หัวข้อ: เกาะแก้วพิสดาร อยู่ทะเลอันดามัน ตอนใต้ ไปทางสุมาตรา, ชวา มหาสมุทรอินเดีย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 25, 2016, 09:20:08 am (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C.jpg) แผนที่โบราณแสดงเมืองต่างๆ ในประเทศลังกาและมหาสมุทรอินเดีย มีเกาะนาควารี (ภาพจาก สมุดภาพไตรภูมิ ฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 2, กรมศิลปากร, 2542)เกาะแก้วพิสดาร อยู่ทะเลอันดามัน ตอนใต้ ไปทางสุมาตรา, ชวา มหาสมุทรอินเดีย ไม่ใช่เกาะเสม็ด อ่าวไทย เกาะแก้วพิสดารในจินตนาการของสุนทรภู่อยู่ทางใต้ของทะเลอันดามัน ค่อนลงไปทางเกาะสุมาตรากับเกาะชวาของอินโดนีเซีย เมื่อท้าวสิลราชเจ้าเมืองผลึกกับลูกสาวคือสุวรรณมาลีติดมรสุมอยู่กลางมหาสมุทร(อินเดีย) ปู่เจ้าบอกทางรอดว่า “จงตัดคลื่นฝืนไปทิศอิสาน จะพบพานผู้วิเศษข้างเพทไสย” เมื่อมุ่งไปทางทิศอีสานก็ได้พบพระฤๅษีเกาะแก้วพิสดารจริงๆ แสดงว่าเกาะแก้วพิสดารอยู่ในเขตทะเลอันดามัน หรือที่ใดที่หนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย ไม่ใช่ “เกาะเสม็ด” ในอ่าวไทยที่ จ. ระยอง อย่างที่เข้าใจกัน ทะเลอันดามันไม่ได้มีเพียงหมู่เกาะนาควารี แต่มีหมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะอื่นๆเป็นพืดยืดยาวตามแนวตั้งแต่พม่าลงไปถึงสุมาตราของอินโดนีเซีย แม้เกาะของนางผีเสื้อสมุทร สุนทรภู่ก็กำหนดให้อยู่ในบริเวณนี้ด้วย :96: :96: :96: :96: ปากคำนางเงือกบอกพระอภัยมณีระบุว่าบริเวณนี้มี “สำเภาชาวเกาะเมืองลังกา เขาแล่นมามีบ้างอยู่ลางปี” แสดงว่าอยู่บนเส้นทางคมนาคมการค้า แล้วมี “เกาะแก้ว พิสดาร” ของพระฤๅษีผู้วิเศษอยู่ด้วย จึงมีปากคำของนางเงือกบอกว่า “พวกเรือแตกแขกฝรั่งแลอังกฤษ ขึ้นเป็นศิษย์อยู่สำนักนั้นหนักหนา” บนเกาะแก้วพิสดารในจินตนาการของสุนทรภู่มีศาลาราย, เสาหงส์, กุฏิมุงกระเบื้อง สีเหลือง, ฯลฯ แล้วมีข้าว ดังกลอนตอนหนึ่งบอกว่า อันเกาะแก้วพิสดารสถานนี้ โภชนาสาลีก็มีถม แต่คราวหลังครั้งสมุทรโคดม มาสร้างสมสิกขาสมาทาน เธอทำไร่ไว้ที่ริมภูเขาหลวง ครั้นแตกรวงออกมาเล่าเป็นข้าวสาร ได้สืบพืชยืดอยู่แต่บูราณ จงคิดอ่านหาเคียวมาเกี่ยวไป เรื่อง “โภชนาสาลีก็มีถม” นี้ “กาญจนาคพันธุ์” ได้สืบค้นนิทานปรัมปราของอินโดนีเซียเกี่ยวกับกำเนิดพันธุ์ข้าวในเกาะชวา เข้าใจว่าสุนทรภู่รู้นิยายปรัมปราของชวานี้ดี จึงสร้างเรื่องให้เกาะแก้วพิสดารมีข้าวเลี้ยงคนจำนวนมากได้ ข้าวปลาอาหารบนเกาะแก้วพิสดารที่อุดมสมบูรณ์นั้น มีทั้งข้าวเหนียว, ข้าวเจ้า, ข้าวฟ่าง, และข้าวโพด หมายความว่าคนที่อยู่บนเกาะนี้ไม่ได้กินเผือกกินมันเหมือนพวกอันดามันกับพวกนาควารี (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/06/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B0-603x1024.jpg) แผนที่บริเวณเกาะแก้วพิสดารในพระอภัยมณี อยู่ทะเลอันดามัน ตอนใต้ มีหมู่เกาะนิโคบาร์ (นาควารี) ต่อเนื่องลงไปเกาะสุมาตรา, เกาะชวา (อินโดนีเซีย)นาควารินทร์สินธุ์สมุทร เป็นศูนย์กลางของพระอภัยมณี คือ หมู่เกาะนิโคบาร์ สุนทรภู่ได้ชื่อทะเล “นาควารินทร์สินธุ์สมุทร” มาจากชื่อนาควารี (หรือนิโคบาร์) ในสมุดภาพไตรภูมิ แล้วสมมุติให้ทะเลนาควารินทร์นี้กว้างไกลมหาศาล