สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 09, 2017, 09:53:50 pm



หัวข้อ: เพื่อนฉัน ยามทุกข์ หัวเราะด้วยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 09, 2017, 09:53:50 pm
(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/18301592_256097318199993_2352677207451298779_n.jpg?oh=74c89ce8236d59ca6659de3ed1f479fa&oe=59C1D28D)

ธัมมะวังโส ชอบพระองค์นี้มาก
พูดตรง ๆ ว่า ชอบมาก เลย ตอนเห็นครั้งแรก และเป็นที่มาของนิมิต กัจจายนะด้วย ( เอาไว้เล่ากับศิษย์ สืบทอด )
เป็นพระ แกะสลัก ที่ยอมหาเงินไปซื้อกลับมา
บอกตรง ๆ ว่าหลายบาท พระแกะสลักองค์นี้ซื้อทองได้ 3 สลึง สมัยที่หนังเป็น VDO -VHS เทปเส้น

( สมัยนั้นทองบาท 4400 )

ทุกวันนี้เวลาฉันมองพระแกะสลักองค์นี้ แล้ว ฉันก็จะหัวเราะ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน อะไร เวลามันมีเรื่องราวที่ปวดหัว เวียนเกล้า เรื่องของชาวโลก มันทำให้กังวล ฉันมองพระองค์นี้แล้ว หัวเราะด้วยกัน

บอกกับท่านว่า เป็นพระบ้า ๆ ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องให้มีใครจดจำเรา ไม่ต้องบูชาเรา เคารพเรา เป็นอย่างคนสูญ พระสูญ

ดังนั้น สำหรับพระองค์นี้ ถือว่าเป็นเพื่อนกัน เกือบ 17 ปีแล้วตั้งแต่ก่อนเริ่มมีสำนักงาน ส่งเสริมพระกรรมฐาน ดูไปดูมา น้ำมนต์บางขวดเก็บมาจะ 20 ปีแล้วในขวด ไม่รู้น้ำจะเน่าไหม ? ไม่ได้ใช้เลย นำ้มนต์ 108 วัด



หัวข้อ: Re: เพื่อนฉัน ยามทุกข์ หัวเราะด้วยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 10, 2017, 07:33:57 am
ปกติย้อนหลังไป 25 ปี ฉันเป็นศิษย์ในสายสวนโมกขพลาราม เป็นระดับอาจารย์ด้วย ในสายเหนือนั้น ฉันได้รับมอบหมายร่วมกับครูอาจารย์ฉันในสายเหนือ มีหัวหน้าทีม คือ พระวิรัตน์ วิรตนโน ( หลานหลวงพ่อพุทธทาส ) เป็นผู้นำสายในการเผยแพ่ พระธรรมใน วค. ตั้งแต่ ปทุมธานี จนถึง วค.เชียงราย เป็นที่สุดท้าย ใช้เวลาเดินทางขึ้นไปแต่ ละ วค. ตอนนั้นใช้เวลา วค. ละ 3 วัน เสร็จสิ้นโครงการ ธรรมโฆษณ์สัญจร ใช้เวลา 45 วัน ในการเดินทาง ต้องพักนอนกันใน วค. ตอนนั้น โดยแต่ละ วค. ก็จะจัดรถ ส่งกันไป วค.ต่อไป มีเพียง วค.เดียวที่ทำหน้าที่ ส่งพระกลับ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ที่ ปากเกร็ด คือ วค.เชียงราย ไปตอนนั้นหนาวมาก ๆ ที่ เชียงราย
( เล่าประกอบ นิดหน่อย )

ดังนั้นความเป็นศิษย์ สายนี้ จึงมีการ แอนตี้ เรื่อง การสร้างพระเครื่อง การหล่อพระพุทธรูป การทำพิธิทำพุทธาภิเษก เปิดเนตร เบิกเนตร พ่นนำ้หมาก สาดน้ำมนต์ เรื่องเครื่องรางของขลัง ฉันไม่เคยสนใจเลยนะ และได้มาก็จะแจกออกไปให้กับคนที่ชอบ สมัยก่อน ก็เจอพระเกจิ มอบให้กับมือเลย หลายรูป หลายองค์ แต่ด้วยความไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ทำให้ฉัน ทิ้งสิ่งทีเรียกว่า วัตถุมงคล ต่าง ๆออกหมด ไม่สนใจและไม่ทำพิธิ แนวไสยศาสตร์ ดูดวง เขียนยันต์ พวกนี้ โดนฉันว่าหมด มองเห็นพระที่ออกแนวนี้เหมือนฉันหลายองค์ ที่เริ่มต้น ถามฉันว่า ทำไมไม่ห้าม ก็ต้องตอบว่า มันเป็นไปตามลำดับ ถึงเวลามันจะเข้าใจของมันเอง ว่า อะไรคือแก่น อะไรไม่ใช่
( พูดยาวไปแล้ว เดี่ยวไม่เข้าเรื่อง ที่จะเล่า )

ในช่วงที่มีการเกณฑ์ทหาร ฉันถูกคัดเลือกโดนใบแดง จึงจำใจต้องลาสิกขาบถ ออกมาเป็นทหาร หลังจากเป็นทหารไปแล้ว 2 ปี ก็มีการเปลี่ยนวิถีชีวิตหลายอย่าง

วันหนึ่งฉันเดินผ่านข้างถนน มีพ่อค้า นำไม้แกะสลัก เขาเรียกว่า ไม้มะยมป่า แกะสลักเป็นพระยืนยิ้มพุงพลุ้ย แบกถุงย่าม แบบพระสายจีน ฉันเดินผ่านไป รอบแรก รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ วันที่สองก็เห็นอีกพ่อค้าคนเดิมตั้งวางไว้อย่างนั้นอีก วันนี้รู้สึกเห็นแล้ว รู้สึกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราต้องคิดถึง พระไม้แกะสลักองค์นี้ วันที่สามเดินผ่านอีก ก็พ่อค้าคนเดิมอีก แต่วันนี้ลองไปยกดู หนักมาก ประมาณ 15 กก.แต่พออุ้มได้ เหมือนปูนลูกหนึ่ง พอได้ยกดูรู้สึกว่า ใจชอบมาก เลยถามราคาว่า ขายเท่าไหร่ พ่อค้าตอบว่า 2500 บาท ตอนนั้น โห 2500 บาท เยอะนะ ทองราคาบาทละ  4200 บาท นะตอนนั้น 2500 บาท นี่ถือว่าแพงมากเลยนะ สำหรับฉัน ก็เลยวางลง วันที่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด ฉันก็ไปยืนมอง พ่อค้าจนจำได้แล้วว่า ต้องมายืนดูพระแกะสลักองค์นี้ และก็แปลก พ่อค้าบอกว่า ใครๆ ก็มาดูกัน ตั้งแต่มายังขายไม่ได้เลยองค์นี้ คงจะเลิกแกะสลัก รูป พระจีน แล้ว เพราะว่าขายยาก ฉันก็เลยบอกว่า เดี่ยวก็ขายได้ ผ่านไป อีก 7 วัน รวมเป็น 18 วัน วันนั้นคนขายบอกว่า จะกลับบ้านแล้วนะพี่ พรุ่งนี้ไม่ได้มาขายแล้วตรงนี้ ถามบ้านอยู่ไหน เขาตอบว่า อยู่ลำปาง ตอนนี้ พี่น้องขายของกันได้เกิน 50% พอได้ทุนก็จะกลับบ้านก่อน เขาก็เลยบอกว่า เห็นพี่มายืนดุตรงนี้ 10 กว่าวันแล้ว ผมขายต้นทุนบวกค่าแรง 200 บาท นะ เอาไหม ก็ถามกลับไปว่า เท่าไหร่ จะขาย เขาตอบว่า 1500 บาท ลดให้ 1 พันบาทจะกลับบ้านแล้ว วันนั้นก็เลยตัดสินใจ ซ์้อพระแกะสลักองค์นี้มา ตั้งแต่ได้มาเข้าบ้าน ก็แปลกดีนะ ฉันฝันเห็น พระอ้วน ๆ ทุกวันแต่เป็นพระฝ่ายเถรวาท มาบอกในฝัน ว่าจะสอนกรรมฐาน ให้เอาหรือป่าว ก็ตอบว่า ไม่เอา ถ้าจะสอนให้ผม ๆ ขอให้ขายของได้ มีคนจ้างงานผม ดีกว่า ท่านก็บอกว่า เอาอย่างนั้นก่อนหรือ ครับ เอาอย่างนี้ก่อน เรือ่งกรรมฐาน ยังไม่สนใจครับ ท่านบอกว่าเวลาเหลือน้อยแล้วนะ จะไม่ทันการณ์ เวลาอะไร ครับ ตอบไม่ได้ มันเป็นความลับของวัฏจักร ตอนนั้นเลยไม่เข้าใจ

ช่วงนี้ทำมาค้าขึ้น งานเข้ามากเลย มีคนจ้างเขียนโปรแกรม ขายเครื่องก็ได้มาก มีกำไร มีเงินหมุน ซื้อทองใส่คอ ใส่เลสทอง ใส่แหวนทอง แหม มันล่ำซำจริง ๆ ช่วงนี้


หัวข้อ: Re: เพื่อนฉัน ยามทุกข์ หัวเราะด้วยกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 10, 2017, 07:43:11 am
มีอยู่ตอนหนึ่ง วันนั้นทุกข์มากเลย ทุกข์จนมือก่ายหน้าผาก พอนอนหลับไป พระองค์นี้ก็เข้ามาบอกว่า ทุกข์หรือป่าว ตอบว่าทุกข์สิ ท่านบอกว่า นั้นอุ้มข้า ขึ้นมา พอไปอุ้มพระหนักกว่า 16 กก นะองค์นี้ หนักเกือบปูน 1 ถุง ไม่ได้อุ้มสบายนะ ท่านบอกว่า หนักไหม ก็ตอบว่า หนัก ท่านบอกว่า หนักก็วางสิ จะอุ้มไปทำไม อ้าวก็ท่านบอกให้ผมอุ้มนี่ ใช่อันนี้ข้าบอก แล้วเรื่องอื่นใครบอกให้อุ้ม ตอบ ไม่มีใครบอก ถ้าไม่มีใครบอกแล้วไปอุ้มทำไม ตอนนนั้น งง แต่ก็เข้าใจด้วยปัญญาว่า บางครั้งเราควรต้องปล่อยวางบ้าง ปัญหา มันมีทั้งแก้ได้ และแก้ไม่ได้ แก้ได้ ก็ต้องมีสติ ที่แก้ไม่ได้ ก็ต้องเจริญธรรม