หัวข้อ: นักเรียนกินตีน แล้ว ผอ. กินอะไร.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤษภาคม 23, 2016, 12:36:06 pm (http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2016/05/22/88k66gbabh5gbhg9a8kfk.jpg) นักเรียนกินตีน แล้ว ผอ. กินอะไร.? โดยวิธีของเราเอง...ไพฑูรย์ ธัญญา รัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัย ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการจัดการศึกษา เรียกได้ว่าทุ่มเทจัดสรรงบประมาณลงไปให้กระทรวงศึกษาธิการค่อนข้างสูง ในจำนวนเงินที่จัดสรรลงไปยังโรงเรียนนั้น มีส่วนหนึ่งเป็นงบประมาณโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนระดับก่อนประถมฯ และประถมศึกษา มีอาหารกลางวันที่มีคุณภาพทางโภชนาการ รับประทานทุกวัน ตลอดปีการศึกษา อย่างเหมาะสมกับภาวะสุขภาพ เพียงพอตามความต้องการของสุขภาพร่างกายนักเรียน รัฐบาลไทยได้เริ่มต้นโครงการอาหารกลางวันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 และมีการพัฒนามาเป็นลำดับ จนกระทั่งได้ดำเนินงานในรูปของกองทุนอาหารกลางวันในปัจจุบัน ล่าสุดถ้าจำไม่ผิดในปี พ.ศ.2556 กระทรวงศึกษาธิการยุคที่มี จาตุรนต์ ฉายแสง เป็นรัฐมนตรี ได้ปรับเพิ่มเงินรายหัวโครงการอาหารกลางวันจาก 13 บาทต่อคนต่อวัน มาเป็น 20 บาทต่อคนต่อวัน เงินจำนวนนี้หากโรงเรียนจัดสรรให้เด็กครบตามจำนวน เชื่อได้ว่า เด็กไทยจะได้บริโภคอาหารกลางวันกันเต็มอิ่ม และมีปริมาณสารอาหารที่มีคุณค่าเพียงพอตามเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด สมมุติฐานง่ายๆ ก็คือ ถ้าเด็กได้กินดี สติปัญญาก็จะดีตามไปด้วย :96: :96: :96: :96: หลายโรงเรียนได้ดำเนินงานโครงการอาหารกลางวันตามข้อกำหนดของราชการอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนและรัดกุม นั่นก็ถือว่านักเรียนในโรงเรียนนั้นๆ ก็พลอยโชคดีไป แต่เชื่อไหมว่า ยังมีโรงเรียนในระดับประถมศึกษาอีกจำนวนมาก ที่ทำเรื่องนี้แบบไม่ตรงไปตรงมา มีการยักยอก ยักย้ายถ่ายเท บิดเบือนเงินค่าหัวโครงการอาหารกลางวันของเด็กเอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ทำให้เด็กไม่ได้รับเงินจัดสรรตามรายหัวที่เป็นจริง เขาให้มาหัวละ 20 บาท แต่โรงเรียนบางแห่งจัดสรรให้นักเรียนจริงๆ ไม่ถึง 10 บาทเสียด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะให้นักเรียนไทยมีสติปัญญาดีได้อย่างไร ในเมื่อได้กินอาหารที่ไม่มีคุณค่าตามที่เกณฑ์กำหนด ด้วยว่ามีมือดีมาดึงเอาเงินค่าหัวเด็กไปกินเสียครึ่งหนึ่ง คำถามก็คือ แล้วมือดีที่ว่านั่นคือใคร.? ผมมีลูกศิษย์หลายคนเป็นครูสอนระดับประถมศึกษา โดยเฉพาะในโรงเรียนชายขอบตามชนบท พวกเขาเล่าถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดการโครงการอาหารกลางวันให้แก่นักเรียน พูดกันแบบตรงๆ ก็คือ แทนที่จะจัดงบให้ครบตามหัวละ 20 บาท ทางโรงเรียนกลับใช้วิธีการพลิกแพลง ดึงเงินค่าหัวของนักเรียนไปใช้ในกิจการอื่น ทำให้เด็กๆ ได้เงินค่าหัวไม่ครบจำนวน ผลก็คือทำให้มีเงินไปซื้อของมาปรุงอาหารให้นักเรียนไม่เพียงพอและขาดคุณภาพ :41: :41: :41: :41: หลายคนอาจมองว่า เงิน 20 บาทมันน้อยเต็มที แค่กินก๋วยเตี๋ยวสักชามยังไม่ได้เลย นั่นเป็นความจริงแท้แน่นอน แต่ท่านต้องไม่ลืมว่า โรงเรียนหนึ่งๆ มีเด็กร่วมร้อย ถ้าเอาเงินค่าหัวของทั้งหมดมารวมกัน มันก็มากพอที่จะซืิ้อวัตถุดิบมาปรุงอาหารให้เด็กได้กินอิ่มทั้งปริมาณและคุณภาพ เผลอๆ อาจได้กินของหวานสักถ้วยหนึ่งด้วย แต่มันไม่ได้เป็นแบบนี้ไปทั้งหมด ที่โรงเรียนขนาดกลางแห่งหนึ่ง วันเปิดเทอมวันแรกเด็กได้กินอาหารกลางวันตามปกติ แต่อาหารที่อยู่ในถาดหลุมต่อหน้าพวกเขา เป็นตีนไก่ทอดคนละสองตีนกับข้าวเปล่า และน้ำปลา แถมก่อนกินยังถูกครูสั่งให้ยกมือไหว้ขอบคุณสารพัดสิ่ง อันเป็นพิธีกรรมก่อนกินอาหาร ซึ่งไม่รู้ว่าในบทสวดนั้นมีการสรรเสริญท่านผู้บริหารโรงเรียนด้วยหรือไม่ ที่อุตส่าห์หาตีนไก่มาให้กินคนละสองตีน แต่เท่าที่รู้ก็คือ คนที่มีอำนาจในการสั่งใช้งบประมาณนี้อยู่ที่ท่านผู้อำนวยการเพียงคนเดียว ผมได้ข้อมูลมาว่าเขาทำกันมานานแล้ว ผู้บริหารดึงเงินค่าหัวนักเรียนเอาไปใช้ในกิจการอย่างอื่น ซึ่งเป็นการใช้เงินผิดประเภท และที่สำคัญมันละเมิดสิทธิ์ที่นักเรียนควรได้รับอย่างน่าอดสูที่สุด :97: :97: :97: :97: :97: หลายคนอาจคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ แต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่ มันคือการยักยอกทรัพย์ คือการทุจริตในรูปแบบหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในสถานศึกษาหลายแห่ง ถ้าเอาเงินนั้นไปใช้ในกิจการอื่นของโรงเรียนก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าเอาไปใช้ส่วนตัวล่ะ มันหมายความว่าอย่างไร ถ้าถามว่าปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ต้องถามต่อไปอีกว่า โครงการอาหารกลางวันนี่มีการประเมินหรือตรวจตรากันอย่างจริงจังบ้างหรือไม่ จริงอยู่แม้ราชการจะออกระเบียบมาควบคุมกำกับ แต่ผู้บริหารก็มีวิธีการยักยอกได้โดยไม่ผิดระเบียบอย่างง่ายดาย อย่าว่าแต่เรื่องอาหารกลางวันเลย เรื่องที่มันซับซ้อนกว่านี้พวกเขาก็ทำได้อย่างแนบเนียน ใครมีลูกเป็นนักเรียน ก็ลองถามลูกๆ ดูว่า อาหารกลางวันที่โรงเรียนวันนี้ เขาให้กินอะไร.? ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.komchadluek.net/detail/20160523/228167.html (http://www.komchadluek.net/detail/20160523/228167.html) |