หัวข้อ: วัดพิษณุโลกผุดไอเดีย ‘เทวดาใส่แว่นตาดำ’ แฝงคติธรรม-สะท้อนแดดไล่นก เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 30, 2017, 07:21:44 am (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/06/S_6309352908424-728x487.jpg) วัดพิษณุโลกผุดไอเดีย ‘เทวดาใส่แว่นตาดำ’ แฝงคติธรรม-สะท้อนแดดไล่นก วัดอินทรีย์ หมู่ 4 ตำบลวัดพริก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ผุดไอเดียสุดแปลก ใส่แว่นตาดำกันแดดให้ พระพรหมหรือเทวดา เจ้าอาวาสเผยเป็นหลักธรรมะสอนคนรุ่นหลัง เพราะกระจกเป็นเหมือนสิ่งที่สะท้อนกลับมาที่ตัวเรา นอกจากนี้ที่วัดเกิดปัญหามีนกเยอะ พอใช้กระจกใส่ไว้ที่พระพรหมหรือเทวดา เมื่อสะท้อนแสงแดดนกก็จะกลัวบินหนี มาเกาะตัวอุโบสถน้อยลงมาก วันที่ 29 มิถุนายน 2560 ที่วัดอินทรีย์ หมู่ 4 ตำบลวัดพริก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ คาดว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ร่วมสมัยกับสงครามบ้านปากพิง อยู่ห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 12 กิโลเมตร ไปตามถนนสายพิษณุโลก – บางกระทุ่ม ซึ่งในวัดปรากฏซากปรักหักพังเก่าแก่หลงเหลือให้เห็นอยู่มาก (https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2017/06/S_6309353251460-728x487.jpg) พระครูมานะ มหาวีโร หรือ พระครูพิริยะวิระกิจ เจ้าอาวาสวัดอินทรีย์ ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า วัดนี้หากใครไม่ทราบประวัติก็จะนึกถึงนกอินทรี แต่ที่แท้จริงแล้วชื่อวัดนี้ตั้งขึ้นตามชื่อของต้นนนทรี ซึ่งเป็นชื่อทางวิชาการ แต่ชาวบ้านเรียกว่าต้นอินทรี ซึ่งมีขึ้นอยู่รอบวัด และได้สร้างความร่มเย็นให้กับวัดมาช้านาน เมื่อปี 2556 มีการสร้างศาลาการเปรียญ พร้อมทั้งสร้างพระประธานขนาดใหญ่ประจำศาลาด้วยไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่ และได้ช่างแกะสลัก คือกำนันอัฐ ซึ่งเป็นกำนันในเขตตำบลหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ซึ่งก็บังเอิญได้พบไม้ตะเคียนทองขนาดใหญ่มากจมลึกอยู่ในดินโคลนแม่น้ำยมสายเก่า จังหวัดแพร่ จึงทำพิธีอัญเชิญและเริ่มแกะสลักเป็นองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราชทั้งองค์ แบบไม่ได้ตัดต่อไม้ มีขนาดหน้าตักกว้าง 85 นิ้ว ถือว่าเป็นพระพุทธชินราชไม้ตะเคียนทองที่ใหญ่ที่สุด เมื่อแกะสลักจนสวยงามแล้วพุทธศาสนิกชนได้พร้อมใจกันอัญเชิญมาประดิษฐาน อยู่บนศาลาการเปรียญแห่งนี้ โดยพุทธศาสนิกชนได้ตั้งชื่อว่า หลวงพ่อสมเด็จพระสัพพัญญุตญาณองค์ปฐม ทางวัดเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา มาถึงทุกวันนี้ ซึ่งพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทราได้แวะมากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างต่อเนื่อง (https://obs.line-scdn.net/0h6AZ9bihYaW5nQEZdxe0WOV0WagFULHptA3Y4bTsuN1pCdCtoDHF2W0tDYAseci4wCXQuCUBHcl9NeC9tXHJ2/w644) พระครูพิริยะวิระกิจ ยังได้กล่าวถึงเรื่องการบูรณะพระอุโบสถใหม่อยู่ในขณะนี้เพราะอุโบสถเดิมที่สร้างด้วยไม้และผุพังชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาว่า ที่ประดับกระจกไว้ด้านนอกและใส่แว่นตาดำให้กับพระพรหมหรือเทวดา นั้น เป็นความคิดของตน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้คิดว่าเวลามองกระจกก็จะเห็นหน้าตนเอง ดังนั้นการสร้างความดีหรือติเตียนคนอื่นนั้น ก็ขอให้มองกระจกก็จะสะท้อนดูตัวเราเองก่อนว่าเรามีความสามารถพอไหม ทำดีพอไหม ก่อนที่จะไปติติงผู้อื่น และกระจกนี่ก็เป็นตัวธรรมะด้วยว่า บาปหรือบุญหรือผลกรรมใด ๆ ก็แล้วแต่ ถ้าเราทำเองก็ต้องรับเอง ก็เหมือนกระจกที่จะสะท้อนกลับมาที่ตัวเรา ส่วนพระพรหมหรือเทวดาที่ใส่แว่น ก็เป็นหลักธรรมะอีกเหมือนกัน ว่าผลประโยชน์คุณงามความดี บุญกุศล หรือกรรมต่าง ๆ ที่เราทำไว้ จะปกปิดไว้ไม่ได้ สักวันก็ต้องมีคนรู้คนเห็น จะโยนให้คนอื่น หรือจะให้คนอื่นช่วยปิดบังไว้ก็ไม่ได้ ทุกคนต้องยอมรับในการกระทำหรือบ่วงกรรมอันนี้ ในส่วนของทางวิทยาศาสตร์ก็มีประโยชน์ ทุกวัดจะมีนกเยอะ พอใช้กระจกก็จะสะท้อนแสงแดดนกก็จะกลัว มาเกาะตัวอุโบสถน้อยลง แต่ก็ไม่หมดได้แค่น้อยลง อย่างไรก็แล้วแต่เรื่องนี้เป็นธรรมชาติ ส่วนที่หลัก ๆ ก็คือเป็นการแฝงคติธรรมให้กับญาติโยมคนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ได้เอาไปฉุกคิด เอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นการสอนจิตเตือนใจทุกเมื่อทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นก่อนพูด ขณะพูด หลังพูด หรือก่อนทำ ขณะทำ หรือทำแล้ว ขอบคุณภาพข่่าวจาก https://www.matichon.co.th/news/592465 (https://www.matichon.co.th/news/592465) |