สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 01, 2017, 05:56:05 am



หัวข้อ: สืบทอดพระพุทธศาสนา ตามพระธรรมวินัย
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 01, 2017, 05:56:05 am


สืบทอดพระพุทธศาสนา ตามพระธรรมวินัย

การจัดการทรัพย์สินทั้งที่เป็นศาสนสมบัติกลางและศาสนสมบัติของวัดจะต้องมีการปฎิบัติให้ถูกต้องสอดคล้องกับพระวินัยอย่างเคร่งครัด

พระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือน 6 และทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตนสูตรแก่ปัญจวัคคีย์ในวันเพ็ญเดือน 8 เมื่อ 45 ปีก่อนพุทธศักราช และทรงบัญญัติสิกขาบท 227 ข้อ ในพระวินัยให้ภิกษุสงฆ์ประพฤติปฏิบัติเพื่อขัดเกลากิเลสในครั้งพุทธกาล

ในอดีตชาติก่อนที่พระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ อริยสัจ 4 ซึ่งเป็นความจริงอันประเสริฐ พระองค์ได้เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏเป็นเวลาถึง 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป พุทธบริษัทจึงต้องตระหนักในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ด้วยการทำหน้าที่ของพุทธบริษัทให้ถูกต้องสมบูรณ์

 :96: :96: :96: :96:

การสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองของพุทธบริษัทจะต้องประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด เพราะพระธรรมวินัยเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธองค์ ซึ่งทรงแสดงหลักธรรมคำสอนและทรงบัญญัติสิกขาบทตามที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์

ประกอบด้วย พระวินัยปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์ พระสุตตันตปิฎก (พระสูตร) 21,000 พระธรรมขันธ์ พระอภิธรรมปิฎก 42,000 พระธรรมขันธ์ จึงเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคนไม่ว่าจะเป็นภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญมั่นคงสืบไป

ภิกษุมีหน้าที่ 2 ประการ ประการแรก คือ ศึกษาพระธรรม (คันถธุระ) และประพฤติปฏิบัติตามสิกขาบทในพระวินัย 227 ข้อ ประการที่ 2 คือ การเจริญสติและเจริญปัญญา (วิปัสสนาธุระ) อุบาสก อุบาสิกามีหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและฟังธรรมตามกาลเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง และมีความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ)

ทุกวันนี้พุทธบริษัทไม่ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง เพราะความไม่รู้ (อวิชชา) ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) กล่าวคือ...ผู้บวชเป็นภิกษุส่วนใหญ่ไม่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง และไม่มีอัธยาศัยในการครองตนอยู่ในเพศบรรพชิต จึงไม่มีการศึกษาพระธรรมและประพฤติปฏิบัติล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัยกันมาก

 :25: :25: :25: :25:

ประกอบกับการปกครองสงฆ์มีความหย่อนยานไม่ยึดมั่นในพระธรรมวินัย วงการสงฆ์จึงเสื่อมลงเป็นลำดับ อุบาสก อุบาสิกาส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง มุ่งแต่การประกอบพิธีกรรมโดยการกราบไหว้และอธิษฐานขอให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการตามความโลภที่มีอยู่มาก ทำบุญเพียงเพื่อหวังผลเท่านั้น ไม่รักษาศีลเพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ฟังธรรมตามกาลเพื่อละความเห็นผิด ประการสำคัญมีการทำบุญแบบผิดๆ โดยการถวายเงินทองแก่ภิกษุ ซึ่งทำให้ภิกษุล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัย มีโทษเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ หากไม่ปลงอาบัติก็จะเป็นภิกษุทุศีล เมื่อมรณภาพไปแล้วก็จะไปเกิดในอบายภูมิ

ภิกษุเป็นเพศที่บริสุทธิ์ดำรงชีวิตด้วยเครื่องอัฐบริขารเท่านั้น เพราะเป็นผู้สละแล้วในอาคารบ้านเรือน ทรัพย์สิน บิดามารดา ญาติมิตร ฯลฯ จึงเป็นผู้ที่สงบเพราะไม่ต้องข้องเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในโลกีย์วิสัย ความยินดีในเงินทองและการรับเงินทองของภิกษุ นอกจากจะเป็นเครื่องขวางกั้นไม่ให้ภิกษุเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แล้วยังจะนำไปสู่อบายภูมิ รวมถึงเป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อพระพุทธองค์ผู้ทรงบัญญัติสิกขาบทในพระวินัยอีกด้วย

การปฏิรูปการปกครองสงฆ์ จะต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติที่มีอยู่ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อาทิ มาตรา 1622 บัญญัติไว้ว่า พระภิกษุนั้นจะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมไม่ได้ เว้นแต่จะได้สึกจากสมณเพศมาเรียกร้องภายในกำหนดอายุความ แต่พระภิกษุนั้นอาจเป็นผู้รับพินัยกรรมได้ ซึ่งในมาตรา 1622 นี้ หากภิกษุมีความประสงค์รับพินัยกรรมต้องสึกจากความเป็นภิกษุเสียก่อน มิเช่นนั้นก็เป็นการขัดต่อพระวินัย

 st12 st12 st12 st12 st12

ใน มาตรา 1623 บัญญัติไว้ว่าทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาอยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ซึ่งในมาตรา 1623 นี้ การที่ภิกษุรับทรัพย์สินในระหว่างการครองสมณเพศและการจำหน่ายทรัพย์สินไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ไม่อาจกระทำได้เพราะเป็นการขัดต่อสิกขาบทในพระวินัย

การจัดการทรัพย์สินทั้งที่เป็นศาสนสมบัติกลางและศาสนสมบัติของวัดจะต้องมีการปฎิบัติให้ถูกต้องสอดคล้องกับพระวินัยอย่างเคร่งครัด มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและตรวจสอบเพื่อให้มีความโปร่งใส “การสืบทอดพระพุทธศาสนา” จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยโดยความร่วมมือร่วมใจระหว่างฝ่ายอาณาจักรและฝ่ายพุทธจักรด้วยความเห็นถูก เพื่อให้พระพุทธศาสนามีความเจริญมั่นคงยิ่งขึ้น

….....................
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”


ขอบคุณภาพจาก : www.gejisiam.com (http://www.gejisiam.com) , thn23939social.blogspot.com , วิกิพีเดีย   
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/582359 (https://www.dailynews.co.th/article/582359)