สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 09, 2016, 09:06:28 pm



หัวข้อ: "หลวงตาจันทร์" ปรากฎตัวแล้ว-คณะลูกศิษย์แถลงปฏิเสธทุกข้อหา
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 09, 2016, 09:06:28 pm


(http://www.posttoday.com/media/content/2016/06/09/066BE8B993E74460BABDEDFD23F88C1B.jpg)



"หลวงตาจันทร์" ปรากฎตัวแล้ว-คณะลูกศิษย์แถลงปฏิเสธทุกข้อหา

อดีตสส.ไทยรักไทย-ทนายวัดป่าหลวงตามหาบัวฯแถลงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านหลวงตาจันทร์นั่งรถกอล์ฟปรากฎตัวออกสื่อครั้งแรก

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 9.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณประตูทางเข้าวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโน หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางมากันอย่างคึกคัก ภายหลังจากทนายความมูลนิธิวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน แจ้งว่า พระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ เจ้าอาวาสวัดป่าหลวงตาบัวญาณสัมปันโนจะมาแถลงข่าว โดยทางวัดได้เตรียมเครื่องเสียงมาตั้งไว้ที่บริเวณหน้าประตู และไม่อนุญาตให้บุคคลใดผ่านเข้าไปในเขตพื้นที่วัดโดยปิดประตูไว้พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ของวัดเฝ้าอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งได้สั่งคนมาบันทึกภาพผู้สื่อข่าวด้วย

ต่อมาเวลา 09.30 น. หลวงตาจันทร์ ได้นั่งรถกอล์ฟบริเวณเบาะนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับ โดยขับออกมาจากพื้นที่ด้านใน และขับผ่านบริเวณด้านหลังของประตูที่ถูกปิดไว้ จากนั้นได้ขับวนไปให้อาหารวัวควาย และกลับเข้าไปพื้นที่ด้านในตามเดิม โดยไม่ได้ให้พูดจาใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเข้าดำเนินการขนย้ายเสือของกลาง 137 ตัว พร้อมตรวจพบซากลูกเสือโคร่ง ซากลูกเสือโคร่งดองอยู่ในขวดโหล รวมถึงซากสัตว์ป่าคุ้มครองได้อีกหลายรายการ 

 :96: :96: :96: :96:

นายศิริ หวังบุญเกิด อดีต ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย อดีตกรรมการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอนุกรรมการสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตัวแทนหลวงตาจันทร์ เปิดเผยว่า หลวงตาจันทร์อาพาธด้วยโรคหัวใจ ไม่สะดวกที่จะออกมาพบ

"การที่ข่าวออกไปว่าวัดเป็นสถานที่ค้าสัตว์ป่า ทำให้สังคมมองว่าวัดเป็นเหมือนซ่องโจร ซึ่งไม่เป็นความจริง แท้จริงมีเรื่องของการเมืองเข้ามาแทรก และพยายามโยนความผิดให้พระอาจารย์ ซึ่งพระอาจารย์ไม่ได้เป็นผู้บริหาร การบริหารงานทั้งหมดเป็นเรื่องของมูลนิธิวัดป่าหลวงตาบัวฯ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจาก นายสัตวแพทย์ สมชัย วิเศษมงคลชัย อดีตนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือของกลาง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลเสือมาเป็นระยะเวลารวม 17 ปี พระอาจารย์เป็นเพียงผู้อนุเคราะห์ให้สถานที่ แล้วให้อาหารเท่านั้น ซึ่งจากการร้องเรียนของ นายสัตวแพทย์ สมชัย กรณีเสือหายออกไปจากวัด 3 ตัวโดยมีผู้นำไมโครชิพมาให้นายสัตวแพทย์ สมชัย ซึ่งหากนำไมโครชิพที่ฝังไว้ที่ตัวเสือทั้ง 3 ตัวออกมาได้ แสดงว่าเสือต้องตาย ปรากฏว่ากรมอุทยานฯ รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว และจะเข้ามาจับกุมพร้อมทั้งยึดเสือ ทั้งๆที่เสือของกลางที่ฝากเลี้ยงไว้ที่วัดฯ เป็นทรัพย์ของแผ่นดิน เป็นเสือที่ถูกต้องตามกฎหมาย


(http://www.posttoday.com/media/content/2016/06/09/4A7139EE6C404121A59176C75E10E726.jpg)

การที่กรมอุทยานฯ นำหมายค้นมาค้นวัดแห่งนี้ เป็นการค้นและจับเสือซึ่งเป็นทรัพย์สินของตัวเอง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แต่กรมอุทยานฯ นำกำลังมาบังคับยึดเสือไป ซึ่งกรมอุทยานฯ ไม่มีอำนาจที่จะกระทำการดังกล่าว แท้ที่จริงเป็นอำนาจของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย ซึ่งเรื่องยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ฉะนั้นการกระทำของกรมอุทยานฯ จึงไม่ต่างกับคดีรื้อบาร์เบียร์"

