|
หัวข้อ: รอยทวารวดีอู่ทอง กับการฟื้นฟูคู่ทำใหม่...มีหลักฐานชี้ว่า อู่ทอง คือ สุวรรณภูมิ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 24, 2016, 09:08:14 am (http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuiC2P6WeNfOgBzgpYTZYmZc6N1Uy9qJQLonKx9f.jpg) รอยทวารวดีอู่ทอง กับการฟื้นฟูคู่ทำใหม่ เมืองโบราณอู่ทองมีการขุดค้นทางโบราณคดีหลายรอบ ครั้งสำคัญที่รู้จักกันไปทั้งโลกคือ การขุดค้นของ ศ.ฌอง บวสเซอลิเยร์ นักโบราณคดีฝรั่งเศส ขุดค้นระหว่าง พ.ศ.2506-2509 พบหลักฐานทางโบราณคดีเป็นจำนวนมาก ชิ้นสำคัญที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาคือ รูปปั้นพระดินเผาศิลปะอมราวดี เป็นภาพพระสงฆ์ 3 รูป ครองจีวรริ้วอุ้มบาตร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 7-9 เป็นต้น ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2558 อาจารย์สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง หัวหน้าภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พร้อมนักศึกษาขุดค้นเมืองโบราณอู่ทองอีกครั้ง พบโครงกระดูกเด็กทารกมีสร้อยลูกปัดแก้วสีเขียวอมฟ้ามัดอยู่ที่เข่าทั้ง 2 ข้าง โครงกระดูกนั้นเบื้องต้น อาจารย์บอกว่า แสดงให้เห็นถึงการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง สงสัยว่าทารกนั้นอยู่ในวัฒนธรรมทวารวดี เมื่อส่งตัวอย่างผงถ่านไปตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ก็ทราบว่า โครงกระดูกทารกมีอายุกว่า 1,700 ปี :96: :96: :96: :96: :96: การขุดค้นทางโบราณคดีของอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร สอดคล้องกับข้อเขียนของสุจิตต์ วงษ์เทศ ว่า “ย่านศูนย์กลางของสุวรรณภูมิอยู่บริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีน ตั้งแต่บ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ถึงบ้านจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี” ในเขตเมืองโบราณอู่ทอง มีร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีหนาแน่น ปัจจุบันมีความพยายามฟื้นฟูวัตถุพยานเหล่านั้นขึ้นมา เพื่อให้อนุชนได้เห็นรอยอดีตของเมืองโบราณอู่ทอง ต้นเดือนมีนาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา หอจดหมายเหตุท่านพุทธทาสภิกขุ ร่วมกับสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง (อพท.) พาสื่อมวลชนไปสัมผัสร่องรอยประวัติศาสตร์ สถานที่แรกคือ วัดเขาดีสลัก ตำบลดอนคา อำเภออู่ทอง ยอดเขาดีสลักมีรอยพระพุทธบาทสันนิษฐานว่า สร้างสมัยทวารวดีตอนปลาย สลักเป็นรูปมงคล 108 ประการ วัดสร้างแท่นและทำมณฑปครอบไว้ แต่ละวันมีพุทธศาสนิกชนเข้ากราบนมัสการ :25: :25: :25: :25: นอกจากมีรอยพระบาทแล้ว ยังเคยมีการขุดค้นพบพระพิมพ์ถ้ำเสือจนตกเป็นข่าวโด่งดัง แต่ไม่นานก็มีเสียงคัดค้านว่าเป็นพระที่ทำขึ้นใหม่ ความจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ความคิดของวงการพระเครื่องยังแตกเป็นสองทาง หาข้อยุติไม่ได้ ยอดเขาดีสลัก สามารถมองทิวทัศน์ได้ไกล พื้นที่เบื้องล่างส่วนใหญ่เป็นไร่อ้อย และพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านอื่นๆอีกเล็กน้อย แนวเทือกเขาดีสลัก วางอยู่ในแนวเดียวกันกับเขาพระ เขาทำเทียม และเขาถ้ำเสือ บนเขาแต่ละลูกล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์ และยังเป็นพุทธสถานมาจนปัจจุบัน หลังลงเขาดีสลัก พบภาพปั้นเกี่ยวกับพุทธประวัติ แม้จะเป็นภาพปั้นขึ้นใหม่ แต่ฝีมือปั้นสวยงาม มีชีวิตชีวา เรื่องราวที่นำมาปั้นนั้นล้วนเกาะเกี่ยวกับพุทธประวัติและชาดก ชวนให้ศึกษาไม่น้อย แล้วก็เยือนเขาพระ หรือวัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม บนยอดเขาใกล้มณฑปมีเจดีย์สมัยทวารวดี 1 องค์ เห็นเป็นฐานเจดีย์ขนาดใหญ่ เสียดายที่ไม่มีเหลือองค์ให้เห็นว่ารูปร่างเป็นอย่างไร นักวิชาการบอกว่า ฐานเดิมของเจดีย์องค์นี้อยู่ในสมัยวัฒนธรรมทวารวดี แต่มีการต่อเติมและใช้กันเรื่อยมา st12 st12 st12 st12 ลงจากยอดเขาพระ พบพระพุทธรูปอร่ามเรืองอยู่ในถ้ำ พระพุทธรูปองค์นี้ในเสภาเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอนขุนแผนพานางวันทองหนี ความว่า “ถึงเขาพระที่เคยเขามาไหว้ พระสุกนี่กระไรดังหิ่งห้อย ชี้บอกวันทองน้องน้อย พระจันทร์ฉายบ่ายคล้อยลงฉับพลัน...” บริเวณทางขึ้นเขาพระมีถ้ำเล็กๆ เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อนว่า คนขโมยขุดพระและดินถ้ำถล่มทับตาย ปัจจุบันยังมีร่องรอยการขุดค้นอยู่ ลงจากถ้ำมาข้างบันไดทางขึ้นเขามีศาลเจ้าอยู่ ภายในมีรูปพระนารายณ์ ไม่ชัดเจนว่าได้มาจากเมืองโบราณอู่ทองหรือไม่ แต่มีคนมากราบไหว้ขอพรกันหนาตา มองจากหน้าบันไดไปทางทิศตะวันออก คือถนนวินยานุโยค ตามแผนของ อพท.