หัวข้อ: “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” อลังการปราสาทรวงข้าว ศิลปะแห่งศรัทธา ที่ "กาฬสินธุ์ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2017, 09:11:59 am (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191601.JPEG) ปราสาทที่สร้างด้วยรวงข้าว “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” อลังการปราสาทรวงข้าว ศิลปะแห่งศรัทธา ที่ "กาฬสินธุ์" จังหวัดกาฬสินธุ์ ชวนชม "ปราสาทข้าว" ศิลปะแห่งศรัทธาของ ในงาน "ประเพณีบุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน สืบสานตำนานพระแม่โพสพ ประจำปี 2560 " ระหว่างวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2560 ณ วัดเศวตวันวนาราม หมู่บ้านต้อน ตำบลเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191602.JPEG) ข้าวเปลือกที่เทกองรวมกันในลาน (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191603.JPEG) กำแพงปราสาทรวงข้าวที่สร้างจากรวงข้าวเป็นมัดๆ “ข้าว” ถือว่าเป็นผลผลิตที่สำคัญของประเทศไทย เป็นสิ่งสำคัญที่ชาวนาในประเทศนั้นมีความเชื่อถือเกี่ยวกับพระแม่โพสพ ข้าวจึงถือว่าเป็นสิ่งวิเศษของชาวนาโดยเฉพาะชาวอีสาน ที่นอกจากมีอาชีพปลูกข้าวเป็นส่วนใหญ่แล้วยังมีประเพณีที่เกี่ยวกับข้าวอันหลากหลาย จึงมีพิธีกรรมสืบสานมรดกประเพณีในแต่ละท้องถิ่นต่อๆ กันมา ที่กาฬสินธุ์ก็เช่นกัน มีพีธีที่เรียกว่า “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” (คูนลาน) ถือว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ของชาวกาฬสินธุ์ ซึ่งทาง “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”(ททท.) ได้ร่วมส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” สืบสานตำนานพระแม่โพสพ ประจำปี 2560 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2560 ณ วัดเศวตวันวนาราม หมู่บ้านต้อน ตำบลเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191605.JPEG) ชาวบ้านนำข้าวมามัดรวมกันเพื่อไว้สร้างปราสาทรวงข้าว คำว่า “คูณลาน” หมายถึง เพิ่ม หรือทำให้มากขึ้น ส่วนคำว่า “ลาน” คือ สถานที่สำหรับนวดข้าว ซึ่งการนำข้าว ที่นวดแล้วกองขึ้นให้สูง เรียกว่า “คูณลาน” ข้าวกับการทำบุญในศาสนานั้นอยู่คู่กันไม่มีวันแยกจากกันได้ ดังนั้นการทำบุญคูณลานจึงเป็นสิ่งที่ชาวนาต้องทำทุกปีหลังเก็บเกี่ยว สำหรับบุญคูณลานของชาวตำบลเหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์นั้น ได้มีการดัดแปลงบางส่วนคือการทำบุญคูณลานสมัยก่อนนี้ จะมีบางครอบครัวนวดข้าวยังไม่เสร็จ เมื่อชาวบ้านส่วนใหญ่ทำบุญคูณลานของตนเองยังไม่นวด จึงนำมัดข้าวที่ยังไม่แยกเมล็ดข้าวออกมาถวายวัด ทำให้เกิดความคิดว่าควรจะนำมัดข้าวมาทำเป็นศิลปะสักอย่างให้ดูสวยงาม ประมาณ พ.ศ. 2537 นายสมนึก บัวแพ จึงได้นำต้นแบบและแนวคิดในการทำปราสาทด้วยรวงข้าว ชาวบ้านจึงได้ลองทำดูปรากฏว่าเป็นที่ประทับใจ จึงได้ดำเนินการเป็นบุญคูณลานที่มีปราสาทสร้างด้วยรวงข้าวตั้งแต่นั้นมาและมีพัฒนาการเรื่อยๆ จนกระทั่งมีรูปแบบและขนาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191604.JPEG) ชาวบ้านนำข้าวมาเทรวมกันเพื่อสร้างคูณลาน หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วชาวบ้านจะนำมัดข้าวมารวมกันที่วัด หรือถ้าใครมีปัญหาไม่สามารถนำข้าวมาได้ก็จะแจ้งมาทางวัดก็จะให้ความสะดวก โดยการนำรถไปรับถึงทุ่งนาก็มี หลักจากนั้นชาวบ้านก็จะประชุมกำหนดวันงาน ซึ่งจะจัดในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 เพราะโบราณอีสานถือว่าฟ้าเปิดประตูฝน คนโบราณจะสังเกตอากาศในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันทำนายฝนตกประจำปี แต่การกำหนดวันก็จะไม่ตรงเสียทีเดียวเพราะมีเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน การสร้างปราสาทรวงข้าวของชาวบ้านในตำบลเหนือ นั้น จะมีหมู่บ้าน 12 หมู่บ้าน ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะหมุนเวียนกันมาร่วมสร้างโครงสร้างและเลือกรวงข้าวที่สวยงามจากนั้นนำรวงข้าวมามัดเป็นกำแล้วนำขึ้นประดับตกแต่งเป็นปราสาทรวงข้าวก่อนที่จะถึงวันงานก็จะทำการประดับตกแต่งให้ดูสวยงามอีกครั้ง โดยใช้เวลาในการสร้างประมาณ 45 วัน แรงงานทั้งหมดนั้นเกิดจากชาวบ้านไม่มีการคิดค่าแรง ทุกคนทำด้วยความเต็มใจ เกิดจากความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ ถือว่าเป็นความภูมิใจของชาวบ้านนั้นเอง (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191606.JPEG) ทำบุญตักบาตรในตอนเช้า ในวันงานตอนเช้านั้น ชาวบ้านก็จะมาร่วมกันทำบุญตักบาตรกันที่หน้าลานปราสาทรวงข้าวในตอนเช้า ซึ่งจะมีพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาต จากนั้นก็จะร่วมกันสวดมนต์รับพร และร่วมรับประทานอาหารภายในวัด มีบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองของชาวบ้าน จากนั้นก็จะเป็นพิธีบวงสรวงบูชาพระแม่โพสพ เพื่อที่จะได้ระลึกถึงผู้มีพระคุณพระแม่โพสพ ที่ทำให้ข้าวกล้าในนาเจริญงอกงามได้ผลตามที่ต้องการ รวมทั้งยังต้องฝากข้าวกล้าในนาไว้กับพระแม่โพสพให้ท่านดูแล ให้ข้าวในนาเจริญงอกงามปราศจากภัยทั้งปวง เมื่อบวงสรวงเสร็จแล้วจึงทำพีธีบายศรีสู่ขวัญข้าว โดยมีเครื่องเชิญขวัญที่เรียกว่า “บายศรี” และผู้นำทำพิธีเรียกว่า “หมอขวัญ” ซึ่งเป็นพิธีกรรมในการเรียกขวัญข้าว เรียกขวัญพระแม่โพสพที่ตกหล่นตามท้องนาขึ้นสู่ยุ้งฉาง เมื่อบายศรีเสร็จแล้วชาวบ้านนำสายสิญจน์มาพันมัดข้าวรอบปราสาทรวงข้าว (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191607.JPEG) บวงสรวงพระแม่โพสพ (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191608.JPEG) ร่วมกันทำพิธีบายศรีสู่ขวัญข้าว ช่วงบ่ายชาวบ้านก็จะทำขบวนแห่อันเชิญภาพพระแม่โพสพ,แห่ปราสาทรวงข้าวจำลอง และขบวนฟ้อนรำของชาวบ้านและนักเรียนจากสถานศึกษาในเขตตำบลเหนือ ตามแต่จะสามารถจัดได้ผ่านชุมชนต่างๆ มาที่บริเวณจัดงานที่ วัดเศวตวันวนาราม ซึ่งเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของตำบลเหนือและเป็นที่ตั้งของปราสาทรวงข้าว นับว่าประเพณี “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” ถือว่าเป็นประเพณีที่ยิ่งใหญ่ มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น และมีความโดดเด่นแตกต่างจากประเพณีบุญคูณลานทั่วไป โดยเฉพาะปราสาทรวงข้าวที่เกิดจากแรงงานศรัทธา ถือว่าเป็นศิลปะแห่งศรัทธาในพระแม่โพสพที่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่า และยังเป็นสื่อสะท้อนอันชัดเจนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางวิถีวัฒนธรรมไทยของชาวบ้านในเทศบาลตำบลเหนือ จ.กาฬสินธุ์ อย่างแท้จริง (http://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000001191609.JPEG) ชาวบ้านนำสายสิญจน์ผูกมัดรวงข้าวเพื่อเรียกขวัญ ทั้งนี้สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลเหนือ จังหวัดกาฬสินธุ์ โทรศัพท์ 0 4384 0812 หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น โทรศัพท์ 0 4322 7714-5 ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000011452 (http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000011452) หัวข้อ: Re: “บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวคูณลาน” อลังการปราสาทรวงข้าว ศิลปะแห่งศรัทธา ที่ "กาฬสินธุ์ เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2017, 10:23:15 am ขอบคุณ...เยี่ยมๆ ทำให้คนได้ความรู้ ทางด้านสืบสานประเพณี |