หมายถึงทะเลอันดามัน-อ่าวเบงกอล-และมหาสมุทรอินเดียทั้งหมดก็ได้ สุนทรภู่สร้างเรื่องให้เรือแตกบริเวณ “นาควารินทร์” เมื่อท้าวสิลราชเจ้าเมืองผลึก พาลูกสาวชื่อสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเลแล้วถูกพายุ “ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเป็นคลื่นคลั่ง เรือที่นั่งซัดไปไกลนักหนา จนพ้นแดนแผ่นดินสิ้นสายตา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด” จึงตั้งพิธีเซ่นปู่เจ้าถามทางว่าอยู่ที่ไหน? ปู่เจ้าบอก (ตอนเมาๆ) ว่า ฝ่ายปู่เจ้าหาวเรอเผยอหน้า นั่งหลับตาเซื่องซึมดื่มอาหนี แล้วว่ากูปู่เจ้าเขาคีรี ทะเลนี้มิใช่แคว้นแดนมนุษย์ ปรอทแร่แม่เหล็กก็มีมาก ชื่อว่านาควารินทร์สินธุ์สมุทร ฝูงนาคมาอาศัยด้วยไกลครุฑ ถ้ายั้งหยุดอยู่ที่นี่จะมีภัย (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-768x292.jpg) แผนที่โบราณแสดงเมืองต่างๆ ในประเทศลังกาและมหาสมุทรอินเดีย มีเกาะนาควารี (ภาพจาก สมุดภาพไตรภูมิ ฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 2, กรมศิลปากร, 2542)“นาควารินทร์สินธุ์สมุทร” เป็นชื่อที่สุนทรภู่เอามาจากเกาะนาควารี หรือ Nicobar Islands อยู่กลางทะเลอันดามัน มีเกาะใหญ่น้อยจำนวนมากเรียงรายตามแนวเหนือ-ใต้ แต่มีหมู่เกาะใหญ่และสำคัญ 2 หมู่ ยาวต่อเนื่องกันคือ หมู่เกาะอันดามัน (Andaman Islands) อยู่ตอนบน กับหมู่เกาะนิโคบาร์ (Nicobar Islands) อยู่ตอนล่าง (สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยึดเป็นฐานทัพ แต่หลังสงครามตกเป็นเขตของอินเดียจนถึงปัจจุบัน) หมู่เกาะ 2 หมู่นี้อยู่บนเส้นทางคมนาคมการค้าสมัยโบราณ ระหว่างภูมิภาคอุษาคเนย์กับบ้านเมืองแถบตะวันตก คืออินเดีย, ลังกา, ตะวันออกกลาง, และยุโรป จึงมีเอกสารกล่าวถึงเสมอๆ โดยเฉพาะหมู่เกาะนิโคบาร์เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “นาควารี”และชื่ออื่นๆ อีกหลายชื่อ ชื่อ “นิโคบาร์” เพี้ยนมาจากชื่อ “นาควาระ” หมายถึงถิ่นนาค หรืองู หรือคนเปลือย เป็นชื่อเรียกที่เหยียดคนพื้นเมืองลงเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ในสมุดภาพไตรภูมิทำขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา, กรุงธนบุรี, และยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เขียนแผนที่โบราณระบุเมืองท่าชายฝั่งจนถึงลังกา ต้องมีชื่อและภาพ “นาควารี เกาะคนเปลือย” ทุกฉบับ แสดงว่าเป็นสถานที่สำคัญระหว่างทางไปอินเดีย-ลังกา และเป็นที่รู้จักกว้างขวางในหมู่นักเดินเรือครั้งนั้น (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2016/06/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5-768x993.jpg) เกาะนาควารี (ภาพจาก สมุดภาพไตรภูมิ ฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 1, กรมศิลปากร, 2542) สมัยปลายกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ มีคณะสงฆ์จากราชอาณาจักรสยามเดินทางไปประดิษฐานสยามวงศ์ในลังกา เมื่อ พ.