จะทำตลาดสองฟากฝั่ง แต่ยังไม่รู้ว่าขายอะไร และชาวบ้านที่อยู่ริมถนนจะเห็นด้วยหรือไม่ เลาะเขาพระมุ่งสู่เขาทำเทียม ช่างกำลังสร้าง “หลวงพ่ออู่ทอง” พระพุทธรูปจำหลักหน้าผาเขาทำเทียม ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตัก 65 เมตร สูง 84 เมตร พระนามว่า สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ พระพุทธรูปนี้เป็นโครงการของพระเทพสุวรรณโมลี หรือ สอิ้ง สิรินนฺโท เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี นัยว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักภูผาใหญ่ที่สุดในโลก st11 st11 st11 st11 หน้าผาเขาทำเทียมมิมีเพียงหลวงพ่ออู่ทองเท่านั้น ยังมีพระพุทธรูปอื่นๆอีกรวม 5 องค์ เจ้าคุณสอิ้งวาดหวังว่าจะแกะสลักหลวงพ่ออู่ทองให้เสร็จ เปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าไปกราบนมัสการ แล้วนำเงินเหล่านั้นไปสร้างองค์อื่นๆต่อไป “หลวงพ่ออู่ทองเป็นองค์ประธาน ใกล้เสร็จแล้วครับ เฉพาะองค์แรกค่าแกะ 85 ล้านบาท องค์ที่สองเป็นพระนอน และองค์อื่นๆ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 1,500 ล้านบาท คนแกะเป็นวิศวกรชาวจีน คนไทยและเขมรเป็นลูกมือ” พระภิกษุสงฆ์ในที่พักชั่วคราวให้ความรู้ และอธิบายต่อว่า เมื่อทำเสร็จแล้ว “พระพุทธรูปทั้งหมดจะไม่เป็นของวัดใด แต่เป็นการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างพระสงฆ์กับราชการ รายได้จะนำไปสนับสนุนการศึกษาให้กับเด็กๆชาวสุพรรณบุรี และค่ารักษาพยาบาลพระภิกษุสงฆ์” พระภิกษุสงฆ์ยืนยัน :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: ความคิดทั้งหมดมาจากพระเดชพระคุณเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นชาวสุพรรณบุรีโดยกำเนิด กราบนมัสการหลวงพ่ออู่ทองแล้ว คณะพากันขึ้นเขาวัดทำเทียม เดินผ่านกุฏิเก่าๆ คาดว่าสร้างสมัยอยุธยา แต่มีการต่อเติมใช้กันเรื่อยมา ยอดเขามีพระอุโบสถหลังน้อยและเสมาทำด้วยหิน พระพุทธรูปยืนองค์ใหม่มองไปทางตัวอำเภออู่ทอง เทือกเขาเดียวกันมีโบราณสถาน คอกช้างดิน ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง พบร่องรอยปราสาทหิน พบศิวลึงค์ และเหรียญทวารวดี อยู่ในภาชนะใกล้แท่นพิธีกรรม จึงเชื่อกันว่าเหรียญอาจจะใช้เพื่อทำพิธีกรรม ส่วนหลุมใหญ่และลึกที่ชาวบ้านเรียกว่า “คอกช้างดิน” นั้น นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเป็นสระเก็บน้ำ ans1 ans1 ans1 ans1 ใครอยากเห็นเมืองอู่ทองในอดีต ขั้นแรกน่าจะชมพิพิธภัณฑ์ เพราะเป็นที่เก็บหลักฐานทางโบราณคดีทั้งลูกปัด พระพุทธรูป ศิวลึงค์ แท่นโยนี รูปปั้นหน้าคน จารึก เย ธมฺมา ทอง เครื่องประดับ พร้อมทั้ง ภาพจำลองเมืองโบราณอู่ทอง และมีจารึกภาษาสันสกฤต มีข้อความว่า “ปุษยคีรี” แปลว่า “ภูเขาดอกบัว” ซึ่งเป็นชื่อเมืองที่พระเจ้าอโศกมหาราชโปรดให้สร้างสถูปบรรจุพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า อยู่ในประเทศอินเดีย ถ้าจะสรุปความเป็นเมืองอู่ทองตามหลักฐานที่พบ อาจารย์ศรีศักดิ์ ลัลลิโภดม ฟันธงว่า “เมืองอู่ทองเป็นเมืองแรกเริ่มในสมัยต้นประวัติศาสตร์ยุคสุวรรณภูมิ หรือต้นพุทธกาลที่มีหลักฐานทางโบราณคดีชัดเจน” เชื่อหรือไม่ก็ไปพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง. ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.thairath.co.th/content/608208 (http://www.thairath.co.th/content/608208) หัวข้อ: Re: รอยทวารวดีอู่ทอง กับการฟื้นฟูคู่ทำใหม่...มีหลักฐานชี้ว่า อู่ทอง คือ สุวรรณภูมิ เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ เมษายน 24, 2016, 09:17:48 pm like1
ขออนุโมทนาสาธุ ครับท่านพี่ ต้องจำชื่อไว้...เผื่อการหน้า ต่อไป |