สำหรับการเลี้ยงดูเสือที่วัดแห่งนี้ได้ดูแลเป็นอย่างดี แต่ขณะที่กรมอุทยานฯ ระบุว่า มีงบประมาณในการดูแลเสือไม่เพียงพอ ทั้งที่เสือเป็นของกรมอุทยานฯ และหากไม่ความสามารถในการเลี้ยงดูเสือเหล่านั้น จะขนย้ายเสือไปทำไม ขณะเดียวกันคนงานของวัดต้องตกงาน เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับทุกฝ่าย อีกทั้งที่วัดแห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คของการท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ก็ได้ถูกทำลายลงไปด้วย

 :96: :96: :96: :96:

"การพบซากลูกเสือ ซากลูกเสือที่ถูกดอง รวมทั้งซากหนังเสือ ซึ่งเป็นเสือที่วัดแห่งนี้ ดังนั้นกระบวนการผ่าซาก ชำแหละ และดอง รวมทั้งทำลายสัตว์เหล่านี้ พระไม่สามารถทำได้ มีเพียงสัตวแพทย์เท่านั้นที่สามารถทำได้ ส่วนเครื่องรางของขลังที่พบว่าทำจากชิ้นส่วนเสือ เป็นเพียงเศษหนังเสือ ซึ่งทำจากเสือที่ตายที่วัด และวัดไม่เคยทำพิธีพุทธาภิเษก และไม่เคยนำไปจำหน่ายแต่อย่างใด กรณีเสือเกิดหรือตายของเสือ รวมทั้งซากเสือ ทางพระอาจารย์เพียงรับทราบตามที่มีผู้รายงานเท่านั้น ส่วนจะแจ้งให้กรมอุทยานฯ หรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ของพระอาจารย์ ส่วนเครื่องรางของขลังที่ทำจากชิ้นส่วนเสือ คนที่อยู่ที่วัดเป็นผู้ทำ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับผู้กระทำการดังกล่าว กรมอุทยานฯ ควรรอให้ศาลบังคับคดีว่าต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่ายค่าเชยให้กับทางวัดที่เป็นผู้เลี้ยงดูเสือของกลางที่ทางกรมฝากเลี้ยง จากนั้นจึงจะเข้ามาขนย้ายออกไป ถึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ใช้กำลังมาบังคับดังนั้นการดำเนินการขนย้ายเสือของกรมอุทยานฯ ในครั้งนี้ จึงเสมือนเป็นการปล้นเสือจากวัดไป"

นายศิริ กล่าวต่อว่า เสือที่เลี้ยงดูไว้เป็นเสือที่ถูกกฎหมาย ดังนั้นซากเสือก็จะเป็นซากที่ถูกกฎหมายเช่นกัน กรณีที่กล่าวหาว่าวัดเป็นเส้นทางค้าเสือในตลาดมืด เป็นการกล่าวหากันลอยๆ แต่จะมีการฟ้องกลับหรือไม่ คงจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาในเรื่องนี้อีกครั้ง ส่วนเรื่องที่ดิน ส.ป.ก.หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าใครเป็นผู้บุกรุกก็ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายไป


(http://www.posttoday.com/media/content/2016/06/09/27293ED22E3042F59602FD8EAC527067.jpg)

"ขอยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด พระวิสุทธิสารเถร หรือหลวงตาจันทร์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกกรณี และจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้นิมนต์หลวงพ่อไปให้ปากคำแต่อย่างใด ส่วนกรณีเสือ 3 ตัวที่หายไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรไปติดตามอดีตนายสัตวแพทย์ที่เป็นผู้ดูแลเสือของกลางทั้งหมดมาสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งซากลูกเสือที่ถูกดองไว้ในโหลด้วย ซึ่งสังคมจะได้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น"

ด้าน นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนาย ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกรณีการค้นพบตะกรุดหนังสือ ตะกรุดเขี้ยวเสือ และซากหนังเสือว่า ของทั้งหมดไม่ใช่ของหลวงพ่อ แต่เป็นของคนที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 2 คนและผู้ที่ถูกจับกุมก็เป็นคนทำขึ้นมาเองโดยเก็บไว้ในห้องพักของตนเอง เมื่อมีคณะเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นก็เลยเกิดความกลัวความผิด จึงได้ขนย้ายไปเก็บไว้บนกุฏิของหลวงพ่อ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่คงไม่กล้าขึ้นไปตรวจค้นบนกุฏิ แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ปูพรมตรวจค้นกุฏิทั้งหมด ด้วยความกลัวผู้ที่ถูกจับกุมจึงไปขนตะกรุดและซากหนังเสือที่ถูกตรวจยึดขึ้นไปไว้ที่รถยนต์กระบะแล้วขับออกไป โดยนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นรถไปด้วยโดยที่ไม่รู้ว่ามีซากสัตว์เหล่านั้นอยู่ ซึ่งหลวงพ่อไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับซากสัตว์เหล่านั้นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น หลวงตาจันทร์ได้นั่งรถกอล์ฟออกมาอีกครั้งและขับผ่านบริเวณด้านหลังของประตูที่ถูกปิดไว้เหมือนครั้งแรก และพูดเพียงสั้นๆ ว่า "สุขภาพไม่ค่อยดี" ก่อนกลับเข้าไปยังพื้นที่ด้านในตามเดิม


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.posttoday.com/local/central/436602 (http://www.posttoday.com/local/central/436602)