ศ. 2298 ต้องไปทางเรืออ้อมแหลมมลายูผ่านเมืองมะละกา มีบันทึกอยู่ในหนังสือ “เรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป” (พระนิพนธ์ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ว่าต้องผ่านเกาะอันดามันกับเกาะนาควารีหรือนิโคบาร์ แล้วเล่าเรื่องเกาะนาควารีไว้ด้วยว่า “ครั้นถึงตรงปากถ้ำมะริดแล้วบ่ายหน้าสำเภาไปข้างตะวันออก แล่นหลีกเกาะอันทมันไป วัน 1 กับคืน 1 ถึงเกาะนาควารี…” “ในเกาะนั้นมีคนอยู่เป็นอันมาก แต่ว่าหามีข้าวกิน หามีผ้านุ่งห่มไม่ ผู้หญิงนั้นนุ่งเปลือกไม้แต่พอปิดที่อายหน่อยหนึ่ง ผู้ชายนั้นเอาเชือกคาดเอวแล้วเอาผ้าเตี่ยวเท่าฝ่ามือห่อที่ความอายไว้” จากเกาะนาควารี สำเภากำปั่นแล่นไป 7 วัน 7 คืนก็มาถึง “ถนนพระราม” ซึ่งเป็นแนวหินเชื่อมระหว่างอินเดียใต้ (ทมิฬ) กับลังกา (สิงหล) :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: ครั้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แผ่นดิน ร.2 ก็ส่งพระสงฆ์ไปลังกาอีกเมื่อ พ.ศ. 2357 (น่าสงสัยว่าคราวนี้จะมีสุนทรภู่ไปในคณะด้วย) ให้พระสงฆ์อาศัยเรือค้าช้างของพ่อค้าลงเรือที่ควนธานี เมืองตรัง ผ่านเกาะยาวหน้าเกาะถลาง แล้วไปเกาะนาควารี ใช้เวลา 6 วัน มีบันทึกดังนี้ “แลเกาะนาควารีย์นั้น ผู้คนอยู่เป็นอันมาก คนเหล่านั้นไม่กินข้าว กินแต่เผือกมันแลหมากพร้าว ครั้นเห็นเรือเข้าไปใกล้เกาะแล้ว ก็เอาเผือกมันหมากพร้าวกล้วยอ้อยลงมาแลกยา” บันทึกของพระสงฆ์ไปลังกายังบอกอีกว่า “แลเกาะเล็กน้อยมีอยู่ใกล้เคียงเกาะนาควารีย์ที่แลไปเห็นนั้น จะนับประมาณมิได้” และนับเวลาตั้งแต่ออกจากเมืองตรัง 18 วัน ก็ถึงเมืองลังกา แล้วบันทึกถึงคำบอกเล่าเกี่ยวกับคนบนหมู่เกาะอันดามันว่า :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: “คนในเกาะนั้นกินคน ถ้าแลเรือซัดเข้าไปเถิงที่นั้นแล้ว มันช่วยกันไล่ยิงด้วยหน้าไม้ จับตัวได้เชือดเนื้อกินเป็นอาหาร อันนี้เป็นคำบอกเล่าหลายปากแล้ว ก็เห็นจะมีจริง แต่มิได้เห็นด้วยจักษุ” เรื่องมนุษย์กินคนคงมีหลายเกาะ ในนิราศลอนดอนของหม่อมราโชทัยก็เขียนไว้ว่า ที่สุมาตรามีมนุษย์กินคน สุนทรภู่คงได้ยินเรื่องมนุษย์กินคนอยู่ตามหมู่เกาะจากคำบอกเล่าของชาวเรือแล้ว จึงสร้างตัวละครชื่อ “เจ้าละมาน” ขึ้นมา แม้จะไม่ได้กินคนแต่ก็กินของสดๆ คาวๆ ดังนี้ ฝ่ายลำหนึ่งถึงละมานสถานถิ่น เมืองทมิฬฟันเสี้ยมเหี้ยมหนักหนา ไม่กินข้าวชาวบุรินทร์กินแต่ปลา กินช้างม้าสารพัดสัตว์นกเนื้อ ถึงเวลาฆ่าชีวิตเอามีดเชือด แล้วคลุกเลือดเข้าสักหน่อยอร่อยเหลือ ทั้งน้ำส้มพรมพล่าน้ำปลาเจือ ล้วนเถือเนื้อดิบกินสิ้นทุกคน :49: :49: :49: :49: เจ้าละมานนี้ “กาญจนาคพันธุ์” ว่าหมายถึงเจ้าแห่งเกาะละมาน หรือสุละมาน ก็คือเกาะนิโคบาร์หรือนาควารีนั่นเอง จะเห็นว่าข้อมูลตรงกับบันทึกของพระสงฆ์ที่พบชาวเกาะนาควารี สุนทรภู่ยังบรรยายรูปร่างหน้าตาของเจ้าละมานไว้อีกว่า “เห็นองค์ท้าวเจ้าละมานเหมือนมารร้าย” และ “จมูกแหลมแก้มแฟบซีกฟันเสี้ยม ดูหน้าเหี้ยมหาญหนักเหมือนยักษี” ต่อมาทำศึกกับพระอภัยมณี แล้วถูกจับได้ จึงให้เอาไปปล่อยเกาะ เพราะสุนทรภู่คงรู้ดีอยู่แล้วว่าชาวเกาะอันดามันเป็นพวก “เงาะ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบันว่า “ชาวเล” หรือ “ชาวน้ำ” จึงกำหนดเรื่องให้เอาเจ้าละมานไป “ปล่อยเสียที่แดนเงาะตามเกาะเกียน” ผู้เขียน : สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่มา : มติชนออนไลน์ เผยแพร่ : 23 มิ.ย. 59 http://www.matichon.co.th/news/186370 (http://www.matichon.co.th/news/186370) |