สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2017, 12:59:59 pm



หัวข้อ: ตามรอยบาทพระศาสดาแดนพุทธภูมินมัสการ "4 สังเวชนียสถาน" : สานศรัทธาอย่างยั่งยืน
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 29, 2017, 12:59:59 pm

(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1A6L0E6MfXylc4mVjsfXKMgQFHffh.jpg)


ตามรอยบาทพระศาสดาแดนพุทธภูมินมัสการ "4 สังเวชนียสถาน" : สานศรัทธาอย่างยั่งยืน

“สังเวชนียสถาน 4 ตำบล” เส้นทางบุญที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลก มุ่งมั่นต้องเดินทางมากราบสักการะครั้งหนึ่งในชีวิต เนื่องจาก สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสฝาก “พระอานนท์” ความว่า “ดูก่อนอานนท์ นรชนใดหมายที่จะมากราบตถาคต เมื่อตถาคตปรินิพพานไปแล้ว ให้ไปกราบในที่ 4 ตำบล ได้แก่ ลุมพินีสถานที่ประสูติ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ สารนาถ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และกุสินารา สถานที่ปรินิพพาน”

และนั่นจึงเป็นที่มาของสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ซึ่งถือเป็นธรรมะสังเวชนียสถานหรือสถานที่ที่จะทำให้จิตใจของผู้มากราบไหว้ สามารถระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เร็วขึ้น แจ่มแจ้งและกระจ่างชัดขึ้น เนื่องจากในคำสอนนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสเสมอว่า “โย ธัมมังปัสสติ โส มัง ปัสสติ คือผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต”


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1A6L0E6MfXylc4mVnX8V1PgK2g3ju.jpg)

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หนึ่งในหน่วยงานที่เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาเล็งเห็นถึงความสำคัญการดินทางมาสักการะสังเวชนียสถาน จึงจัดสรรงบประมาณประจำปี2560 เพื่อให้มีการเดินตามรอยเส้นทางบุญ วัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้พระสงฆ์และพุทธบริษัทได้ไปประกอบศาสนกิจ นมัสการสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่ประเทศอินเดีย-เนปาล ระหว่างวันที่ 13-19 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้ร่วมเดินทางทั้งสิ้น 147 รูป/คน โดยมี พระครูนิโครธบุญญากร หรือพระมหาน้อย เจ้าอาวาสวัดไทยนิโครธาราม เนปาล พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย–เนปาล เป็นพระธรรมวิทยากร

ทีมข่าวศาสนา มีโอกาสร่วมเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบล และร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย สร้างความปลื้มปีติและรู้ซึ้งในรสพระธรรมอย่างมาก ทั้งยังได้ตระหนักอย่างแจ่มแจ้งถึงการปฏิบัติ ศาสนกิจ และการสานต่อศรัทธาธรรม อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1A6L0E6MfXylc4mVmByYur8kda8Yt.jpg)
พระครูนิโครธบุญญากร

“หากเรามีแก่นแท้แห่งธรรมแล้ว เราก็จะประพฤติปฏิบัติธรรมได้ทุกหนทุกแห่ง เพราะบุญกุศล มรรคผล นิพพาน สามารถที่จะอยู่ได้ในทุกๆที่ ที่จิตของเรามีศรัทธาเลื่อมใส แต่เหตุที่ต้องมาถึงประเทศอินเดีย–เนปาล เพราะเราประสงค์ที่จะมาศึกษาในสถานที่จริง ว่าที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและที่เสด็จดับขันธ์พระปรินิพพาน มีอยู่จริงหรือไม่ เมื่อเราได้มาเห็นแล้วเราก็จะกลับไปสอนลูกสอนหลาน สอนลูกศิษย์ได้ถูกต้องว่า สิ่งที่บรรพบุรุษได้พาเรานับถือมาคือพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่สามารถสัมผัส และจับต้องได้ในเชิงกายภาพ ส่วนในจิตภาพนั้นไม่ต้องพูดถึงเมื่อเข้า ถึงแก่นธรรมและได้เห็นสถานที่นี่แล้ว ด้วยเหตุนี้ความแตกต่างจึงเกิดขึ้นเพราะสังเวชนียสถานนั้นมีอยู่จริง ขณะที่ในแผ่นดินไทยของเราส่วนใหญ่ก็เป็นการจำลอง เพื่อให้กราบไหว้” พระครูนิโครธบุญญากร ขยายภาพความต่างของการมาเดินตามรอยเส้นทางบุญที่ดินแดนพุทธภูมิกับที่ประเทศไทย

