หัวข้อ: อัจฉริยะพระเจ้าตากสิน! ทรงจับยามสามตาดูข้าศึก และให้โอวาทพระสงฆ์โดยภาษาญวนและจีน เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 31, 2017, 09:50:07 am (https://mpics.manager.co.th/pics/Images/560000003285901.JPEG) พระบรมรูปพระเจ้าตากสินที่วัดอินทาราม อัจฉริยะพระเจ้าตากสิน! ทรงจับยามสามตาดูข้าศึก และให้โอวาทพระสงฆ์โดยภาษาญวนและจีนตามนิกาย!! พระอัจฉริยะของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้น เป็นที่ยอมรับกันว่า พระองค์ทรงพระปรีชาทั้งด้านการทหาร ภาษา ทั้งยังมีญาณวิเศษ ทรงได้เลื่อนพระอิสริยยศเป็นเจ้าเมืองตากด้วยพระชนม์เพียง ๓๐ พรรษาเท่านั้น และเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกในปี ๒๓๑๐ พระองค์ได้นำไพร่พลประมาณ ๕๐๐ กว่าคนตีฝ่าวงล้อมข้าศึกไปตั้งหลักที่จันทบุรี เมื่อรวบรวมไพร่พลได้แล้ว ก็นำทัพเรือมาถึงปากน้ำในเวลากลางดึก รุ่งเช้าก็เข้าตีกรุงธนบุรีได้ จากนั้นก็ยกพลต่อไปในกลางคืน เช้าก็เข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น กอบกู้กรุงศรีอยุธยาคืนได้โดยใช้เวลาเพียง ๒ วัน ๒ คืนเท่านั้น พระอัจฉริยะทางด้านภาษานั้นยิ่งเป็นที่น่าแปลกใจ ในระหว่างที่ถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ ได้ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษา จนสามารถพูดได้ทั้งจีน ญวน แขก ในพงศาวดารบันทึกไว้ว่า ตอนนำทัพไปตีเมืองพุทไธมาศในปี ๒๓๑๔ มีหนังสือบอกข่าวมาว่าพม่าจะยกทัพจากเมืองเมาะตะมะมาตี แต่พระองค์ไม่ได้ทรงเชื่อตามหนังสือนั้น :96: :96: :96: :96: จดหมายเหตุการทัพบันทึกไว้ว่า “ครั้นทรงอ่านสัมฤทธิ์แล้ว จึงทรงจับยามและอนุมานด้วยญาณตามกระแสเนื้อความนั้น จึงตรัสแก่บริษัททั้งปวงว่า พม่าจะยกมานั้นหามิได้ ในทันใดจึงทรงซักไซ้ไต่ถามลาวมีชื่อด้วยภาษาลาว ก็แจ้งตระหนักในพระญาณเป็นแน่แท้ว่า พม่าจะยกมานั้นหามิได้” ทรงเชื่อในญาณ มากกว่าหนังสือบอกข่าวทัพ วันต่อมาเสด็จไปบำเพ็ญพระราชกุศล ณ วัดญวน ให้สังฆการีธรรมการนิมนต์พระสงฆ์ทั้ง ไทย จีน ญวน เป็นอันมากมาพร้อมกัน แล้วสวดพระพุทธมนต์ตามภาษาของตน ครั้นจบถวายไทยทานแล้ว พระองค์ก็ตรัสประภาษให้โอวาทพระสงฆ์ญวนโดยภาษาญวน พระสงฆ์จีนโดยภาษาจีน ในพระราชอธิบายว่า ให้ตั้งอยู่ในพระวินัยสังวรศีล อย่าให้เสพเมถุนต่อสีกา สามเณร คฤหัสน์ ถ้ามิได้ตั้งอยู่ในวินัยบัญญัติฉะนี้ จะให้ตัดศีรษะเสีย ถ้าศีลขาดยังต่อได้ แต่ถ้าขาดพระวินัยข้อนี้ต่อไม่ติดแน่ คอลัมน์ เรื่องเก่า เล่าสนุก โดย โรม บุนนาค http://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031666 (http://manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031666) |