สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 16, 2017, 06:33:27 am



หัวข้อ: วันนี้ คุณตด แล้วหรือยัง.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 16, 2017, 06:33:27 am


วันนี้ คุณตด แล้วหรือยัง.?

เป็นคำถามที่หมอมักจะถามคนไข้หลังผ่าตัดประจำ เพราะถ้าตดแล้วแสดงว่าทางเดินอาหารพร้อมให้เริ่มกินได้
  ตด อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
  ตดเบาๆเท่านั้น ยังทำฉันสั่นดังฟ้าสะเทือน
  คุณเป็นคนตด อย่าลืม อย่าเลือน
  รักไม่จริงก็อย่ามาเฉือนหัวใจฉันด้วย ตดเลย
 
คนไข้บางคนจะถามหมอว่ากลิ่นตดเปลี่ยนไป ต้องการให้เหมือนเดิม หรือให้มีกลิ่นหอมทำไง ?
คำตอบอยู่ข้างล่างครับ

 :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ตำนานเคยมีกล่าวไว้ว่า พระนางจามเทวี มีกลิ่นหอมทั้งตัวรวมทั้งของเสียที่ออกมาด้วย...(หนังสือ"อึส่องโรค")

Flatology = ผายลมวิทยา คือศาสตร์ทางการแพทย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับแก๊สในกระเพาะลำไส้

เสียงตดเกิดจากการสั่นไหวของกล้ามเนื้อหูรูดปากทวารหนัก ตดจะดังมากดังน้อยจึงขึ้นกับโทนของกล้ามเนื้อหูรูดและความดันลมภายในลำไส้ใหญ่ แก๊สที่เกิดขึ้นจากการทำงานของแบคทีเรียหลายชนิด ชนิดที่ไม่มีกลิ่นและชนิดที่เหม็นแรงไปไกล ชนิดที่ไม่ติดไฟและชนิดที่ติดไฟ ตดเหม็นเกิดจากแก๊สhydrogen sulfideอันเนื่องมาจากแบคทีเรียไปกินอาหารที่มีซัลเฟอร์สูง เช่นเนื้อสัตว์,ไข่ เป็นต้น การกลั้น ไม่ผายลมออกมาในแต่ละวันอาจเป็นอ้นตรายต่อตัวคุณเองได้

มีการวิจัยในปี1950 ว่าคนอเมริกัน ปกติ ตดกี่ครั้งและมีแก๊สอะไรบ้าง ใครน้าเป็นคนออกทุนวิจัย  หน่วยงานนั้นคือ องค์การNASA  ที่ต้องวิจัยเพราะมนุษย์อวกาศอาจสำลักตดตาย(suffocate) หรือ ระเบิด ติดไฟจากมีเทน ได้ ผลการวิจัยสรุปว่าควรเลือกนักบินอวกาศที่มีปริมาณการตดน้อยๆ และ คนอเมริกันตดเฉลี่ย14ครั้งต่อวัน, ปริมาตรรวม 0.5 ลิตร/วัน,  ตดแต่ละครั้งเฉลี่ยออกมา 35.7 cc. ผู้ที่มีร่างกายสมบูรณ์และแข็งแรงดีจะตดประมาณ 12 – 23 ครั้งต่อวัน

มีรายงานใน New England Journal of Medicine1976 และบันทึกใน Guinness Book of World Records ว่ามีชาย28ปี ที่ทำสถิติตดมากที่สุดในโลก “70ครั้งใน4ชม.” หลังจากบริโภคนม

 :41: :41: :41:

แก๊สในลำไส้ประกอบไปด้วยแก๊สจากภายนอก ซึ่งเป็นอากาศที่รับเข้ามาผ่านทางปากและจมูก 90% และแก๊สที่เกิดขึ้นภายในลำไส้อีก 10% องค์ประกอบของตดหลัก ๆ จะเป็นแก๊สที่ไม่มีกลิ่่นคือ Nitrogen 59% (รับเข้ามา), Carbon dioxide 9% (สร้างมาจากแบคทีเรียหรือรับเข้ามา), Hydrogen 21% (สร้างมาจากจุลินทรีย์บางชนิด), Oxygen 3% (รับเข้ามา) และ Methane 7% (สร้างจากจุลินทรีย์พวก anaerobic),  กลิ่นที่เกิดขึ้นมาจากองค์ประกอบอื่น ๆ stinky stuff 1% (ซึ่งมักจะเป็นสารประกอบกำมะถัน) Hydrogen+Methane ทำให้ตดติดไฟได้

ผลิตภัณฑ์นมเป็นสาเหตุหลักใหญ่ที่ทำให้มีแก๊สมาก เนื่องจากการย่อยน้ำตาลแลคโตสยาก ดังเช่นชายข้างต้น พวกSorbitol และXylitol ก็ย่อยยาก พวก polysaccharides ปริมาณสูง เช่น ถั่วเม็ดแบน, ถั่วแขก, นม, หัวหอมใหญ่, มันเทศ, ชีส,เม็ดมะม่วงหิมพานต์ , บร็อคโคลี , กะหล่ำปลี, ข้าวโอ๊ต, ยีสต์ในขนมปัง และอื่นๆ

 :96: :96: :96:

กลิ่น เป็นอีกประเด็น พบว่า สาเหตุหลักเกิดจากการย่อยอาหารที่มีกำมะถันมาก (แก๊สไข่เน่า) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรลดพวกเนื้อสัตว์และไข่ เพื่อที่จะลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ นักวิจัยพบว่าพวกกินเนื้อมีซัลไฟล์ในลำไส้ใหญ่มากถึง15เท่าของพวกกินเจ

วิธีระงับกลิ่นคือใช้ Bismuth subsalicylate พวกบิสมัสจับกับซัลเฟอร์ได้ดี ควรใช้ช่วงสั้นๆ ใช้นานจะเกิดพิษได้ หรือใช้ activated charcoal

ยาตดหอม fart pill ปี2007 ชายฝรั่งเศสคิดค้นยาเม็ดตดหอม เปลี่ยนกลิ่นตดให้หอมเย้ายวน หาดูในอากู๋   FDA ไม่จัดเป็นdrug แต่จัดเป็น dietary supplement

เปลี่ยนมากินเจ อาจมีแก๊สมากขึ้นช่วงแรกแต่กลิ่นจะลดลง
เปลี่ยน Microbiome หรือ Fecal Transplant เรื่องนี้คุยอีกยาว

ถ้าไฮเทค ใช้กางเกงใน carbon fiber odor-eating underwear  งานวิจัยAmerican Journal of Gastroenterology ปี 2005ว่า ใช้ได้ผลดี

“Perhaps increased tolerance of flatus would be a better solution, for we tamper with harmless natural phenomena at our peril.”

 :s_good: :s_good: :s_good:

พวกที่สามารถตดเป็นเพลงได้เรียกว่า Flatulists คนที่ดังมาก คือ Mr. Methane หาฟังได้ในYouTube
นอกจากนี้เขายังเป็นคนทำสถิติ ตดนานที่สุดในโลก 59 วินาที (  https://www.youtube.com/watch?v=XCpPEnwQe3Q (https://www.youtube.com/watch?v=XCpPEnwQe3Q) )

Hippocrates himself was quoted as saying “passing gas is necessary to well-being.”



โดย ศัลย์หา
Credit : Line