสมัยพุทธกาล-221870.html


หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:24:27 am
อ้างถึง
มาถึงยุคนี้แผ่นดินคลายความ ศักดิ์สิทธิ์ลง ไม่ได้สูบใครลงขุมนรกอเวจีอีก ไม่งั้นคนที่ทำลายพระศาสนา เช่น ตัดเศียรพระพุทธรูป ปล้นฆ่าพระสงฆ์คากุฏิ หรือว่าหรอกเงินพุทธบริษัทที่ศรัทธาเอาไปมีเมีย เคลมผู้หญิงในกุฏิ ก็คงถูกธรณีสูบลงขุมนรกอเวจีหมด หรือว่าธรณีจะมีวิธีลงโทษให้ตกนรกหมกไหม้ในวิธีอื่นก็ได้นะ

 :s_laugh: :s_laugh:

แต่ว่า ผมว่าจาก สถิติ เรื่องแผ่นดินสูบมนุษย์ มีมากขึ้นนะครับ เพียงแต่ พวกมารศาสนาที่ทำกรรมนั้นไม่ปรากฏ

ชัดเจน ตัวอย่าง ที่ประเทศจีน แผ่นดินกลืนมนุษย์ไปเป็นหมื่น สมัยนี้เขาขุดขึ้นมาได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

อินโดนีเซีย ก็โดนไปเยอะ


   ไม่ต้องมองไกลหรอกครับ ประเทศอินเดีย เช่นเจดีย์พุทธคยา สถานที่สำคัญนั้น ล้วนอยู่ใต้ดิน 20 - 25 เมตรที่เราเห็นกันทุกวันนี้เขาขุดดินออกแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่า ดินได้ท่วมประเทศอินเดียในสมัยนั้น

http://www.youtube.com/watch?v=HufET8Duzt8&feature=player_embedded# (http://www.youtube.com/watch?v=HufET8Duzt8&feature=player_embedded#)!

ยังวีดีโอคลิปนี้ เต้นบันเทิงกันอยู่ดี ๆ แผ่นดินเอาพวกเต้นไปหมดเลย กรรมอะไรหนอ





หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:29:28 am
อย่างนี้ผมว่า น่าจะมีปัญหา อีกสักอันนะครับ ว่า

คนที่ถูกฟ้าผ่า เพราะทำชั่ว นี่มีเท่าไหร่ในครั้งพุทธกาล

ในปัจจุบันผมสังเกต ดูจะเป็นฟ้าลงโทษ มากกว่าในอดีต

  เรื่องนี้ผมสนับสนุน พวกมารศาสนา จะได้รู้สึกกลัวกันบ้าง

    :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: ครูนภา ที่ ธันวาคม 14, 2010, 10:10:10 am
อนุโมทนา คะ


หัวข้อ: Re: ในครั้งพุทธกาล มีผู้ถูกธรณีสูบ จำนวนเท่าไหร่
เริ่มหัวข้อโดย: sangtham ที่ ธันวาคม 14, 2010, 08:51:27 pm
อย่างนี้ผมว่า น่าจะมีปัญหา อีกสักอันนะครับ ว่า

คนที่ถูกฟ้าผ่า เพราะทำชั่ว นี่มีเท่าไหร่ในครั้งพุทธกาล

ในปัจจุบันผมสังเกต ดูจะเป็นฟ้าลงโทษ มากกว่าในอดีต

  เรื่องนี้ผมสนับสนุน พวกมารศาสนา จะได้รู้สึกกลัวกันบ้าง

    :25: :25: :25:

เข้าท่านะครับ คำถามนี้ ฟ้าผ่าตาย จะเกี่ยวกับ ทำไม่ดีหรือป่าว น้า

 :25: