หัวข้อ: ฮือฮา!! พบถ้ำร้างอายุหลายร้อยปีสวยงาม หลังชาวจีนฝันเห็นถ้ำ-ตามหาจนเจอ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 20, 2016, 10:12:38 pm (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710015_201605200833445-20041021095115.jpg) ฮือฮา!! พบถ้ำร้างอายุหลายร้อยปีสวยงาม หลังชาวจีนฝันเห็นถ้ำ-ตามหาจนเจอ พระอาจารย์ฯ นำสำรวจหลังพบถ้ำร้าง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงต่างๆ ที่ราชบุรี เล่ากันว่ามีชาวจีนเลื่อมใสพุทธศาสนา นิมิตเห็นถ้ำ ตามหาจนเจอ เข้ามาปฏิบัติธรรมในถ้ำจนเสียชีวิต จากนั้นมีพระสงฆ์มาจำพรรษา ต่อมาถูกปล่อยทิ้งร้าง ล่าสุดเตรียมเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และศึกษาธรรมมะ แบบอิ่มบุญอิ่มสุข วันที่ 20 พ.ค. พระอาจารย์ภานุพงษ์ ภูริญาโณ หัวหน้าสถานปฏิบัติธรรมถ้ำขุนกุญชร พาผู้สื่อข่าวเข้าสำรวจภายในถ้ำเขาขุนกุญชร หมู่ที่ 8 ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาที่ยังพบว่ามีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมเขียวขจี โดยถ้ำที่ค้นพบ เป็นถ้ำร้างมีอายุหลายร้อยปี จำนวน 2 ถ้ำ แบ่งเป็นถ้ำขุนกุญชรใหญ่ อิ่มบุญ และ ถ้ำขุนกุญชรเล็ก อิ่มสุข ซึ่งถ้ำอิ่มบุญ ภายในถ้ำ พบว่ามีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหินงอกหินย้อย มีการจัดแบ่งเป็นห้องๆ รวมแล้ว 6 ห้อง (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710030_201605200833447-20041021095115.jpg) โดยแต่ละห้องมีความหมายที่แตกต่างกันไป อาทิ แผ่นดินเงินแผ่นดินทอง เถาวัลย์พันเดือน หินลูกกตัญญู หินพระคุณแม่ ผนังเกาะเพชร หินเจ้าแม่กวนอิม หินปู่ฤาษี และหินงอกหินย้อยรูปสัตว์ในวรรณคดี อาทิ หินย้อยรูปม้า หินย้อยรูปช้างทรง หินย้อยรูปหญิงสาวชุดกี่เพ้า และยังพบสิ่งของเครื่องใช้สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่เคยเข้ามาจำพรรษาภายในถ้ำแห่งนี้ ส่วนถ้ำอิ่มสุข ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มีการสลักชื่อไว้ว่า หลวงพ่ออิ่มสุข จากคำบอกเล่าถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ถูกใช้เป็นพระอุโบสถสำหรับทำสังฆกรรมทางศาสนพิธีทางสงฆ์ และวันสำคัญต่างๆ และยังพบหินย้อยรูปสิงโตที่ยืนคำรามอยู่บนหน้าผา นอกจากนี้ยังพบทางเดินลงภายในถ้ำที่มีความลึกอีก กว่า 100 เมตร โดยภายในถ้ำมีการก่อสร้างบันไดและทางเดินที่ยังคงสมบูรณ์มั่นคงและแข็งแรง (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710040_201605200833444-20041021095115.jpg) จากการตรวจสอบไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ทราบว่าถ้ำดังกล่าวไม่ได้มีบรรจุไว้ในสถานที่ท่องเที่ยวของตำบล หรือ ของจังหวัดราชบุรีแต่อย่างใด พระอาจารย์ภานุพงษ์ ภูริญาโณ เล่าว่า ถ้ำร้างแห่งนี้ จากการบอกเล่าและร่องรอยประวัติเดิมที่พบภายในถ้ำ ทราบว่าเดิมมีชาวจีนชื่อ บักง้วน แซ่โง้ว นั่งเรือสำเภามาจากเมืองจีน ซึ่งเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้เกิดนิมิตเห็นถ้ำ จึงได้ตามหา และพบเจอในที่สุด และได้ปฏิบัติธรรมถือศีลและประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมอยู่ในศีลภายในถ้ำจนเสียชีวิตอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710050_201605200833442-20041021095115.jpg) ต่อมาได้มีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาเป็นเวลายาวนานตามร่องรอยที่พบภายในถ้ำ และบางช่วงเวลาก็ถูกปล่อยทิ้งร้างมานาน ซึ่งเมื่อได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าคณะตำบลหนองกระทุ่มให้มาดูแลรักษาและอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเผยแพร่ศีลธรรมทางพระพุทธศาสนา นำประชาชนให้เกิดความสงบทางใจและนำไปสู่การเกิดทางปัญญาตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากความอุดมสมบูรณ์ภายในถ้ำ โดยเฉพาะหินงอกหินย้อยที่มีน้ำหยดน้ำไหลตลอดเวลา และบางส่วนเกิดหินงอกขึ้นจากพื้นด้วย นอกจากนี้ภายในถ้ำยังพบค้างคาวเกาะตามผนังถ้ำอีกจำนวนมาก ตนจึงอยากให้ถ้ำแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางธรรมชาติที่สำคัญอีกแห่งของจังหวัดราชบุรีด้วย นอกจากบริเวณโดยรอบถ้ำยังมีลิงอีกจำนวนนับร้อยตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถให้ทำบุญอาหารได้ และที่น่าสนใจอีกอย่างคือ การเลี้ยงปลาคาร์พแสนเชื่องที่ให้อาหารด้วยขวดนม ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบเวลาที่ประชาชนเดินทางมาทำบุญ สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมความงามของถ้ำดังกล่าวสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 087-751 5265 (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710061_201605200833443-20041021095115.jpg) ด้านนายยงยุทธ์ ผลอเนก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระทุ่ม เผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่ามีการพบถ้ำร้างดังกล่าว จึงได้เข้ามาสำรวจ พบว่าภายในถ้ำมีความสวยงามของหินงอกหินย้อย มีการจัดไว้เป็นสัดส่วน และมีร่องรอยของการเข้ามาปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ซึ่งจากการจำความได้เมื่อครั้งยังเด็ก เขาแห่งนี้มีช่องมีอุโมงค์สามารถเดินทะลุถึงกันได้ และมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมทำให้เกิดเป็นป่ารก และมาทราบข่าวว่ามีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาและก็ย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นจนมรณภาพ ทำให้ถ้ำแห่งนี้ต้องถูกทิ้งร้างไป ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบล จะได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเข้ามาเพื่อช่วยกันฟื้นฟูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดราชบุรีอีกด้วย ซึ่งการเดินทางสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 100 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอปากท่อเพียง 10 กิโลเมตร (http://www.khaosod.co.th/upload/files/1463710083_201605200833441-20041021095115.jpg) ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1463709613 (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1463709613) |