หัวข้อ: พลานุภาพของการสวดมนต์ จากพระไตรปิฎก เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 23, 2016, 09:06:18 am (https://goodlifeupdate.com/app/uploads/2017/04/%E0%B8%9B%E0%B8%81-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.jpg) พลานุภาพของการสวดมนต์ จากพระไตรปิฎก พลานุภาพของการสวดมนต์ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย เป็นสมาธิ ถือเป็นกิจกรรมสำหรับพัฒนาจิตวิญญาณอย่างหนึ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มานับพันปีตั้งแต่ยุคโบราณ ศาสนิกชนในศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์ ฮินดู พุทธ คริสต์ อิสลาม ล้วนแต่สวดมนต์กันเป็นกิจวัตร ในศาสนาพุทธ มีการกล่าวถึงพลานุภาพของการสวดมนต์ไว้อย่างชัดเจน ในพระไตรปิฎก เช่น เมื่อพระมหากัสสปเถระ และ พระมหาโมคคัลลานะอาพาธ พระพุทธองค์เสด็จมาเยี่ยม และทรงสวด โพชฌงค์ 7 ประการ ให้แก่พระสาวกทั้งสอง เมื่อสวดจบ พระมหากัสสปะและพระมหาโมคคัลลานะก็หายจากอาการอาพาธนั้น หรือแม้เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงพระประชวรเอง ก็โปรดให้ พระมหาจุนทะ สวดโพชฌงค์ 7 ประการถวาย เมื่อสวดจบ พระพุทธองค์ก็ทรงสรรเสริญโพชฌงค์ 7 และหายจากอาการประชวร @@@@@ นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่น ๆ อีกมากมาย ที่การสวดมนต์ช่วยให้หายป่วยได้ เช่น เมื่อท่าน คิริมานนท์ อาพาธ พระพุทธองค์มีรับสั่งให้พระอานนท์ ไปเยี่ยม และให้สวดแสดง สัญญา 10 ประการ ให้ฟัง เมื่อฟังจบท่านคิริมานนท์ก็หายจากอาการอาพาธ แม้แต่ฆราวาสในครั้งพุทธกาล เมื่อป่วยจนใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ยังนิยมนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ให้ฟังถึงที่บ้าน ดังที่ธรรมิกอุบาสกนิมนต์พระมาสวด มหาสติปัฏฐานสูตร แล้วจึงถึงแก่กรรม ในทางพุทธศาสนาอธิบายว่า การสวดมนต์มีพลังในการบำบัดโรค เพราะ การได้สวดมนต์หรือได้ฟังเสียงสวดมนต์เป็นอุบายให้จิตใจสงบ เป็นสมาธิ จิตจึงนิ่ง และว่างจากการปรุงแต่งอารมณ์ ช่วยให้ลืมความรู้สึกเจ็บปวดไปได้ชั่วขณะ และช่วยให้อาการเครียด หรือกังวลผ่อนคลายลงได้ @@@@@ นอกจากนั้น การได้พิจารณาข้อธรรมต่าง ๆ ในบทสวดมนต์ก็ยังทำให้เกิดความปีติ โสมนัส ชุ่มชื่น เบิกบานใจ จิตใจจึงมีพลัง ทำให้ความเจ็บป่วยทางกายพลอยหายไปได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในธรรมต่าง ๆ เป็นอย่างดี เคยปฏิบัติธรรมมาก่อน มีใจน้อมไปในทางธรรม ชอบฟังธรรม ชอบสวดมนต์อยู่เป็นประจำ หรือเคยฝึกสมาธิภาวนามาก่อน เมื่อได้ยินเสียงสวดมนต์ จะยิ่งรู้สึกชุ่มชื่นเบิกบานหัวใจ ทำให้ได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น ที่สุดเมื่อจิตเป็นสมาธิจากการสวดมนต์ ความสงบเยือกเย็นก็จะตามมา ส่งผลให้จิตใจหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ แม้พบเจออุปสรรคหนักหนาเพียงใด ก็จะฝ่าฟันไปได้ในที่สุด :25: :25: :25: :25: รู้หรือไม่! สวดมนต์อย่างไรให้ได้อานิสงส์สูงสุด ๑. ใจต้องอยู่กับบทสวด ขณะสวดสติควรจดจ่ออยู่กับการพิจารณาตัวอักษร ให้รู้ว่าอักขระหรือตัวหนังสือที่เรากำลังท่องนั้นคือตัวอะไร เช่น ขณะกำลังสวดว่า “นะโม” ก็ต้องรู้ว่าประกอบขึ้นด้วยคำว่า “นะ” กับคำว่า “โม” ไม่ใช่ปากท่องไป แต่ใจคิดไปถึงเรื่องอื่น ๒. รู้คำแปล การสวดมนต์โดยรู้คำแปลจะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด คือ เกิดปัญญา แต่หากยังแปลไม่ออก ก็ควรสวดด้วยใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ๓. สวดอย่างมีสมาธิและผ่อนคลาย โดยเลือกสวดในช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อม เช่น หลังมื้ออาหารไปแล้วสัก 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อให้ไม่รู้สึกอึดอัด และสวดในสถานที่เงียบสงบและมีอากาศถ่ายเท ๔. ควรสวดมนต์ด้วยตัวเองก่อนนอน การได้เปล่งเสียงสวดมนต์ดังๆ ประมาณ 10 – 15 นาทีขึ้นไปจะทำให้ร่างกายหลั่งสารซีโรโทนินซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ทำให้หลับสนิทและสบายขึ้น เรียบเรียงจาก “ไขความลับมนตราบำบัด” เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Secret คอลัมน์ Healthy Body in Healthy Mind เรื่อง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ http://www.goodlifeupdate.com/40072/healthy-mind/dhamma/dhamma-daily/praypowertraipidog/ (http://www.goodlifeupdate.com/40072/healthy-mind/dhamma/dhamma-daily/praypowertraipidog/) หัวข้อ: Re: พลานุภาพของการสวดมนต์ จากพระไตรปิฎก เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ธันวาคม 23, 2016, 11:25:57 am st12
หัวข้อ: Re: พลานุภาพของการสวดมนต์ จากพระไตรปิฎก เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ ธันวาคม 23, 2016, 06:50:27 pm สวดมนต์ดังก้อง
16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ผู้บันทึกความดีสักขีพยาน นั้น คือผู้มีหน้าที่บันทึก |