หัวข้อ: 'ศาสนาพุทธ'ในอาเซียน ประวัติศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 26, 2016, 10:14:28 am (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_eiJWsUMdhW142951_533.jpg) 'ศาสนาพุทธ'ในอาเซียน ประวัติศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้ ประเทศอาเซียนที่นับถือ “ศาสนาพุทธ” มาตั้งแต่อดีตเมื่อราว 2,000 ปี และยังมีการสืบทอดเจตนารมณ์มาจากบรรพบุรุษ ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ การเรียน “ประวัติศาสตร์” อาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจใน “ประวัติศาสตร์” ของตนเอง วันหนึ่งอาจจะ “สูญเสียสิทธิ” ทาง “ประวัติศาสตร์” ของตนไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!! นั่นคือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้นๆ จะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจใน “ประวัติศาสตร์” ของตนให้ชัดเจน เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษและคนในชาติบ้านเมืองให้มีความมั่นคงยั่งยืน กอปรกับความเป็นวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อของคนในประเทศนั้น “ประวัติศาสตร์ของศาสนาพุทธ” ในอาเซียนก็เช่นกัน หากมีคนถามว่า คนไทย เคยทราบหรือไม่ว่า “ศาสนาพุทธ” ในแถบนี้มีความเป็นมาอย่างไร โดยเราจะมาเรียนรู้และทำความเข้าใจกัน เพื่อให้จับใจความได้ในระยะเวลาอันจำกัดนี้... (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_aOgsVSBfIa143004_533.jpg) (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_aXPWixsFud143002_533.jpg) สิ่งแรกต้องทำความเข้าใจในประเทศอาเซียน มีทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย ซึ่ง “ศาสนาพุทธ” ได้ตั้งมั่นลงในทุกประเทศทั่วอาเซียน ราว พ.ศ. 236 หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 236 ปี ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งพระเถระชาวอินเดีย 2 รูป คือ “พระโสณะ” และ “พระอุตตระ” มาเผยแผ่ศาสนาพุทธในแถบนี้ เนื่องจากได้พบโบราณวัตถุที่สำคัญ เช่น พระปฐมเจดีย์ และรูปธรรมจักรกวางหมอบเป็นหลักฐานสำคัญ ทั้งสองท่านจึงเปรียบเสมือนผู้นำ “ศาสนาพุทธ” เข้ามาในประเทศไทยและประเทศอาเซียน จึงนับได้ว่า “ศาสนาพุทธ” ได้ตั้งถิ่นฐานมั่นคงและเป็นความเชื่อของคนอาเซียนมาถึง 2,323 ปีมาแล้ว เรื่องราวของ “ศาสนาพุทธ” เริ่มชัดเจนมากขึ้นในสมัยทวารวดี เมื่อมีคนท้องถิ่นเริ่มนับถือและเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ โบราณสถานโบราณวัตถุที่เป็นศาสนสถานได้ถูกสร้างขึ้นให้เห็นเด่นเป็นสง่าประจักษ์แก่สายตาชาวโลกในแถบอาเซียนเมื่อสองพันปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้อาเซียนยังได้รับอิทธิพล “ศาสนาพุทธ” จากสองอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ คือ จีนและอินเดีย ในดินแดนแถบนี้จึงประกอบไปด้วย “ศาสนาพุทธ” นิกายเถรวาทและนิกายมหายาน (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_HJpgycfLba143000_533.jpg) ประเทศอาเซียน ที่นับถือ “ศาสนาพุทธ” มาตั้งแต่อดีตเมื่อราว 2,000 ปี และยังมีการสืบทอดเจตนารมณ์มาจากบรรพบุรุษ ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ ส่วนประเทศที่นับถือ “ศาสนาพุทธ” มาตั้งแต่อดีตเมื่อราว 2,000 ปีเช่นกัน แต่ปัจจุบันมีน้อยมาก ประกอบด้วย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ทั้งที่ประเทศเหล่านี้ได้รับอิทธิพลทาง “ศาสนาพุทธ” นิกายมหายาน จากอาณาจักรศรีวิชัย ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาติพันธุ์มลายู และประชาชนชาวมลายูได้นับถือ “ศาสนาพุทธ” มาโดยตลอด ในขณะนั้น (ตอนใต้ของไทย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย) พบหลักฐานทางโบราณวัตถุที่สำคัญจำนวนมาก ได้แก่ พระพิมพ์ดินดิบและรูปพระโพธิสัตว์ และมีพุทธสถานที่สำคัญหลายแห่งที่แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองของ “ศาสนาพุทธ” ในประเทศอินโดนีเซีย ได้แก่ “บุโรพุทโธ” หรือ “โบโรบุดูร์” ซึ่งตั้งอยู่ที่ราบเกฑุ (kedu) ในภาคกลางของชวา และ “พระวิหารเมนดุต” (Mendut) เป็นต้น ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2012 ตรงกับอาณาจักรศรีอยุธยา สมัยราชวงศ์สุพรรณภูมิ ศาสนาพุทธในอาณาจักรศรีวิชัย ตกอยู่ในภาวะเสื่อมถอยลง (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_JeMseAxrdZ143001_533.jpg) เราน่าจะพอเรียนรู้และเข้าใจใน “ประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธในอาเซียนผ่านทางโบราณคดี” กันพอสมควรแล้ว อาจจะทำให้ คนไทย ได้รับรู้และรู้สึกถึงคุณค่าของ “พระพุทธศาสนา” อันมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่อาศัย จึงสามารถกล่าวได้ว่า “ศาสนาพุทธ” ได้หยั่งรากลึกลงในแผ่นดินอาเซียนทุกประเทศ แม้ในอดีตจะแบ่งแยกอาณาจักรการปกครองตามแว่นแคว้นต่างๆ ก็ตาม แต่ละอาณาจักรก็ปกครองด้วยทศพิธราชธรรมมาโดยตลอดนับพันปี แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ทั้งดีและร้ายมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน “ศาสนาพุทธ” ก็ยังคงมีประชาชนนับถือและให้ความศรัทธาเป็นที่พึ่งอาศัยของคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นผืนแผ่นดินใหญ่ คือ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม “ศาสนาพุทธ” ใน ประเทศไทย ก็เช่นกัน ยังมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทยในทุกด้าน และประชาชนคนไทยทั่วทุกภาคของประเทศ ทั้งนี้พระมหากษัตริย์ทุกราชวงศ์ของไทยได้ทำนุบำรุง “ศาสนาพุทธ” นิกายเถรวาทให้เจริญรุ่งเรืองประดิษฐานมั่นคงสืบมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องด้วยประชาชนส่วนใหญ่นับถือ “ศาสนาพุทธ” นิกายเถรวาท และเป็นศาสนาประจำชาติโดยพฤตินัย ซึ่งมีความสอดคล้องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2559มาตรา67 ว่า... (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_yAtMqKmGTt142958_533.jpg) (http://www.dailynews.co.th/admin/upload/20160816/news_rcQrFRWrox143003_533.jpg) “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทย ส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชน มีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย” อย่าปล่อยให้การปกป้อง “พุทธศาสนา” เป็นหน้าที่พระท่านอย่างเดียว ชาวพุทธทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันเพราะวันนี้ “ภัยที่แท้จริง” หลายคนอาจไม่รู้ แต่คน “วงใน” รู้ อย่าปล่อยให้ “ศาสนาพุทธ” ในไทยกลายเป็นแค่ “ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่ง” เหมือนอินเดียเลย... คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com เครดิตภาพโดย Tiy Thaipreecha ,suwannasabeloved.wordpress.com, เมืองคอน.คอม ขอบคุณภาพและบทความจาก : http://www.dailynews.co.th/article/516274 (http://www.dailynews.co.th/article/516274) |