สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 01, 2016, 11:02:01 am



หัวข้อ: ศาลาโกหก
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 01, 2016, 11:02:01 am


(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_01_06_16_10_01_05.jpeg)



ศาลาโกหก

ที่มาของสำนวน “ศาลาโกหก” เล่ากันว่า มาจากเมืองนครศรีธรรมราช เหตุเพราะคน “เมืองคอน” พูดจาเก่ง เล่นสำนวนดี ไม่มีใครสู้ คนเมืองคอน คุยให้คนกรุงเทพฯฟัง ใบจากเมืองคอนใหญ่ขนาดปูนอนได้ “โกหก” คนกรุงว่า “ปูแสมปูนาจับมานอนได้” คนเมืองคอนตอบ

คนกรุงกับคนเมืองคอน พายเรือไปด้วยกัน คนกรุงพายหัว คนเมืองคอนพายท้าย แต่คัดท้ายไม่เป็น หัวเรือส่ายไปมา คนกรุงฉุนเอ็ดตะโร “ถือท้ายยังไง” คนเมืองคอนตอบว่า “เอ็งอยู่หัว ทำไมไม่ให้หัวเรือมันตรงเล่า”

ตอบโต้กันด้วยถ้อยคำสำนวน ไปเรื่อยๆ ครั้งหนึ่ง คนเมืองคอนออกปากชมคนกรุงพูดจาหลักแหลม

“ถ้าหลักไม่แหลม มันก็ปักไม่ลงซีเพื่อน” คนกรุงว่า

นี่ว่ากันด้วยเรื่องสำนวน ที่พลิกผันได้ แต่ถ้าว่าด้วยเรื่อง ก็ว่ากันว่าเรื่องโกหกของคนเมืองคอน เหลือเชื่อนัก

 :96: :96: :96: :96:

เรื่องเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งนั้น เล่าขานกันมา สมัยรัชกาลที่ 4 คนเมืองคอนคุยว่า ทุเรียนบ้านข้า ต้นสูงใหญ่ ลูกทุเรียนหล่นจากขั้ว กว่าจะถึงพื้น กินเวลาหลายเดือน

พระราชสมบัติ เอาเรื่องนี้ เขียนไว้ในนิราศ เกาะแก้วกาลกัตตา ตอนไปถึงเมืองนครศรีธรรมราช...ว่า

“ที่ลางต้นใหญ่ไม่น้อยกว่าร้อยอ้อม ลูกเท่าพ้อมใหญ่กว่าไม้ทั้งไพรสาณฑ์ ฤดูผลหล่นลงในดงตาล เอาช้างบ้านออกไปขนผลทุเรียน ประทุกช้างข้างละใบไปไม่รอด เล่นเอาทอดงวงรันอยู่หันเหียน บ้างทำเลื่อนฉุดลากต้องพากเพียร บ้างใส่เกวียนขนคว้าเอามาเรือน

คนละยวงแม้จะกินไม่สิ้นหมด ต้องกวนสดห่อมัดแล้วตัดเงื่อน เอาย่างไฟไว้ขายตั้งหลายเดือน...”

 ans1 ans1 ans1 ans1

เรื่องศาลาโกหก ที่ยกให้เป็นศาลาของเมืองคอนนั้น พระยาบดินทรเดชานุชิต (แย้ม ณ นคร) เล่าเรื่องจริงๆไว้ดังนี้

คราวเสด็จประพาสแหลมมลายู สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง (รัชกาลที่ 5) แวะนมัสการสมโภชพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช ชาวเมืองคอนเห็นบริเวณต้นประดู่ใหญ่หน้าประตูเมือง ร่มไม้ใบหนาติดต่อกันถึง 6 ต้น เป็นที่ร่มรื่น จึงเลือกปลูกพลับพลาที่ประทับรับเสด็จ

ทางการรื้อพลับพลาแล้ว ก็คิดกันว่า น่าจะสร้างศาลาไว้เป็นอนุสรณ์ ชื่อเป็นทางการ ศาลาประดู่หกต้น

คนใต้ชอบพูดสั้น จากที่เคยเรียกประดู่หก ก็เหลือ ดู่หก แล้วก็เพี้ยนเป็น “โดหก”

คนเมืองอื่นไปแวะพักที่ศาลา หน้าประตูเมือง ฟังเสียงคนเมืองคอนเรียก “โดหก” เป็น “โกหก”

ศาลาประดู่หก จึงกลายเป็น “ศาลาโกหก”

 :49: :49: :49: :49:

แรกๆ คนเมืองคอน ไม่ถือสา ถือว่าเป็นเรื่องขบขันขอกันกิน แต่เมื่อเสียงเล่าลือย้ำ คนเมืองคอน โกหกเก่ง คนเมืองคอน ก็ใช้ปฏิภาณแก้

คนเมืองกรุงไปถึงเมืองคอน ก็มักถาม ศาลาโกหกอยู่ไหน “ไม่มีแล้ว” - “ทำไม?”

คนเมืองคอนตอบ “รื้อไปปลูกที่กรุงเทพฯ นานเต็มทีแล้ว”

เรื่องทีเล่นทีจริง ศาลาโกหก ย้ายมาปลูกที่กรุงเทพฯ ถ้าย้ายมาจริง อยู่ที่ไหน?

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ถ้าเรื่องที่นายกฯประยุทธ์ หรือท่านรองนายกฯประวิตร พูดคล้องจองกัน ถึงเวลาที่ขอไว้...ทหารก็จะไป ก็พอจะบอกได้ตอนนี้ว่า ศาลาโกหก ไม่ได้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล

เรื่องโกหกคำใหญ่ ที่คาใจชาวบ้าน เฉียดกรุงเทพฯไปอยู่ที่วัดใหญ่แห่งหนึ่ง แถวชานกรุง ผมเงี่ยหูฟังข่าวมาหลายวัน โกหกกันตั้งแต่วันแรก จนถึงวันสุดท้าย

น่าเศร้านะครับ...ก็ถ้าคนห่มเหลือง ห่มขาว แค่ศีลข้อมุสาฯ ข้อเดียวยังรักษาไว้ไม่ได้ คำทำนายโบราณที่ว่า ศาสนาจะเรียวลง พระสงฆ์จะเหลือแค่ผ้าเหลืองชิ้นน้อยห้อยหู...คงใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ.

กิเลน ประลองเชิง



คอลัมน์ ชักธงรบ โดย กิเลน ประลองเชิง 30 พ.ค. 2559 05:01
http://www.thairath.co.th/content/627604 (http://www.thairath.co.th/content/627604)