หัวข้อ: งดใส่บาตรอาหารสร้างบาป ลดเค็มพระสุขภาพดีได้บุญ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 07:11:30 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_09_06_17_9_29_33.jpeg) งดใส่บาตรอาหารสร้างบาป ลดเค็มพระสุขภาพดีได้บุญ พระสงฆ์มีแนวโน้มป่วยเป็นภาวะความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น ในโอกาส “วันอาสาฬบูชา” นี้จึงเริ่มต้นถวายอาหารไม่เค็ม-หวานจัด โดยงดอาหารแห้งเพื่อได้บุญอย่างแท้จริง ในโอกาส “วันอาสาฬหบูชา” ของปี 2560 นี้ตรงกับวันที่ 8 ก.ค. ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมเทศนา หรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าในวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์ 3 บริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_13_08_16_10_13_17.jpeg) สำหรับกิจกรรมที่ชาวพุทธนิยมปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นประเพณีช้านานนั่นคือ “การทำบุญ ตักบาตร” ที่ปัจจุบันยังคงปฏิบัติกันอยู่ แต่มีวาระพิเศษเพิ่มในเรื่องของถวายอาหารคาวหวานเพื่อสุขภาพของ พระสงฆ์ เนื่องจากปัจจุบันมีพระสงฆ์จำนวนมากเจ็บป่วยด้วย “โรคเรื้อรัง” หรือ “NCDS” มากขึ้น โดยเฉพาะโรคหัวใจและหลอดเลือด จึงได้มีการรณรงค์ให้ลดอาหารปรุงสุกประเภทไขมัน กะทิ อย่างเช่น แกงเขียวหวาน พะโล้ ฯลฯ แต่ยังมีอีกโรคหนึ่งที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงและพระสงฆ์มีแนวโน้มป่วยเพิ่มขึ้น นั่นคือ “ภาวะความดันโลหิตสูง” ซึ่งสังคมไทยในปัจจุบันมีประชาชนป่วยด้วย “โรคความดันโลหิตสูง” ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปเพิ่มสูงขึ้นในช่วง10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตวายเพิ่มขึ้นอย่างมาก และพบว่าการสูญเสียสุขภาวะจากโรคเรื้อรังคิดเป็น 50% ซึ่งสูงกว่าโรคติดต่อถึง 3 เท่า!! :96: :96: :96: :96: นท.พญ.วรวรรณ ชัยลิมปมนตรี เลขาธิการเครือข่ายลดบริโภคเค็ม อธิบายว่าคนไทยได้รับเกลือเฉลี่ยจากการรับประทานอาหาร 10.8 กรัมต่อวันต่อคน คิดเป็นปริมาณเกลือโซเดียมที่ได้มากถึง 4,351.69 มิลลิกรัมต่อวันต่อคน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนไทยได้รับเกลือในปริมาณที่มากกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันเกือบ 2 เท่า โดยใน 8 กรัมของเกลือนั้นมาจากเครื่องปรุงรส 2 กรัมของเกลือมาจากธรรมชาติของอาหาร 0.8 กรัมของเกลือมาจากอาหารข้างทาง หาบเร่ อาหารกินเล่น ซึ่งการที่ร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณที่สูงทำให้เกิด “ภาวะความดันโลหิตสูง” นอกจากนั้นยังทำให้เกิด “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายหนา” และเกิดการสะสมของผังพืดในกล้ามเนื้อหัวใจ และหลอดเลือด (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_13_08_16_9_58_31.jpeg) และยังมีผลกระทบโดยตรงต่อ “ไต” ซึ่งเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่กำจัดโซเดียม โดยทำให้ไตเสื่อมเร็วขึ้นจากการทำงานหนักและโปรตีนรั่วในปัสสาวะ และความเสื่อมนั้นจะคงอยู่ตลอดไปแม้จะมีการลดปริมาณโซเดียมลงในภายหลัง ล้วนแต่มีสาเหตุจากการได้รับเกลือและโซเดียมปริมาณสูง ดังนั้นการลดความดันโลหิตและโปรตีนในปัสสาวะ จะช่วยป้องกันลดการสูญเสียการทำงานของไตและภาวะแทรกซ้อนเป็นบ่อเกิดของโรคหัวใจและหลอดเลือด การบริโภคเกลือและโซเดียมในปริมาณสูงก่อให้เกิด “ภาวะความดันโลหิตสูง” ยังเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดและเพิ่มความรุนแรงของโรคเบาหวาน ซึ่งจัดเป็นปัญหา “โรคเรื้อรัง” ที่กำลังก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากเป็นสาเหตุของการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เกิดการขาดงาน ขาดประสิทธิภาพขณะทำงาน เกิดความพิการ สูญเสียโอกาสในการถูกจ้างงานเนื่องจากการเจ็บป่วย และยังรวมถึงภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาพยาบาลอีกด้วย st12 st12 st12 ดังนั้นเนื่องในโอกาสวันอาสาฬบูชาทางเครือข่ายเครือข่ายลดบริโภคเค็ม จึงขอใช้โอกาสนี้รณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปที่จะทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ ให้ระมัดระวังเรื่องการใส่บาตรพระ โดยเฉพาะอาหารที่จัดถวาย ควรเป็นอาหารที่ปรุงรสให้พอดี ไม่เค็มจัดหรือหวานจัดจนเกินไป โดยอาหารที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษประกอบด้วย อาหารแห้ง เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แหนมและปลากระป๋อง “วันอาสาฬบูชา” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “การทำบุญ ตักบาตร” ที่นอกจากจะได้บุญได้กุศลแล้ว พระสงฆ์ก็ยังจะมีสุขภาพที่ดี เจริญกิจของสงฆ์อย่างเป็นปกติสุขปราศจากโรคและภัย คอลัมน์ : Healthy Clean โดย “ชญานิษฐ คงเดชศักดา” ขอบคุณบทความจาก : https://www.dailynews.co.th/article/584007 (https://www.dailynews.co.th/article/584007) |