สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 10, 2017, 08:40:51 am



หัวข้อ: ถ้าภาวนา ก็จะเข้าใจ ถ้าไม่ภาวนาอะไร มันก็เข้าใจอะไรไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 10, 2017, 08:40:51 am
มองเห็นแต่สี อารมณ์แน่วแน่ในสีเดียว อันนี้เป็น อุปจาระฌาน
มองเห็นแต่สี แต่เห็นแค่ดวงกสิณสีนั้นสีเดียว สีอื่น ๆ หายไปหมด อันนี้เป็น เอกัคคตารมณ์ อัปปนาฌาน ( จตุตถฌาน 4 )
มองเห็นแต่จิต ที่แล่นไปในอารมณ์เดียว แต่อารมณ์ก็ยังมีอยู่ เคียงกัน อันนี้เป็น อุปจาระฌาน
มองเห็นแต่จิต ที่แล่นไปในอารมณ์เดียว อารมณ์อื่นๆ ดับหมด อันนี้เป็นเอกัคตารมณ์ อัปปนาฌาน ( จตุตตถฌาน 4 )
อะไรชื่อว่า มีอารมณ์เดียว แต่มีอารมณ์ อื่นร่วมอยู่ด้วย
จิตที่แล่นไปใน วิตก ( บริกรรม ) มีอารมณ์เดียว เช่นคำว่า พุทโธ เป็นต้น ชื่อว่าแล่นไปในอารมณ์เดียว
จิตที่แล่นไปในอารมณ์เดียว แต่มีอารมณ์ประกอบด้วย วิจาร ( การพิจารณาเรียนรู้ในบริกรรมขณะนั้น ) แต่มีอารมณ์ประกอบด้วย ปีติ ( ความอิ่มใจในบริกรรมขณะนั้น ) แต่มีอารมณ์ ปัสสัทธิ ( ยุคลธรรมในขณะนั้น ) แต่มีอารมณ์ สุข ( สุขที่กิเลส นิวรณ์ ธรรมดับ พ้นจากความเป็น บวก เป็นลบ เป็นกลาง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่สงสัยแน่วแน่ ในขณะนั้น ) ชื่อว่า มีอารมณ์เดียว แต่มีอารมณ์อื่นร่วมอยู่ด้วย
ดังนั้น จิตที่แล่นไปในอารมณ์เดียว แต่มีอารมณ์อื่นร่วมอยู่ด้วย ชื่อว่า อุปจาระฌาน
อะไรชื่อว่า มีอารมณ์เดียว แต่อารมณ์อื่น ๆ ดับหมด
จิตที่แล่นไปในบริกรรมเดียว มีอารมณ์เดียว เข้าสู่ การพิจารณาบริกรรมนั้นด้วย อุคคหนิมิต และ ปฏิภาคนิมิต ประกอบด้วยอารมณ์ มีปีติ( อิ่มใจ ) มีสุข( เพราะนิวรณ์ดับ ) มีอุเบกขา ( วางเฉย ต่ออารมณ์ อื่น ๆ ที่มากระทบในขณะนั้น ) ด้วยอำนาจสมาธิ
นี้ ชื่อว่า ปฐมฌาน ประกอบด้วยองค์แห่งอารมณ์ 5 มี วิตก วิจาร ปีติ สุข อุเบกขา( เอกัคคตา)
เพราะเรียนรู้ในนิมิตนั้นอย่างถ่องแท้ บริกรรมจึงดับ การเรียนรู้ก็ดับ เพราะอาศัยวิตก วิจาร (คำบริกรรม และ การเรียนรู้ในปฏิภาคนิมิต ในขณะนั้น ) เพราะ วิตก และ วิจาร สงบไป จิตแล่นไปในปีติ และ สุข อย่างเดียวด้วยนิมิตนั้น ชื่อว่า ทุติยฌาน ไมมีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ ปีติ สุข อุเบกขา( เอกัคตตา )
เพราะวิตกวิจารสงบลงไป มีปีติและสุข เกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป ชื่อว่า ตติยฌา่น เพราะปีติ ดับไป มีแต่ สุข อุเบกขา ( เอกัคคตา )
พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุขบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มี อุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ มีอารมณ์แล่นไปใน อุเบกขา ( เอกัคคตา ) ชื่อว่า จตุตถฌาน ไม่มี วิตก วิจาร ปิติ และ สุข มีเพียงแต่ อุเบกขา เป็นผลสมาบัติ อย่างนี้แล ชื่อว่า ผู้มีจิตแล่นไปในอารมณ์เดียว อารมณ์อื่น ๆ ดับหมดนั่นเอง
ขอดวงตาเห็นธรรม จงมีแก่ท่านทั้งหลาย
ขอความสำเร็จในธรรม จงมีแก่ท่านทั้งหลาย
ขอให้ทุกท่านจงเป็นผู้มีความสวัสดี เทอญ
เจริญพร
ชื่อภาพ สรรพสิ่งมีกำเนิด จากที่เดียวกัน เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เหตุดับ ปัจจัยก็ดับ เมื่อเหตุปัจจัยดับ ทุกอย่างก็จะดับลงนั่นเอง


(http://madchima.net/2017/1.jpg)


หัวข้อ: Re: ถ้าภาวนา ก็จะเข้าใจ ถ้าไม่ภาวนาอะไร มันก็เข้าใจอะไรไม่ได้
เริ่มหัวข้อโดย: นิรตา ป้อมนาวิน ที่ มิถุนายน 10, 2017, 11:24:12 am
 :25: st11 st12