หัวข้อ: "พุทธบริษัท" ต้องช่วยกัน พิทักษ์รักษา 'พระพุทธศาสนา' เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 31, 2017, 09:43:58 am "พุทธบริษัท" ต้องช่วยกัน พิทักษ์รักษา 'พระพุทธศาสนา' ภิกษุส่วนใหญ่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมวินัย ไม่ทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียน ไม่เจริญสติและเจริญปัญญา ในการฝึกฝนอบรมขัดเกลากิเลสแแล้วยังเผยแผ่พระธรรมไม่ถูกต้อง “พระพุทธศาสนา” เป็นศาสนาที่มีอายุเก่าแก่ถึง 2,645 ปี นับตั้งแต่พระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ คือ ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ การดับทุกข์ และหนทางการดับทุกข์ พระพุทธองค์ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรในวันเพ็ญเดือน 8 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ซึ่งเป็นพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณที่มีต่อชาวโลก “พระพุทธศาสนา” ในประเทศไทยจะมีความเจริญมั่นคงเพียงไรนั้นขึ้นอยู่กับพุทธบริษัทซึ่งประกอบด้วย ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา หากภิกษุประพฤติปฏิบัติตนอยู่ใน “พระธรรมวินัย” อุบาสกและอุบาสิกามีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องในพระธรรม ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธองค์ พระพุทธศาสนาย่อมมีความเจริญมั่นคง แต่ในทางกลับกันหากภิกษุไม่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ใน “พระธรรมวินัย” อุบาสกและอุบาสิกาไม่มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องในพระธรรม พระพุทธศาสนาย่อมไม่มีความเจริญมั่นคง ทุกวันนี้ภิกษุส่วนใหญ่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมวินัย นอกจากจะไม่ทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนพระธรรม (คันถธุระ) ไม่เจริญสติและเจริญปัญญา (วิปัสสนาธุระ) ในการฝึกฝนอบรมตนเพื่อขัดเกลากิเลสแแล้ว ยังมีการเผยแผ่พระธรรมที่ไม่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก :96: :96: :96: :96: ในขณะที่อุบาสกและอุบาสิกาส่วนใหญ่เป็นผู้ตื่นมงคลและงมงาย มุ่งแต่การประกอบพิธีกรรมด้วยวัตถุสิ่งของ(อามิสบูชา) แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการทำความรู้ความเข้าใจในพระธรรมอย่างถูกต้อง จึงเป็นผู้เห็นผิด(มิจฉาทิฐิ) ไม่รักษาศีล 5 มุ่งแต่การทำบุญเพื่อหวังในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จึงเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา การทำลาย “พระพุทธศาสนา” ที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายใน โดยภิกษุที่ไม่อยู่ใน “พระธรรมวินัย” อุบาสกและอุบาสิกาที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมอย่างถูกต้อง เป็นสิ่งที่ฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายพุทธจักรจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อปฏิรูปการบริหารจัดการกิจการทาง “พระพุทธศาสนา” ของคณะสงฆ์ครั้งใหญ่ ให้มีความถูกต้องตามพระวินัยและมีประสิทธิภาพ อุบาสกและอุบาสิกาที่ศึกษาพระธรรมโดยมีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง จะต้องออกมาช่วยกันอย่างแข็งขันในการเพ่งโทษ ติเตียน และโพนทะนาภิกษุที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนตามสิกขาบท ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ในพระวินัย 227 ข้อเพื่อเป็นการพิทักษ์รักษา “พระพุทธศาสนา” ให้มีความเจริญมั่นคง ในครั้งพุทธกาลก็มีการเพ่งโทษ ติเตียนและโพนทะนาภิกษุที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในพระวินัย :32: :32: :32: การเพ่งโทษ (อุชชายติ) คือ การเห็นถึงความประพฤติที่ไม่ดี ประพฤติชั่ว กล่าวให้เข้าใจว่านี้คือพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เป็นเหตุนำมาซึ่งความไม่เลื่อมใสของผู้อื่น การติเตียน (ถียติ) คือ การตำหนิให้รู้ตัวว่าเป็นสมณะซึ่งเป็นเชื้อสายพระสากยบุตร ทำอย่างนี้ได้อย่างไร เป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควร การโพนทะนา (วิปาเจติ) คือ การพูดให้กว้างขวางออกไป กระจายข่าวให้แพร่สะพัดไปในทุกที่ทุกสถาน โดยมุ่งประโยชน์ให้สำนึกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้เข้าใจถูกต้องว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่เหมาะไม่ควร เพื่อเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่อย่างถูกต้อง การเพ่งโทษ การติเตียนและการโพนทะนา จะต้องกระทำด้วยกุศลจิต มีเมตตาและความกรุณา เพื่อเป็นการพิทักษ์รักษา “พระพุทธศาสนา” ให้ถูกต้องและมีความเจริญมั่นคงสืบไป คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล” ที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/564892 (https://www.dailynews.co.th/article/564892) |