(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1A6L0E6MfXylc4mVd6XObJEBco87A.jpg)

พระธรรมวิทยากร กล่าวอีกว่า ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ การส่งเสริมพระพุทธศาสนา ที่ดีที่สุดคือการนำพุทธะ เข้ามาอยู่ในตัวในตนของตัวเอง ให้พุทธะอยู่ในกายในใจของเรา เมื่ออยู่แล้วเราก็จะหล่อหลอม ให้ไปสู่ลูกหลานและตระกูลของเรา และถือว่าเป็นวิธีที่จะทำให้พระพุทธศาสนาของเราอยู่ได้ยาวนาน แต่สิ่งที่อยากย้ำเตือนพุทธบริษัทชาวไทย เมื่อมาเยือนแผ่นดินพุทธภูมิ คืออยากให้จัดวางความสำคัญให้เป็นว่าสิ่งใดเป็นหลักที่ควรจะทำอันดับแรก นั่นก็คือการไปกราบพุทธสถาน ให้ได้เต็มไม้เต็มมือ เต็ม เหนี่ยว เต็มกำลังแห่งความศรัทธา เพื่อจะได้ไปกราบไหว้เจริญภาวนาอย่างสูงสุด ส่วนการแจกทานซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะในหลักธรรมของพุทธศาสนา จะกล่าวอยู่เสมอว่า ทานคือการให้ แต่การมาในดินแดนพุทธภูมิ ควรศึกษาก่อนว่าให้แบบไหนการให้จึงจะทำให้ผู้ที่เราให้มีนิสัยดีขึ้น พระพุทธเจ้าได้สอนนางวิสาขา ผ่านบิดาของนางว่า ควรให้แก่คนที่ควรให้ และอย่าให้แก่คนที่ไม่ควรให้นั่นคือ หลักของการให้ในแผ่นดินพุทธภูมิ

แต่เหนืออื่นใด คือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนเสมอว่า ให้รู้จักทุกข์ รู้จักวิธีการกำจัดเหตุแห่งทุกข์ รู้การดับทุกข์และรู้วิธีการที่จะดับทุกข์ได้ สังเวชนียสถาน 4 ตำบลจึงถือเสมือนเป็นสิ่งเชื่อมโยงจิตใจของพุทธศาสนิกชนให้กระจ่างชัดถึงการแก้ปัญหาชีวิตของตัวเอง เพื่อการประสบกับความสุขที่ถาวรและยั่งยืน นั่นก็คือบรมสุขซึ่งได้ แก่ “พระนิพพาน”


(http://www.thairath.co.th/media/NjpUs24nCQKx5e1A6L0E6MfXylc4mVf0KfbVcOtdhoi.jpg)

จากการที่ ทีมข่าวศาสนา ได้ร่วมเดินทางตามรอยเส้นทางบุญขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากับคณะฯครั้งนี้ และได้เห็น สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ทั้ง สถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพาน ทำให้เกิดความตระหนักและซาบซึ้งถึงรสของพระธรรม ทั้งพบว่าการเรียนในห้องเรียน เสมือนได้ดูเพียงแผนที่เท่านั้น แต่การได้เห็นสถานที่จริงทำให้สามารถมองย้อนกลับไปสู่การบำเพ็ญเพียรของพระพุทธองค์ และเกิดความเข้าใจในธรรมะอย่างแท้จริง ทั้งซาบซึ้งและทวีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ทั้งพร้อมที่จะปวารณาตัวเป็นสะพานบุญในการเผยแผ่ศาสนาให้เกิดความยั่งยืนสืบต่อไป

แต่สิ่งที่เราอยากขอฝากถึงพุทธบริษัททุกคน ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส คือเพียงแค่การได้มีโอกาสไปกราบไหว้สักการะ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ด้วยความศรัทธาเลื่อมใสนั้น น่าจะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพราะนั่นยังไม่ได้หมายถึงการเข้าถึงเนื้อแท้แก่นธรรม ที่จะสามารถนำพาให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทุกข์ได้

แต่การยึดมั่นปฏิบัติตนตามพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด คือเส้นทางที่จะนำไปสู่ความถึงซึ่ง “บรมสุข” อย่างถาวรและยั่งยืน และนั่นเท่ากับการได้ร่วมกันสานต่อและเดินตามรอยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแท้จริง.

   ทีมข่าวศาสนา


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://www.thairath.co.th/content/897105 (http://www.thairath.co.th/content/897105)