สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ เมษายน 27, 2016, 10:40:50 pm



หัวข้อ: อำนาจประเพณี
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 27, 2016, 10:40:50 pm


อำนาจประเพณี

คำพังเพยจีนโบราณว่า ประเพณีมีอำนาจยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ เหตุเพราะประเพณีพิธีรีตรองต่างๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับขวัญของคน หากลบล้างหรือเพิกถอนเสีย ก็เท่ากับทำลายขวัญของคน แม้ประเพณีจะสำคัญมั่นคงฉะนี้ แต่กระนั้น ก็ยังมีหลายประเพณี ที่มีเหตุปัจจัยทำให้ต้องเลิกล้างกันไป

พิธีโล้ชิงช้า เป็นพิธีพราหมณ์ ต้นตำรับไสยศาสตร์ใหญ่ของไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสมัยสุโขทัยในสมัยอยุธยา ก็มีอยู่ในกฎมณเฑียรบาล เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) แต่งไว้ในโคลงเห่เรือ

     “เดือนยี่ที่พระยา โหนชิงช้าคนแออัด สาวหนุ่มกลุ้มมนัส ทัศนาแลแห่หากัน”

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

พิธีโล้ชิงช้า เป็นพิธีแก้บนเรียก “ไทปูศัม” ชาวฮินดูจะเอาเบ็ดเกี่ยวหลังไกวเป็นชิงช้า ทำกันตอนปีใหม่ ร้อยกว่าปีที่แล้ว ก่อนมาถึงเมืองไทย หมอบรัดเล แวะสิงคโปร์ ก็ได้เห็นพิธี “ชิงช้าเบ็ด”

เขาตั้งเสาสูงราว 60 ฟิต บนยอดเสามีไม้คานราว 30 ฟิต วางพาดให้กระดกขึ้นลงหันเหไปทางไหนได้ทุกทาง ปลายไม้คานข้างหนึ่งติดกลดหรือร่มอย่างสวย อีกข้างหนึ่งติดเบ็ดใหญ่เกี่ยวหลังคน นุ่งกางเกงเหลืองผูกลูกกระพรวนที่ข้อตีนข้อมือ

เวลายกคันเบ็ดกระดกขึ้นลง ก็เขย่ากระพรวนกริ๊งๆ ตลอดเวลา ตอนไกวยกขึ้นไปสูงๆ น่ากลัวมาก เวลาปลดเบ็ดออก คนนั้นทำท่าหมดแรง แต่พอเอายาใส่แผลได้ครู่เดียว ก็ออกวิ่งได้ การเอาเบ็ดเกี่ยวหลังทรมานตัว ฝรั่งเห็นแล้วก็เสียวไส้ จึงพยายามห้าม แต่ก็ห้ามยาก บางอย่างก็ยังคงอยู่

 :96: :96: :96: :96:

“กาญจนาคพันธุ์” เขียนเรื่องนี้ลงใน “กระดึงทอง” พ.ศ.2498 ว่า หนังสือพิมพ์ฝรั่งลงข่าว ภรรยานายทหารราชสำนักมหาราชาโยธปุระ โจนเข้ากองไฟบนเชิงตะกอนเผาศพสามี ประเพณีเมียเข้ากองไฟตายตามผัวนี้ เรียกว่า “สตี” เกิดขึ้นในอินเดีย เมื่อ พ.ศ.1300

โยธปุระ ที่เป็นข่าว เป็นนครหนึ่งในแคว้นราชปุตนะ แคว้นนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.1000 ในยุคที่อินเดียเกิดขาดกษัตริย์ หลังสมัยพระเจ้าวิกรมาทิตย์ กรุงอุชเชนี แคว้นมาลวะ ราชวงศ์คุปต์ก็ร่วงโรย แผ่นดินเป็นจลาจล จึงเกิดมีพวกเจ้าน้อยๆ เรียกว่า ราชปุตนะ ตั้งบ้านเล็กเมืองน้อย เป็นอิสระแก่กัน ครอบครองแคว้นมาลวะและแคว้นใกล้เคียง

 :32: :32: :32: :32:

พวกราชปุตนะทุกนคร เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่งงานกันเองเหมือนวงเทวาของอิเหนา แต่งกันไปแยกสายกันไป จนมีสายสาขาที่เริ่มจากสี่กษัตริย์ ถึง 36 สกุล  พวกราชปุตนะ เป็นฮินดูผสมตาด บุกเข้าอินเดียแต่โบราณ มีเชื้อสายมาจากกษัตริย์ในรามเกียรติ์ และมหาภารตะราชปุตนะ เป็นนักรบกล้าหาญไร้เทียมทาน ชายทุกคนได้ชื่อ ชายชาตรี หญิงทุกคนได้ชื่อวีรสตรี

พ.ศ.2002 สุลต่านอาลาดิน โจมตีเมืองนครไชยปุระ ทั้งชายหญิงต่อสู้เต็มที่ เมืองแตก สุลต่านยาตราทัพเหยียบเมือง แต่ไม่มีชีวิตเหลืออยู่เลย เพราะเมื่อผู้ชายสู้จนตัวตาย ผู้หญิงทุกคนก็กระโจนเข้ากองไฟ ตายตาม

เมืองโยธปุระ เป็นเมืองใหญ่ มีพระราชวังมากมาย มีประตูเมือง 7 ประตู ประตูหนึ่งเรียก “ประตูผี” มีรอยฝ่ามือน้อยๆของผู้หญิงมากมาย...แสดงว่าไปโจนเข้ากองไฟตายตามสามีไปแล้ว

 :41: :41: :41: :41:

พิธีสตี แผ่มาชวา มลายู อินโดนีเซีย พระเจ้าหริวรมัน กษัตริย์จามสวรรคตปี 1624 พระสนมโจนเข้ากองไฟ 14 นาง ร้อยปีที่แล้ว ราชาเกาะบาหลีสวรรคต สนมโจนเข้ากองไฟไป 72 นาง

น.ม.ส.เขียนไว้ในนิทานเวตาล ถ้าผู้หญิงไม่เผาตัวตามสามี “ตราบนั้นแม้นเกิดใหม่ คงไม่ใช่มนุษยชน จักมีสี่ตีนตน” ผู้หญิงกลัวตายไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน จึงเผาตัวตาย ยกย่องสรรเสริญกันมาแต่โบราณ

 ans1 ans1 ans1 ans1

ทั้งพิธี ไทปูศัม เอาเบ็ดเกี่ยวหลังไกวชิงช้า และพิธีสตี...มาถึงสมัยนี้เลิกรากันไปหมดแล้ว...โลกพัฒนา มนุษย์ฉลาดขึ้นมาก จึงรู้ว่า ชีวิตนั้นสำคัญกว่าความเชื่อ

สงกรานต์บ้านเรา ปีนี้น้ำน้อยก็สนุกสนาน ถึงจะมีตัวเลข 7 วันอันตราย คนตายไปครึ่งพัน เจ็บกว่าสามพัน ก็คงไม่เป็นปัญหา ถ้าสัดส่วนความสนุกยังสูงกว่าความตาย ปีหน้า คนไทยยังสนุกกันต่อ สนุกแบบไทยๆ ตายกันแบบไทยๆ รัฐบาลทหารเก่งการปฏิรูป ก็ยังไม่กล้าปฏิรูปสงกรานต์ ขืนปฏิรูป ก็ต้องเจอข้อหา ห้ามลูกหลานกตัญญู ไปกราบพ่อแม่ปู่ย่า...บ้านนี้เมืองนี้ก็คงถึงขั้นจลาจล.

กิเลน ประลองเชิง



คอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง 20 เม.ย. 2559 05:01
http://www.thairath.co.th/content/607603 (http://www.thairath.co.th/content/607603)