หัวข้อ: พระเจ้าอู่ทองกินเหล็ก วัดพุทไธศวรรย์ ชื่อนี้มีด้วยที่เมืองพิษณุโลก.? เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 25, 2017, 11:24:18 am (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/03/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C01.%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2.jpg) วัดพุทไธศวรรย์ (บริเวณเวียงเหล็ก พระเจ้าอู่ทอง) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยุธยา (จากหนังสือ วัดพุทไธศวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2546)พระเจ้าอู่ทองกินเหล็ก วัดพุทไธศวรรย์ ชื่อนี้มีด้วยที่เมืองพิษณุโลก.? พระเจ้าอู่ทอง ประทับชั่วคราวอยู่เวียงเหล็ก เพื่อสร้างพระนครศรีอยุธยา เมื่อพระนครสร้างเสร็จได้ถวายเวียงเหล็กเป็นวัดพุทไธสวรรย์ [ชื่อ เวียงเหล็ก น่าจะเกี่ยวข้องกับเหล็กที่พระเจ้าอู่ทองเสวย มีบอกในคำให้การชาวกรุงเก่า เล่าว่าพระเจ้าอู่ทองกินเหล็ก โดยขูดเป็นผงเอาไปตำให้แหลกละเอียด แล้วคลุกเครื่องกระยาหาร] เวียง เป็นคำตระกูลไต-ไท หมายถึงศูนย์อำนาจ (หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์) อยู่ในเมืองที่ล้อมรอบเป็นขอบเขตเฉพาะด้วยคันดิน หรือ กำแพง หลังรับอินเดียจึงมีความหมายกว้างกว่าเดิม ใช้เรียกบริเวณที่มีพระธาตุเจดีย์เป็นศูนย์กลางก็ได้ ในล้านนาเรียกเวียงพระธาตุ เช่น เวียงพระธาตุลำปางหลวง (จ. ลำปาง) [เชียง เป็นคำตระกูลไต-ไท หมายถึง เมือง โดยไม่เน้นกายภาพว่ามีกำแพงล้อมรอบ จะมีหรือไม่มีกำแพงก็ได้ แต่มักมีเวียงเป็นแกนอยู่ในเชียง ความเชื่อดั้งเดิมว่าต้องมีดงไม้ใหญ่เป็นที่อยู่ของผีบ้านผีเมือง] :96: :96: :96: พุทไธศวรรย์ ชื่อวัดมีคำถาม? “พุทไธศวรรย์” มีในวรรณกรรมยุคต้นอยุธยา ยวนพ่าย (โคลงดั้น) กวีหลายคนร่วมกันแต่งยอพระเกียรติพระบรมไตรโลกนาถ พรรณนาถึงเหตุการณ์เมื่อประทับ (รับศึกเมืองเชียงใหม่) อยู่ที่เมืองพิษณุโลก ว่าทรงมีกรณียกิจทางการเมืองหลายอย่าง เช่น ทรงผนวช, ลาผนวช, สร้างวัด, สร้างกำแพงเมืองพิษณุโลก (โคลงบท 76-80) มีโคลงบทหนึ่งว่า ปางสร้างอาวาศแล้ว ฤาแสดง คือพุทไธศวรรย์หมาย ชื่อชี้ ปางถกลกำแพงพระ พิษณุ แล้วเฮย อยู่ช่างพระเจ้าฟี้ เฟื่องบร ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ นักปราชญ์สยามบอกไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2513 ว่า “วัดพุทไธศวรรย์มีมาก่อนแล้ว และอยู่ที่อยุธยา มิได้อยู่ที่พิษณุโลก ยวนพ่าย บทที่ 80 ก็ว่าได้ทรงสร้างพระอาวาศขึ้น แล้วพระราชทานชื่อว่า วัดพุทไธศวรรย์ หรือว่า วัดพุทไธศวรรย์มีที่พิษณุโลกอีกวัดหนึ่ง ขอฝากให้นักโบราณคดีช่วยกันพิจารณา” [ยวนพ่ายโคลงดั้น โดย ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ถอดความ แปลศัพท์ และอธิบาย พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2513 หน้า 137-138] ยวนพ่าย (โคลงดั้น) แต่งร่วมสมัยเรือน พ.ศ. 2000 ไม่บอกว่าพระบรมไตรฯ ทรงผนวชที่วัดชื่ออะไร? ไม่บอกเรื่องสร้างวัดจุฬามณี แต่บอกชัดเจนว่าสร้างวัดพุทไธศวรรย์ ที่เมืองพิษณุโลก วัดจุฬามณี เมืองพิษณุโลก มีชื่อในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ แต่งสมัยพระนารายณ์ หลังเหตุการณ์จริงราว 200 ปี หรือหลัง พ.ศ. 2200 น่าสงสัยว่ามีเปลี่ยนแปลง หรือสลับกัน ระหว่างชื่อวัดพุทไธศวรรย์ กับวัดจุฬามณี ต้องตรวจสอบใหม่อย่างถี่ถ้วน แต่เกินสติปัญญาที่ผมจะทำได้ :sign0144: :sign0144: :sign0144: พระเจ้าอู่ทองกินเหล็ก เทพยดาอารักษ์ประกาศว่า ผู้ใดจะสร้างพระนครลงที่หนองดสนต้องมีฤทธิ์ 2 อย่าง (1.) กินเหล็กได้ (2.) ยิงลูกศรไป ลูกศรกลับมาหาเองไม่ต้องใช้คนไปเก็บ พระเจ้าอู่ทองให้ “กรางเหล็กแท่งหนึ่งออกตำให้แหลกเป็นผงกรองโดยละเอียด” (กราง แปลว่า ขัดถูด้วยตะไบหรือหางกระเบนให้เป็นผง) แล้วใส่คลุกลงในเครื่องพระกระยาหาร ผงเหล็กคลุกข้าวมีรสอร่อย เสวยทุกเวลาและเสวยได้มาก แล้วกลายเป็นโอสถวิเศษให้มีพระฉวีวรรณงามผ่องใสขึ้นกว่าเก่า พระเจ้าอู่ทอง เสด็จประทับตำหนักน้ำ แล้วแผลงศรยิงไปในทางเหนือน้ำ ลูกศรตกน้ำ แล้วลอยตามน้ำมา พระองค์ทรงกั้นไว้ด้วยคันศร ลูกศรก็เลื่อนลอยเข้ามาหาสู่แล่งศรที่ถือในพระหัตถ์ ไม่ต้องใช้คนไปเก็บ (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/03/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C02.%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2-768x391.jpg) พื้นที่บรรพชน พระเจ้าอู่ทองเมื่อสร้างพระนครศรีอยุธยาสำเร็จแล้ว ก็ย้ายไปอยู่พระราชวังแห่งใหม่ ส่วนเวียงเหล็กถวายเป็นวัดพุทไธศวรรย์ แต่ยังมีความหมายในทางศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่บรรพชนจนถึงสมัยหลังๆ ดังให้มีเฉลิมฉลองขอขมาผีบรรพชน เมื่อถึงเดือน 12 เพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ในพืชพันธุ์ธัญญาหารเลี้ยงราชอาณาจักร กฎมณเฑียรบาลกำหนดว่าพระราชพิธีจองเปรียง ลดชุดลอยโคมส่งน้ำ พระเจ้าแผ่นดินเสด็จลงเรือพระที่นั่ง แล้วล่องไปทำพิธีส่งน้ำ (หมายถึง ขอให้น้ำลด เพื่อชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวในนาที่น้ำท่วม) พร้อมด้วยพระอรรคมเหสี, แม่หยัวเมือง, ลูกเธอหลานเธอ ฯลฯ ครั้นถึงวัดพุทไธศวรรย์เสด็จขึ้นทอดพระเนตรการละเล่น มีจุดดอกไม้ไฟ มีเล่นหนังใหญ่ (เรื่องรามเกียรติ์) คืนเดียวกันนี้มีเล่นหนังใหญ่ในวังหลวงด้วย แสดงถึงความสำคัญของเวียงเหล็กเสมอด้วยวังหลวงของราชอาณาจักร จะเห็นอีกว่าเวียงเหล็กกับวังหลวงอยู่แนวเดียวกันเหนือ-ใต้ :25: :25: :25: พระเจ้าอู่ทองในนิทาน พระเจ้าอู่ทอง มีตำนานนิทานบอกเล่าสืบต่อตกทอดมากมายหลายสำนวน ล้วนเป็นที่รู้จักตามท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องนั้นๆ มีสำนวนหนึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้แพร่หลาย ว่า พระเจ้าอู่ทองเป็นเทพารักษ์ แต่มักแปลงตัวเป็นหนุ่มรูปงาม ไปสมสู่กับสตรีชาวบ้านร้านตลาด ต่อมาถูกขอร้องให้บวช เลยกลายเป็นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ จะคัดคำบอกเล่านั้นมาดังนี้ “คุณแม่เครือวัลย์ จบกระบวนยุทธ์ มารดาท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อสมัยท่านเป็นเด็ก คุณยายท่านเคยเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นเทพารักษ์พระเจ้าอู่ทองเป็นที่ครั่นคร้ามของชาวเมืองมาก เล่ากันว่าท่านมักปรากฏตัวเป็นชายหนุ่มรูปงามไปสมสู่กับสตรีชาวบ้านร้านตลาด เจ้าคุณวัดพุทไธสวรรย์ท่านได้อัญเชิญเทพารักษ์มาและขอร้องให้บวชเสีย เทพารักษ์ก็ยินยอม แต่นั้นข่าวฤทธิ์เดชของท่านก็เงียบไป ทุกวันนี้ชาวพระนครศรีอยุธยาจำนวนมากก็ยังเคารพสักการะในฐานที่เป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีทุกข์ก็บนบานศาลกล่าวให้ช่วยคุ้มครอง” [ท่านผู้หญิงจงกล กิตติขจร ในข้อเขียนคัดมาคือ ภริยาจอมพล ถนอม กิตติขจร จากบทความเรื่อง “พระบรมราชประวัติสมเด็จพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดี” โดย จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิมพ์ในหนังสือ อนุสรณ์สมเด็จพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีศรีสินทรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว เป็นที่ระลึกงานเสด็จทรงเปิดพระราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าอู่ทอง วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2513 หน้า 4] (http://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/03/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B9%84%E0%B8%98%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C03.%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2-768x397.jpg) เจ้าอู่ เมืองจีน โครงเรื่องนิทานพระเจ้าอู่ทองทำชู้ ยังมีในคำบอกเล่าของขุนนางข้าราชการสมัยพระเจ้าปราสาททอง ยุคอยุธยา ต่อมา วัน วลิต (พ่อค้าฮอลันดา) จดไว้ มีความโดยย่อดังนี้ จักรพรรดิจีนมีโอรสองค์หนึ่ง ชื่อ เจ้าอู่ เป็นเจ้าชายตัณหาจัด มักทำชู้สู่สมภรรยาขุนนางจีน จนจักรพรรดิจีนให้เนรเทศลงสำเภาปล่อยไปขึ้นบกในสยาม แล้วสถาปนาอยุธยา จะคัดส่วนหนึ่งมาดังนี้ “มีพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งซึ่งปกครองแว่นแคว้นหลายแว่นแคว้นในประเทศจีน (ชาวสยามไม่ทราบพระนามพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้) พระองค์มีโอรสองค์หนึ่งพระนามว่าเจ้าอู่ ซึ่งเป็นเจ้าชายที่ตัณหาจัด ข่มเหงภรรยาขุนนางจีนสำคัญๆ ไปหลายคน หญิงคนใดที่ไม่ยอมให้พระองค์ข่มเหงก็จะถูกฆ่าตายอย่างลึกลับ ขุนนางเหล่านี้ได้เข้าร้องเรียนพระเจ้าแผ่นดินถึงความประพฤติตัวไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรมของพระราชโอรส และขู่จะถอดถอนพระเจ้าแผ่นดินออกจากราชบัลลังก์ ถ้าหากพระองค์ทรงปฏิเสธไม่ปลงพระชนม์พระราชโอรสเสีย พระเจ้าแผ่นดินทรงยินยอม และตั้งใจที่จะปลงพระชนม์พระราชโอรส แต่สมเด็จพระราชินี (พระมารดาของเจ้าชายที่ถูกกล่าวหา) ทรงคัดค้าน และเห็นว่าวิธีที่ดีที่สุดก็คือให้พระราชโอรสออกนอกประเทศ พระเจ้าแผ่นดินทรงยินยอม และได้เล่าความคิดนี้แก่พวกขุนนาง พวกขุนนางก็พออกพอใจ และเห็นด้วยกับพระองค์—– พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานเรือสำเภาหลายลำ พร้อมทั้งเสบียงมากมาย เช่น ข้าว อาวุธยุทธภัณฑ์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเดินทางไกลให้แก่พระราชโอรส พระองค์ยังพระราชทานข้าราชบริพารให้อีก 200,000 คน และของมีค่าต่างๆ” [พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิต พ.ศ. 2182 (สุจิตต์ วงษ์เทศ บรรณาธิการ) สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่สาม พ.ศ. 2548 หน้า 12] st12 st12 st12 เซอร์กาลาแฮด อังกฤษ พระเจ้าอู่ทองทำชู้ นิทานนี้ อ. ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ยกไปขยายเทียบกับ เซอร์กาลาแฮด (อัศวินของพระเจ้าอาเธอร์) เมื่อตายไปวิญญาณของเซอร์กาลาแฮดทำชู้กับลูกสาวชาวบ้านที่ต้องการความสุขทางเพศรส [อยู่ในบทความเรื่อง “พระเจ้าอู่ทอง กับเซอร์กาลาแฮด” ของ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ พิมพ์ในนิตยสาร ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ 1 ฉบับที่ 7 (พฤษภาคม 2523) หน้า 6-9] ขอบคุณภาพและเนื้อหา http://www.matichon.co.th/news/505835 (http://www.matichon.co.th/news/505835) |