สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 12, 2016, 09:49:22 pm



หัวข้อ: การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การคิดเอา
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 12, 2016, 09:49:22 pm
(http://media.komchadluek.net/img/size1/2016/08/10/7h9gf7i9agbfe95aa75f6.JPG)


การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การคิดเอา
คอลัมน์ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต

กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ
การฟังธรรมของสัตบุรุษเป็นการยาก (พุทธพจน์)

สตินี้ ต้องฝึกให้มาก เพราะถ้าขาด อย่าว่าแต่ทางธรรมเลย ทางโลกก็ไปไม่ได้เหมือนกัน ถ้าขาดสติเสียอย่างเดียว

ถ้าจะฝึกให้รู้สึกตัวก็ให้ระลึกรู้อยู่อย่างนั้น รู้ว่าทำอะไรอยู่ รู้ว่าเป็นอย่างไร อาการของจิตแต่ละวัน แต่ละชั่วโมง แต่ละนาที แต่ละวินาทีเป็นอย่างไร รู้ให้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง เมื่อรู้อยู่บ่อยๆ ก็เท่าทัน เหมือนชกมวย ต่อยบ่อยๆ ก็รู้ทาง ถ้าไม่หมั่นซ้อมต่อยมวยก็ไม่รู้ทางกัน ต่อยกี่ครั้งก็แพ้เขาทุกครั้ง

ดังนั้น ฝึกสติ ก็ต้องฝึกซ้อมเหมือนต่อยมวย มันเป็นสมุฏฐานเดียวกับการปฏิบัติธรรม คือ ต้องเอาใจใส่ พากเพียร มีความมุมานะพยายาม ถึงพร้อมด้วยสติ ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรต้องมาห่วงในภายหลัง สิ่งทุกอย่างครูบาอาจารย์บอกไว้หมดแล้ว เหลือการปฏิบัติที่ตัวเราเท่านั้น

การปฏิบัติไม่ใช่การคิดเอา ที่เรานึกคิดในอดีต อนาคต ก็เป็นนิวรณ์ทั้งหมด หรือเป็นความฟุ้งซ่าน รำคาญ หงุดหงิด พยาบาท อาฆาต ทุกอย่างเลย อะไรที่เกิดขึ้นมาในจิตแล้วขวางกั้นทำให้ขาดสติ นั่นคือ นิวรณ์ ไม่ต้องไปแจกแจงมัน ให้รู้จักว่ามันคือ “นิวรณ์” ก็พอแล้ว และดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน

 :25: :25: :25: :25:

นิวรณ์ก็คือ ความคิดปรุงแต่งทั้งหมด เหมือนจะรับประทานอาหาร ถ้ามีผักมีเครื่องปรุงทุกอย่าง ก็ยังไม่เป็นอาหาร กินไม่ได้ใช่ไหม แต่ถ้าปรุงแล้ว ก็เป็นอาหารกินได้

ความคิดก็เหมือนกัน ถ้าปรุงไม่ดีก็เสีย กินไม่ได้ คนที่จะต้องกินก็คือ ตัวเจ้าของเอง ไม่มีใครมากินด้วย สุดท้ายตายไปจนเน่าเปื่อยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ตอนที่ธรรมมีอยู่ ลมหายใจมีอยู่ ก็ควรรีบฝึกฝน พากเพียร ยกเว้นแต่จะไม่ใส่ใจ ไม่สนใจเท่านั้นเอง โลกนี้ไม่มีอะไรเลิศเลอหรอก มีแต่ธรรมะเท่านั้น แต่คนไม่ค่อยสนใจ หรือสนใจ อยากได้ แต่ทำไม่ได้ อยากรู้ แต่ก็ไม่ใส่ใจ อยากเห็นแต่ไม่ขวนขวาย แล้วก็ไปคิดเอาว่าธรรมะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ธรรมะไม่ใช่เรื่องการคิดเอา

 :25: :25: :25: :25:

ฉะนั้น มีความรู้ มีความสามารถเท่าไหร่ ใส่ลงไปให้หมด ต้องเอาชีวิตเข้าแลกมาจึงจะได้ ถ้ายังทาแป้งทาปากอยู่แล้วจะไปหาธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่ทันกิเลสมัน มีแต่จะถูกมันหลอกเอา จะพักผ่อนก่อน เสริมสวยก่อนวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยไปวัด ไปปฏิบัติธรรมจำศีล ไม่ทันหรอกนะ ความตายมันเคาะประตูใจอยู่ทุกเสี้ยววินาที พลาดได้ที่ไหน ถ้ายังประมาทอยู่ ไม่มีวันที่จะได้ธรรมะของพระพุทธเจ้าไปครองใจ กิเลสมันลาก มันครองใจไปหมดแล้ว เดี๋ยวคนนั้นก็ชวน เดี๋ยวคนนี้ก็ชวน เธอจะไปวัดทำไมวันนี้ วันหยุด ไปพักผ่อนกันดีกว่า เธอจะไปทำไมปฏิบัติธรรม ยังไม่แก่สักหน่อย

พระพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ให้เริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เพราะความแน่นอน เราไม่รู้ว่ามันจะแน่นอนไหม พระพุทธเจ้าสอนไว้หมด บอกไว้หมดแล้ว แต่จะทำไหมก็แล้วแต่ของใครของมัน

ธรรมะเป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง ปฏิบัติแล้วก็จะเห็นได้ด้วยตนเอง ธรรมะไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปแปะ ไปฝากใครได้ หรือว่า คนนี้มีธรรมะมาแบ่งให้คนนี้หน่อย มันแบ่งไม่ได้หรอกนะ ต้องสร้างเอาเอง



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/news/amulets/237599 (http://www.komchadluek.net/news/amulets/237599)


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การคิดเอา
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ สิงหาคม 12, 2016, 11:37:24 pm
อ้างจาก: : raponsan หัวข้อ 21980
ต้องเอาชีวิตเข้าแลกมาจึงจะได้ ถ้ายังทาแป้งทาปากอยู่แล้วจะไปหาธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่ทันกิเลสมัน มีแต่จะถูกมันหลอกเอา จะพักผ่อนก่อน เสริมสวยก่อนวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยไปวัด ไปปฏิบัติธรรมจำศีล ไม่ทันหรอกนะ ความตายมันเคาะประตูใจอยู่ทุกเสี้ยววินาที พลาดได้ที่ไหน ถ้ายังประมาทอยู่ ไม่มีวันที่จะได้ธรรมะของพระพุทธเจ้าไปครองใจ กิเลสมันลาก มันครองใจไปหมดแล้ว เดี๋ยวคนนั้นก็ชวน เดี๋ยวคนนี้ก็ชวน เธอจะไปวัดทำไมวันนี้ วันหยุด ไปพักผ่อนกันดีกว่า เธอจะไปทำไมปฏิบัติธรรม ยังไม่แก่สักหน่อย

เป็นประโยคที่ถูกต้อง โปรดจำคำพูดเสริมจากฉันไว้

    ถ้าใครบอกท่านว่า ได้ ฌาน ตั้งแต่ 1 ขึ้นไป โปรดจำไว้ว่า เขาต้องมี จรณะ15 เป็นนิสัย
    ถ้าใครบอกว่าสำเร็จธรรม เป็นพระโสดาบัน ขึ้นไป โปรดจำไว้ว่า เขาจะต้องเขาผลสมาบัติ ในปีหนึ่ง อย่างน้อย 3 ครั้ง
    ถ้าใครบอกว่าสำเร็จธรรมเป็น พระอนาคามี โปรดจำไว้ว่า พระอนาคามี จะต้องเข้า นิโรธสมาบัติ ปีหนึ่งอย่างน้อย 1 ครั้ง ๆ หนึ่งเป็นเวลา 3 - 7 วัน ส่วน ปัญญาวิมุตติ ก็ต้องเข้าผลสมาบัติ 2 วัน 1 คืน อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งด้วยอำนาจญาณที่ได้ มันต้องทำโดยธรรมชาติ
   
      สูงกว่านี้ไม่ต้องพูดแล้ว มันจะต้องเยอะกว่า ละเอียดกว่า

      ฉันเจอมามาก ประเภทเข้าสมาบัติ 8 แต่ยังผัดหน้าทาแป้ง แต่งตัวหลากสี วับ ๆ แวม เวลาเข้าวัดนั่งกรรมฐาน เชื่อเหอะพวกนี้ไม่ใช่ของจริง เพราะโดยธรรมชาติของผู้ที่ได้ ฌาน ขึ้นไป ต้องมีคุณสมบัติขั้นต่ำ คือกุศลกรรมบถ 10 ประการ
     
      เจริญธรรม / เจริญพร
       


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การคิดเอา
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ สิงหาคม 13, 2016, 01:01:21 am
 st11 st12 :25: