หัวข้อ: ย้อนอดีตกรุ(ง)แตก : เปิดกรุวัดราชบูรณะ ตอนที่ 11 ‘ค้นพบจิตรกรรม’ (ต่อ) เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 20, 2016, 09:00:33 am (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/04/IMG_2728.jpg) ย้อนอดีตกรุ(ง)แตก : เปิดกรุวัดราชบูรณะ ตอนที่ 11 ‘ค้นพบจิตรกรรม’ (ต่อ) เมษายน เป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ไทยมากมาย หนึ่งในนั้น คือการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในวันอังคาร เดือน 5 ขึ้น 9 ค่ำ ปีกุน นพศก ตรงกับ 7 เมษายน พ.ศ.2310 เป็นเหตุให้มีการย้ายราชธานีลงไปทางทิศใต้ ณ กรุงธนบุรี ก่อนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯทุกวันนี้ พระราชวังโบราณ อีกทั้งวัดวาอารามที่เคยงดงามเกินบรรยายต่างทรุดโทรม ร่วงโรย และรกร้าง กรุงศรีอยุธยาที่เคยรุ่งโรจน์กลายเป็นเพียงอดีต ต่อมาในราว พ.ศ.2499 เกิดเรื่องที่ทำให้ชื่อของราชธานีแห่งนี้กลับมาอยู่ในความสนใจของคนไทยอีก ครั้ง นั่นคือเหตุการณ์ ‘กรุแตก’ ซึ่งเริ่มมีเค้าลางมาจากเรื่องที่เล่ากันหนาหูว่า มีผู้เสียสตินำเครื่องทองงดงามระยับไปร่ายรำท่ามกลางชุมชนใน ‘ตลาดเจ้าพรหม’ ตลาดใหญ่ในตัวเมืองอยุธยา กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว เรื่องนี้ถูกนำมาสอดแทรกไว้ในเรื่องสั้น “ขุนเดช” ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ด้านประวัติศาสตร์ในเครือ “มติชน” สุจิตต์เล่าว่า ตนได้ข้อมูลมาจาก “อามหา-จิรเดช ไวยโกสิทธิ์” หรือขุนเดชตัวจริงในเรื่องสั้นชุดดังกล่าวที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง :96: :96: :96: :96: เหตุการณ์จริงต่อจากนั้น คือในเดือนกันยายน พ.ศ.2500 กรมศิลปากรได้พบเครื่องทองคำราชูปโภค พระพุทธรูป สถูปทองคำ และพระพิมพ์มากมายภายในพระปรางค์องค์ใหญ่ของวัดราชบูรณะ รวมถึงภาพจิตรกรรมล้ำค่า จากนั้นได้หาทางทำอุโมงค์และบันไดลงไปในกรุลึกลับ ต้องคลำทาง วางแผน บันทึกผังกรุ และโบราณวัตถุมหาศาลที่ได้พบอย่างไม่คาดฝัน กลายเป็นหนึ่งในอภิมหาตำนานแห่งการค้นพบมรดกอันประเมินค่าไม่ได้จากบรรพชน ยุคกรุงศรีอยุธยาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวทั้งหมดรวมถึงรายละเอียดของการขุดกรุดังกล่าวในทุกขั้นตอน ถูกบันทึกไว้อย่างถี่ถ้วนและเต็มไปด้วยสีสัน ผ่านบทความของนักวิชาการด้านโบราณคดีที่รวมสรรพกำลังทางวิชาความรู้มาร่วม กันวิเคราะห์ตีความวัตถุล้ำค่ามากมาย โดยมีการพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2502 หรือเกือบ 60 ปีมาแล้ว ซึ่ง “มติชน” จะทยอยทำเสนอเป็นตอนๆ ดังเนื้อหาต่อไปนี้ (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/04/cover_khundej_resize.jpg) ขุนเดช การค้นพบจิตรกรรมไทยครั้งใหม่ (ต่อจากตอนที่แล้ว) โดย ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี คณบดีคณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร สิ่งที่สะดุดใจเราเป็นที่สุดนั้น คือรูปคนหลายคน ดูช่างละม้ายคล้ายคลึงกับรูปคนที่เขียนฝาผนังถ้ำอชันตะ (ในประเทศอินเดีย) ทำให้สงสัยว่า ศิลปินอยุธยาได้ภาพจำลองขนาดเล็กของภาพจิตรกรรมชั้นเยี่ยมของอินเดียเหล่านั้นมาเป็นแบบอย่างหรือไฉน อีกอย่างหนึ่ง ภาพหมู่เทวดา 4 องค์นั่งประนมมือ ก็มีลักษณะโดยเฉพาะเป็นศิลปะแบบอินเดียอยู่มาก รูปหมู่เทวดานี้อาจจูงใจให้เรานึกไปถึงภาพจำหลักลายเส้นบางภาพบนแผ่นหินที่วัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย สมัยพุทธศตวรรษที่ 19 (คริสต์ศตวรรษที่ 13) อีกด้วย และสงสัยว่าศิลปินสุโขทัยและศิลปินอยุธยาได้รับความบันดาลใจมาจากศิลปะอินเดียแหล่งเดียวกันกระมัง ที่ดูแตกต่างไปจากแบบฉบับของอินเดีย ก็มีเพียงลักษณะเดียวเท่านั้น คือ แบบรูปนัยน์ตาของภาพดูกระเดียดมาทางบบจีนมากกว่าจะเป็นแบบอินเดียหรือไทย (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/04/DSCF6654-1-768x512.jpg) จิตรกรรมวัดราชบูรณะ ดังได้กล่าวมาแล้วว่า ภาพรูปคนนั้นมีขนาดแตกต่างกัน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ภาพที่ใหญ่ๆ บางภาพเป็นฝีมือของศิลปินชั้นอาจารย์ ส่วนบางภาพ เช่น รูปนายฉันน์กำลังวิปโยคกับม้ากัณฐกะกำลังหมอบนั้น ดูเป็นฝีมือชั้นลูกศิษย์ รูปพระพุทธรูปลีลานั้น มีลักษณะของอู่ทองแท้ทีเดียว เว้นแต่ลีลาท่าทางและพระเกตุมาลาขนาดย่อมๆเหนือพระเศียร แทนที่จะมียอดเป็นบัวตูมแบบอู่ทอง กลับแสดงอิทธิพลเป็นแบบสุโขทัย แต่อิทธิพลสุโขทัยที่มีอยู่ในภาพจิตรกรรมเหล่านี้ ก็อาจสังเกตได้เฉพาะในพระพุทธรูปลีลาเท่านั้น งานประติมากรรมที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกันนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า มีอิทธิพลขงงานประติมากรรมแบบคลาสสิก สมัยสุโขทัยเข้ามาเจริญรุ่งเรืองอยู่พร้อมแล้ว บรรดารูปสัตว์ต่างๆ อาทิ เช่น ช้าง ปลา กุ้ง และโดยเฉพาะภาพม้านั้น ได้เขียนกันตามแบบรูปของสัตว์จริงด้วยเส้นพู่กันที่มั่นคงแน่นอน หัวข้อเรื่องและรูปคนหลายอย่างต่างชนิดที่ไม่เป็นไปตามแบบศิลปะซึ่งมีบัญญัตินิยมก็ดี และโดยเฉพาะวิธีการวาดซึ่งแทรกจิตใจและความรู้สึกอ่อนไหว (ของศิลปิน) ก็ดี (เหล่านี้) กระทำให้การเปิดกรุครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่องานศิลปะทางจิตรกรรมของไทย (โปรดติดตามตอนต่อไป) (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/04/IMG_2729-768x387.jpg) จิตรกรรมพระอดีตพุทธเจ้าในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/04/DSCF6628-768x512.jpg) วัดราชบูรณะในปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปยังพะระปรางค์เพื่อเยี่ยมชมกรุมหาสมบัติอย่างไม่ขาดสาย ที่มาข้อมูล : หนังสือ จิตรกรรมและศิลปวัตถุ ในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหนังสือ พระพุทธรูปและพระพิมพ์ ในกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิมพ์เผยแพร่ครั้งที่ 2 โดยกรมศิลปากร เมื่อ พ.ศ.2558 ขอขอบคุณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขอบคุณบทความและภาพจาก http://www.matichon.co.th/news/105459 (http://www.matichon.co.th/news/105459) |